Monday, July 28, 2014

GM รวมมือกับ LG เพื่อผลิตรถยนต์ที่จะแข่งกับ Tesla Model 3 ให้วิ่งได้ระยะทาง 200 ไมล์

GM รวมมือกับ LG เพื่อผลิตรถยนต์ที่จะแข่งกับ Tesla Model 3 ให้วิ่งได้ระยะทาง 200 ไมล์

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: การขนส่ง, transportation, การเดินทาง, commuting, สิ่งแวดล้อม, environment, รถยนต์ไฟฟ้า, electric car, EV, General Motors, LG Chem, Spark EV, Chevy Volt

ข่าวจาก Electric Vehicle News, FRIDAY, JULY 25, 2014,  “GM and LG working on Tesla Model 3 competitor with 200 mile range.”

General Motor บริษ้ทผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่สุดของสหรัฐร่วมมือกับ LG บริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำของเกาหลีใต้ เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีราคาไม่แพง และสามารถวิ่งได้ 200 ไมล์ หรือ 320 กิโลเมตรขึ้นไป ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว

Cho Suk-jeh ผู้บริหารสูงสุดของ LG Chem เปิดเผยว่า บริษัทฯจะผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ป้อนให้กับบริษัท General Motors เพื่อให้สามารถวิ่งได้ระยะทาง (Range) 320 กิโลเมตร เป้าหมายในการผลิตออกสู่ตลาด คือเพื่อแข่งกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สามของ Tesla ที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลาง ราคาไม่แพงเกิน USD 35,000 แต่สามารถวิ่งได้ระยะทางไม่น้อยกว่า 320 กิโลเมตร และให้ออกสู่ตลาดได้ภายในปี ค.ศ. 2016 หรืออย่างช้าในต้นปี ค.ศ. 2017

ปัจจุบัน LG Chem เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าป้อนให้กับ บริษัทรถยนต์ชั้นนำ อาทิเช่น GM, Ford, Hyundai, Kia, Volvo และ Renault สำหรับ LG นั้นเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ป้อนให้กับ GM ในรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสม ชื่อ Chevrolet Volt และ Opel Ampera ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสมแบบมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพื่อปั่นไฟป้อนให้กับรถยนต์เมื่อไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่าร้อยละ 20 แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก ทั้งในด้านราคาสูงเกินไป และสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสบแบบ Range extender นี้ยังไม่เป็นที่ประทับใจนัก คือเร่งเครื่องไม่ขึ้น เครื่องยนต์ที่ใช้ปั่นไฟขนาด 1400 CC อาจเหมาะ

สำหรับการวิ่งๆหยุดๆแบบวิ่งในเมือง แต่เมื่อต้องวิ่งบนทางหลวง ก็จะไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก
บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาตั้งราคารถยนต์ไฟฟ้าใหม่ Chevrolet Spark ที่เปิดตลาดในปี ค.ศ. 2013 อยู่ที่ $27,495 รวมค่าส่งถึงปลายทางแล้ว และก่อนที่จะได้รับเงินเครดิตลดภาษี จะทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ต่ำกว่า $20,000 ซึ่งจะทำให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาถูกที่สุดในตลาดอเมริกา
Chevrolet Spark เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ (Electric car, EV) ที่ราคาไม่แพง และมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเปรียบเทียบที่ดี อยู่ที่ 119 ไมล์/แกลลอนเปรียบเทียบ (MPGe) ซึ่งหากคิดเป็นค่าพลังงานกับรถยนต์ใช้น้ำมันปิโตรเลียมจะเท่ากับ 50 กม./ลิตร ซึงนับว่าสูงที่สุดในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน แต่ข้อจำกัดก็คือระยะทางที่วิ่งได้ด้วยการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (Range) คือ 82 ไมล์ หรือ 131.2 กิโลเมตร ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมอย่าง Tesla Model S สามารถวิ่งได้ 265 ไมล์ หรือ 426 กิโลเมตร


อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใหญ่ เทียบเท่ากับรถแทกซี่ในประเทศไทยหรือ Toyota Altis ก็พอ แต่ต้องวิ่งได้ 200 ไมล์ หรือ 320 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง และราคาต้องต่ำกว่า USD 35,000 หรือประมาณไม่เกิน 1 ล้านบาท อีกสัก 2-3 ปีข้างหน้าคงจะพอรู้กันครับว่า ใครจะเป็นเจ้ารถยนต์ไฟฟ้า


ภาพ Chevy Volt รถยนต์ไฟฟ้าลูกประสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV)  ของบริษัท General Motors เป็นรถออกมาทดสอบตลาด แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก


ภาพ Spark EV ของ General Motors รถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ ขนาดเล็ก ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดี ประหยัด แต่ระยะทางวิ่ง (Range) ยังไม่สร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้ แม้ราคาจะไม่แพงนัก


ภาพ รถยนต์ไฟฟ้า และไฟฟ้าลูกประสมของ BMW ที่ใช้เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ ทำให้ตัวถังเบากว่ารถขนาดเดียวกันถึง 300 กิโลกรัม แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะทางวิ่งอยู่


ภาพ รถยนต์ไฟฟ้าขนาดครอบครัว Model S ของ Tesla สามารถวิ่งได้ไกลขนาด 420 กม. ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว แต่ราคาจะสูงในระดับ USD 70,000 หรือประมาณ 2.24 ล้านบาท

อย่าสูบบุหรี่ในรถโดยสาร - No smoking on the bus.

อย่าสูบบุหรี่ในรถโดยสาร - No smoking on the bus.

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สุขภาพ, health, อนามัย, การสูบบุหรี่, no smoking, มะเร็ง, cancer

อยากสูบบุหรี่ ก็ให้ไปใช้รถไฟ ... อนาคตของคนสูบบุหรี่ช่างหดสั้นเสียเหลือเกิน

ผมนั่งรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่งแบบมีห้องสุขาซึ่งติดตั้งอยู่ตอนกลางของรถ เป็นสายวิ่งจากสุรินทร์ มาปลายทางที่สถานีหมอชิต กรุงเทพฯ วันนั้นมีผู้โดยสารไม่มากนัก อากาศกำลังสบาย ผมหลับอยู่บนรถนานพอสมควร แต่ต้องตื่นขึ้น เพราะคนขับจอดรถนิ่งข้างทางอยู่ยาวนาน พร้อมทั้งเดินไปเคาะประตูห้องสุขาในรถ และตะโกนต่อว่าเสียงดังไปยังคนที่อยู่ในห้องสุขา ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาได้กลิ่นควันไหม้มาจากท้ายรถ แต่ตรวจดูแล้วน่าจะเป็นจากคนที่หิวบุหรี่เข้าไปแอบสูบบุหรี่ในห้องสุขา

ในการเอ็ดตะโรลั่นรถนั้น จำคำส่งท้ายเขาได้ว่า “หากอยากสูบบุหรี่ ก็ให้ไปขึ้นรถไฟ”

In the bus from Surin back to Bangkok, the bus driver was shouting loudly at a passenger smoking in the restroom. He said "If you smoke, ride the train".

ผมคิดว่า ตอนแรกที่พนักงานประจำรถหญิง (Bus hostess) ไปบอกคนขับรถว่ามีกลิ่นไหม้มาจากด้านหลัง คนขับรถคงตกใจเกรงว่าเป็นกลิ่นจากเครื่องยนต์ด้านหลังไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนขับรถ หากปล่อยให้รถร้อนจัด จนน้ำมันเครื่องไหม้ แต่ระบบเครื่องก็ยังเป็นปกติ แต่พบว่ามีกลิ่นมาจากห้องน้ำกลางลำรถ ซึ่งเขามีประสบการณ์มาบ่อยๆแล้วว่ามักจะมีพวกผู้โดยสารติดบุหรี่แอบไปสูบในห้องส้วมของรถประจำทาง คนขับรถจึงตะโกนด่าคนสูบบุหรี่ไปอย่างสุดดังด้วยความโกรธ

แต่ที่เขาบอกให้ไปขึ้นรถไฟหากอยากสูบบุหรี่นั้น คงเป็นคำกระแนะกระแหน ซึ่งก็มีส่วนเป็นจริง ในรถไฟ (Trains) ถ้าจะสูบในห้องส้วมไม่มีใครรู้หรอกครับ ขนาดข่มขืนกันบนรถไฟ ฆาตกรรมกันอย่างสุดโหดก็ยังไม่มีใครเห็นเลย นี่ผมก็ด่าต่ออีก

ท่านทั้งหลายที่ติดบุหรี่ มีทางเลือกสำหรับเดินทางไกล คือ (1) ให้ขับรถไปเอง และไปคนเดียว หากไปกับคนอื่นๆ หรือกับครอบครัวก็ไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะเท่ากับบังคับให้คนอื่นๆสูบตามไปด้วย ทางที่ดีแวะตามปั๊มน้ำมัน พักรถ แล้วค่อยสูบบุหรี่ สูบในที่โล่งแถวห้องน้ำนั้นแหละ อย่าไปสูบบริเวณใกล้ปั๊มน้ำมันนะครับ เขาก็ยิ่งห้ามหนักเข้าไปอีก (2) เดินทางโดยรถไฟ ไม่ว่าชั้นอะไรในขณะนี้ หากจะสูบบุหรี่ ก็แอบเข้าห้องน้ำ ซึ่งเขาเปิดหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อระบายกลิ่นออก ก็พอจะสูบได้

แต่ที่จะแนะนำแน่ๆ คือ หากเดินทางโดยรถโดยสาร แม้มีห้องสุขามิดชิด แต่ก็อย่าไปสูบเลยครับ เพราะกลิ่นมันตะหลบกลับเข้ามาในรถ รบกวนคนอื่นเขา หากเจอคนขับรถที่เขาเคร่งครัด ก็จะโดนเอ็ดตะโรให้ได้อับอายอย่างที่ได้พบมาแล้ว


ทางที่ดีที่สุด คือเลิกสูบบุหรี่เลยครับ

ในรถโดยสารสาธารณะ ทุกประเภท ไม่สามารถสูบบุหรี่ได้ครับ (No smoking) ผิดกฏหมาย


ภาพ รถโดยสารปรับอากาศ แบบชั้นเดียว แบบนี้วิ่งทางไกลมีห้องสุขา
 

ภาพ รถโดยสารปรับอากาศแบบ 2 ชั้น มีห้องสุขาในรถ


ภาพ รถโดยสารปรับอากาศชั้นสอง ไม่มีห้องน้ำ


ภาพ รถประจำทางสำหรับนักเรียน


ภาพ ป้ายห้ามสูบบุหรี่ที่รณรงค์ในฮ่องกง หากฝ่าฝืนปรับ 1500 เหรียญฮ่องกงแบบไม่มีลดหย่อน


ภาพ ห้องสำหรับผู้สูบบุหรี่ในอาคารสนามบิน ผู้สูบจะสูบได้เพียงในสถานที่ที่จัดไว้ให้


ภาพ ที่จอดรถโดยสารในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณใต้อาคาร


ภาพ สถานที่จัดให้สูบในอาคารสนามบิน สนับสนุนโดยบริษัทผู้ผลิตบุหรี่


Saturday, July 26, 2014

จะเป็นนักบริหารหรือผู้นำที่ดีต้องไม่เป็นคนปัดสวะ

จะเป็นนักบริหารหรือผู้นำที่ดีต้องไม่เป็นคนปัดสวะ

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: การเมือง, politics, การปกครอง, governance, ธรรมาภิบาล, good good governance, การบริหาร, สวะ, hyacinth, ผักตบชวา, สวะสังคม,

การจัดการ, administration, management, ระบบคุณธรรม, merit system,ความรับผิดชอบ, responsibility, การปัดความรับผิดชอบ, pass the buck

การบริหาร (Administration, management) คือ การจัดการให้คนที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบ ได้ทำงานในหน้าที่ๆได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ โดยไม่ไปปัดความรับผิดชอบนั้นๆ หากมีอะไรที่เป็นส่วนที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นความรับผิดชอบของใคร ก็สื่อสารกันเจรจากัน แล้วหาข้อยุติ เพื่อในที่สุด ทำให้งานนั้นๆมีคนหรือกลุ่มคน หรือทีมงานรับผิดชอบ

ผมไม่เคยไว้ใจนักบริหารคนไหนที่ปัดความรับผิดชอบ และไม่เคยชอบที่จะทำธุรกิจกับลูกค้า หรือคู่ค้าที่ชอบปัดสวะ – เจมส์ แคช เพนนี นักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัท JC Penney

Pass the buck = ปัดสวะ คือการทำงานอย่างอยากได้หน้า ได้ความชอบ แต่ไม่รับผิดชอบ หลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ยุ่งยาก ปัดไปให้เป็นความรับผิดชอบของคนอื่นๆ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง หรือคนหรือหน่วยงานอื่นๆในระดับเดียวกัน

หากจะให้เข้าใจคำว่า “ปัดสวะ” ในสังคมไทย ก็ต้องมารู้จักคำว่า “สวะ” กันสักเล็กน้อย

สวะ มีชื่อเรียกอื่นๆว่า ผักตบชวา (อังกฤษ: Water Hyacinth) เป็นพืชน้ำล้มลุกอายุหลายฤดู สามารถอยู่ได้ทุกสภาพน้ำ มีถิ่นกำเนิดในแถบลุ่มน้ำอะเมซอน ประเทศบราซิล ในทวีปอเมริกาใต้ มีดอก สีม่วงอ่อน คล้ายช่อดอกกล้วยไม้ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นวัชพืชที่ร้ายแรงในแหล่งน้ำทั่วไป มีชื่อเรียกในแต่ละท้องถิ่นดังนี้: ผักปอด, สวะ, ผักโรค, ผักตบชวา, ผักยะวา, ผักอีโยก, ผักป่อง

เราเรียก Hyacinth ว่าผักตบชวา เพราะมีการนำเข้ามาจากชวา เพราะเห็นว่าเป็นพืชดูแปลกและสวยงาม
ผักตบชวา หรือสวะ เป็นวัชพืชที่พบมากมาย มีประโยชน์อยู่บ้าง เมื่อออกดอกจะดูสวยงาม แต่เมื่อตัดไปปักแจกัน ก็จะอยู่ไม่ทน หากเอาไปทำเป็นอาหารสัตว์ จะมีแต่กากหรือเยื่อใย แต่มีสารอาหารไม่มากนัก เอาไปให้หมูกิน ก็กินได้ แต่ไม่ทำให้เติบโต และที่สำคัญหากปล่อยให้เกิดในแหล่งน้ำ เช่น หนอง บึง ทะเลสาบ หรือแม่น้ำ มันจะกระจายขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว หากขยายพันธุ์จนปิดผิวน้ำ จะทำให้น้ำนั้นขาดออกซิเจน หากเกิดในคลองหรือแม่น้ำ ที่เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำ ก็จะทำให้การสัญจรทางน้ำนั้นเป็นไปได้โดยยาก ซึ่งเป็นการสร้างความทุกข์ยากให้กับผู้คนทั่วไปเป็นอันมาก

ดังนั้น การที่คนเขาด่าว่ากันว่าเป็น “สวะ” หรือ “สวะสังคม” ก็เพราะเป็นคนที่ดูเผินๆเหมือนเป็นคนดี แต่อยู่ต่อไปจะรู้ว่าไร้ประโยชน์ ไม่รับผิดชอบ รับปากง่ายๆ แต่ถึงเวลาก็ไม่ทำงาน เอาแต่แก้ตัวไปต่างๆนานา ไม่มุ่งมั่นที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ซึ่งคนประเภทนี้มีอยู่มากมายในสังคม และหากไม่มีการสอนหรือให้บทเรียนเพื่อปรับแก้พฤติกรรมกันบ้าง ทำให้คนไม่รับผิดชอบแล้วได้ดี ก็จะทำให้องค์การหรือระบบสังคมนั้นๆเต็มไปด้วยคนที่ไร้ประโยชน์ คนดีๆก็จะหมดกำลังใจ กลายเป็นคนเกี่ยงงาน คนประเภทสวะสังคม จึงมีแต่ทำให้สังคมเสื่อมโทรม เหมือนกับสวะ หรือผักตบชวาที่มีอยู่เต็มคลองและแม่น้ำในบ้านเรา



ภาพ ผักตบชวา บางพันธุ์มีความสวยงาม เหมือนเป็นไม่ประดับอย่างหนึ่ง


ภาพ วัชพืชน้ำ ขายพันธุ์ได้เร็ว จากกอเล็กๆ ก็จะขยายไปสู่กอใหญ่ๆ และลอยเป็นแพเต็มผืนน้ำ


ภาพ การขยายพันธุ์ของผักตบชวาในแหล่งน้ำต่างๆ โดยปราศจากการควบคุม ซึ่งบ่งบอกถึงความรับผิดชอบของคนทำงานในเขตนั้นๆ


ภาพ ผักตบชวา หรือสวะ ขยายพันธุ์ จนบดบังความงดงามของแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นบึง กว้าน ทะเลสาป


ภาพ สวะที่ขยายตนปิดการสัญจรทางน้ำ 


ภาพ สวะที่ขยายตนปิดการสัญจรทางน้ำ สัตว์น้ำก็จะอยู่ลำบาก เพราะทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง


ภาพ เมื่อมีสวะหรือวัชพืชน้ำมากๆ การขนส่งทางน้ำแม้ทำได้ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก


ภาพ การควบคุมวัชพืชน้ำในเส้นทางสัญจรทำได้ไม่ยาก แต่ทุกฝ่ายที่ใช้ประโยชน์จากทางสัญจรหรือแหล่งนั้ำนั้น ต้องร่วมมือกัน


ภาพ เมื่อมีสวะมากๆในแหล่งน้ำ และพัดพามาจนปลายน้ำแถบกรุงเทพมหานคร การกำจัดก็จะเป็นขนาดใหญ่ ใช้เครื่องจักรที่ต้องมีราคา ทางที่ดีต้องไปแก้ปัญหาในระดับรากหญ้า และชุมชน กำหนดเป็นความรับผิดชอบกันในระดับหมู่บ้านและตำบลทั้งหลาย โดยเฉพาะที่อยู่ติดกับริมน้ำสาธารณะ หนอง บึง กว้าน ทะเลสาป คลอง แม่น้ำ ฯลฯ อย่ามาคิดแก้ปัญหากันที่ระดับปลายทาง



Wednesday, July 23, 2014

ทุ่งไหหิน ประเทศลาว (Plain of Jars)

ทุ่งไหหิน ประเทศลาว (Plain of Jars)

ประกอบ คุปรัตน์ 
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: ประวัติศาสตร์, โบราณคดี, ประเทศลาว, ทุ่งไหหิน, แขวงเชียงขวาง, Plain of Jars,

ทุ่งไหหิน (ลาว: ທົ່ງໄຫຫິນ, อังกฤษ: Plain of Jars) คือ ภูมิประเทศทางโบราณคดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของหินใหญ่ (Megalith) ที่กระจัดกระจายไปทั่วที่ราบสูงเชียงขวาง แขวงเชียงขวาง ทางเหนือของประเทศลาว ประกอบด้วยหินใหญ่รูปทรงไหนับพัน ปรากฏเป็นกลุ่มๆ ตลอดแนวเขาและอยู่ล้อมรอบหุบเขาสูง
ที่ราบสูงเชียงขวาง ตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดของเทือกเขาอันนัม (Annamite Range) อันเป็นเทือกเขาหลักในอินโดจีน โดยมีการค้นพบทุ่งไหหินเบื้องต้นในช่วง ค.ศ. 1930 ซึ่งกล่าวถึงไหหินที่สัมพันธ์กับพิธีกรรมเกี่ยวกับงานศพในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากนั้นได้มีการขุดค้นโดยนักโบราณคดีชาวลาวและชาวญี่ปุ่น และมีการค้นพบวัตถุเกี่ยวกับงานศพและเครื่องเคลือบรอบๆ ไหหิน วัตถุเหล่านั้นถูกกำหนดให้อยู่ในช่วงสมัยยุคเหล็ก (Iron Age) และกลายเป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในการศึกษายุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แหล่งโบราณคดีทุ่งไหหินบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสังคมที่ซับซ้อนมากขึ้นและโครงสร้างหินใหญ่ ที่อยู่ในชุมชนยุคเหล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐบาลลาวกำลังผลักดันให้องค์การยูเนสโกจดทะเบียน ทุ่งไหหิน (Plain of jar) ในแขวงเซียงขวางเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งหนึ่งเคียงคูกับเมืองหลวงพระบาง แขวงเซียงขวางเป็นพื้นที่ทางโบราณคดีสำคัญของลาว เพราะมีพื้นที่ราบหลายแห่งเต็มไปด้วยไหหินอายุระหว่าง 2,500 - 3,000 ปี จำนวนหลายพันชิ้นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ และมีขนาดใหญ่โต[1]

สมมุติฐานเกี่ยวกับไหหิน (Stone Jars)

ที่ทุ่งไหหิน (Plain of Jars) มีไหหินที่น่าจะเกิดจากมือมนุษย์นับเป็นพันใบ กระจายอยู่ในบริเวณที่ราบสูงของแขวงเชียวงขวาง ตอนเหนือของประเทศลาว ไหหินเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดก่อนมีการประดิษฐตัวอักษรและการจารึกประวัติศาสตร์ จึงไม่มีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ส่วนประวัติศาสตร์คำบอกเล่าที่สืบต่อกันมาจนเป็นตำนานนั้น ก็ยากที่จะเชื่อถือได้ ดังนั้นจึงได้แต่มีการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจเพิ่มขึ้น และทั่งหมดเป็นเพียงสมมุติฐาน

สมมุติฐานของไหหินว่าใช้ทำอะไร คงไม่ได้ใช้เพื่อการหมักเหล้า เพราะคงมีวัสดุอุปกรณ์ที่ทำจากดินเผาที่ง่ายในการทำการผลิตกว่านี้

ดังนั้นจึงคาดว่าเป็นสิ่งที่เขาใช้ในพิธีเกี่ยวกับศพ โดยใช้เป็นที่เก็บศพผู้เสียชีวิตแล้ว โดยใข้เป็นที่ๆหมักให้ศพเน่าเปื่อยไปในเวลาไม่นานนัก ขนาดของไหแสดงถึงสถานะของผู้เสียชีวิต และน่าจะมีการใส่ศพลงไปในไห เพื่อให้เกิดการเน่าสลายส่วนที่เป็นเนื้อและไขมันต่างๆ โดยมีเชื่อจุลินทรีย์ที่มีสะสมอยู่เป็นตัวเร่งดำเนินการ ซึ่งอาจมีแมลง สัตว์ปีก เช่นแร้ง กา นกกินเนื้อ เข้ามากินเศษเนื้อจากศพ ภายในไม่กี่สัปดาห์ ศพก็จะสะอาดเหลือแต่กระดูก ซึ่งสามารถนำออกมา แล้วนำไปทำพิธีทางศาสนาหรือความเชื่อของตนได้ บริเวณทุ่งไหหิน จึงน่าจะมีสภาพคล้ายสุสานเก็บศพในปัจจุบัน ที่แยกห่างจากที่พักอาศัย
สมมุติฐานว่า มีการสกัดหินที่มีทรงกลมจากที่อื่น แล้วนำมารวมไว้ที่บริเวณทุ่งไหหินนี้ ซึ่งตามสภาพบริเวณที่มีภูเขาที่เต็มไปด้วยหินขนาดต่างๆนั้นอยู่ไกลออกไป คงจะเป็นการเหนื่อยากเกินกว่าจะเป็นประโยชน์ จึงน่าจะเป็นการหาหินขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้วในบริเวณนั้นๆ แล้วสกัดเป็นรูปทรงเหมือนโอ่งขนาดใหญ่ ณ ที่นั้นๆ โดยไม่ต้องมีการขนย้ายมาจากที่อื่นๆ

ภาพ จากทุ่งไหหิน (Plain of Jars)



ภาพ ถ่ายภาพหมู่ของคณาจารย์และเพื่อนร่วมเดินทาง Surindra Rajabhat University (SRRU), จังหวัดสุรินทร์ ณ ทุ่งไหหิน ประเทศลาว




ภาพ ทุ่งไหหิน ในบริเวณที่ 1


ภาพ ไหหิน ที่เข้าใจว่าใช้ในพิธีกรรมเกียวกับงานศพ


ภาพ ไหหินมีหลายขนาด


ภาพ หลุมระเบิดที่กองทัพอากาศอเมริกันได้ทิ้งถล่ม โจมตีเส้นทางขนย้ายทหารเวียดนาม จากทางเหนือลงมาทางใต้ โดยผ่านประเทศลาว



ในวงการศึกษา เราพึงใช้ประโยชน์จากทัศนศึกษา (Educational trip)

ในวงการศึกษา เราพึงใช้ประโยชน์จากทัศนศึกษา (Educational trip)

ประกอบ คุปรัตน์ 
Pracob Cooparat
E-mail: 
pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: การศึกษา, education, ทัศนศึกษา, educational trip, excursion, การท่องเที่ยว, traveling, การเดินทาง, ประสบการณ์ตรง, direct experience

โลกคือหนังสือ สำหรับคนที่ไม่รู้จักท่องเที่ยว เท่ากับเขาอ่านเพียงหน้าเดียว - นักบุญออกัสติน
The World is a book, and those who do not travel read only a page. - Saint Augustine

ทัศนศึกษา หรือการศึกษานอกสถานที่ ในภาษาอังกฤษ ดังในสหรัฐอเมริกาใช้คำว่า Field trip, excursion, ประเทศสหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ใช้คำว่า school trip ในประเทศไอร์แลนด์ใช้คำว่า School tour เป็นการเดินทางโดยกลุ่มคนที่ออกจากสถานที่ๆตนคุ้นเคย ดังเช่นในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย วัตถุประสงค์ของทัศนศึกษา คือ เพื่อไปสังเกตการณ์เพื่อประโยชน์ทางการศึกษานอกเหนือจากกิจกรรมการศึกษาประจำวัน ไปเพื่อการค้นคว้าวิจัย ไปเพื่อให้ได้ประสบการณ์นอกเหนือจากกิจกรรมที่ทำอยู่ทุกวัน กิจกรรมดังนี้ ดังเช่น การไปค่ายพักแรม (Camping) กับครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียน การไปวิจัยก็เพื่อไปสังเกตสิ่งที่ศึกษาในสภาพตามธรรมชาติ และบางทีก็สุมเก็บตัวอย่างมาเพื่อการศึกษาอย่างลึกซึ้งและเป็นระบบต่อไป

ในวัฒนธรรมตะวันตก กิจกรรมเช่นนี้เป็นการจัดในช่วงภาคการศึกษาปกติ มีการพาชั้นเรียนไปเรียนรู้ทางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยา ได้เรียนรู้ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural sciences) ชาร์ลส ดาร์วิน (Charles Darwin) เป็นตัวอย่างของคนที่ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยการได้ออกไปศึกษานอกสถานศึกษาที่ตนเองทำงานอยู่ บางส่วนอาจไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม เป็นต้น

เมื่อสมัยเด็กๆ พอเริ่มมีฐานะ แม่ของผู้เขียนจะไปในกิจกรรมของวัด โดยไปทัศนศึกษา และทอดกฐินที่ประเทศอินเดีย ไปทำบุญ บรรดาลูกๆก็อนุโมทนาด้วย และเวลาได้ไปแล้ว ท่านก็จะมีความสุข การเรียนรู้ด้วยการไปเห็น ไม่ได้จำกัดด้วยวัย เพียงสำหรับเด็กและเยาวชน

เมื่อทำงานต่างจังหวัด ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตอีสานใต้ หากจากกรุงเทพฯประมาณ 450 กม. นอกจากผมไปสอนหนังสือแล้ว ยังได้ไปเห็นสภาพแวดล้อมของเมือง ไร่นา และป่าเขา ได้พบกับผู้คนที่แปลกออกไปจากชีวิตประจำวันในกรุงเทพฯ

ในด้านกลับกัน สำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่สุรินทร์ เขาจะตื่นตัวที่จะเรียนรู้และศึกษา เมื่อเขาได้เปลี่ยนบรรยากาศที่เขาคุ้นเคยที่สุรินทร์และอีสานใต้ มาสู่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองชายทะเลอย่างพัทยา เพชรบุรี หรือไปได้เห็นสภาพแวดล้อมในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน อินเดีย และไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา

การเดินทางไปนั้น มีค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้เรียนต้องรับผิดชอบเอง สำหรับครูอาจารย์ที่ร่วมไปด้วย ก็ต้องใช้เงินค่าสอนสมทบไปกับการสนับสนุนของมหาวิทยาลัยบางส่วน และจากข้อสังเกตของผม มหาวิทยาลัยยุคใหม่ ครูอาจารย์ไมได้มีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศแบบนานๆหลายปีเหมือนสมัยก่อน เพราะเป็นการรับการศึกษาในมหาวิทยาลัยในประเทศเป็นส่วนใหญ่ เขาไม่มีประสบการณ์ในต่างประเทศเหมือนครูอาจารย์มหาวิทยาลัยรุ่นก่อนๆ

แต่ก็นั่นแหละ สำหรับครูอาจารย์และนักศึกษา เมื่อมีโอกาสเดินทางไปแล้ว ก็ต้องใช้ประโยชน์จากการเดินทางไปให้ได้มากที่สุด ทั้งต่อการพัฒนาตนเอง และประโยชน์ทางการศึกษาของสถาบันและวงการศึกษาโดยรวมด้วย ดังนั้นผมจึงเสนอให้ใช้นโยบายว่า ทั้งนักศึกษาและคณาจารย์ ทุกคนเมื่อได้เดินทางไปดูงานแล้ว ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งเพิ่มเติม เมื่อไปเห็นมา แล้วยังรู้ไม่ลึกซึ้ง ก็หาอ่านเพิ่มเติม เมื่อเข้าใจชัดเจนแล้ว ก็เขียนเป็นบทความทางวิชาการออกมา ส่วนผมจะทำหน้าที่ให้คำปรึกษา และช่วยปรับปรุงแก้ไข บทความเหล่านี้ก็จะทยอยจัดนำเสนอ (Post) ในระบบออนไลน์ผ่าน Website ที่ผมดำเนินการอยู่ คือ http://pracob.blogspot.com

ดร. สายสุรีย์ จุติกล อาจารย์อาวุโส ท่านให้แง่คิดว่า เมื่อไปทัศนศึกษานั้น ต้องไปมองให้เห็น (To look) ไม่ใช่ไปแล้วเห็น เพราะเพียงลืมตา (To see) ในการที่กษัตริย์ผู้มีสายตาไกลอย่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประภาสยุโรป ไปไกลเหนือสุดจนถึงแถบสแกนดิเนเวีย แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้น คือการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าทันสมัย การรู้เขารู้เรา ทำให้ไทยปลอดพ้นจากภัยการล่าอาณานิคม และคงความเป็นเอกราชไว้ได้จนในปัจจุบัน

ในสมัยโบราณ ผู้ใหญ่สอนว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ครับ ใครที่จะมีส่วนต่อนโยบายด้านใดๆของชาติ หากได้ไปเห็น แล้วนำกลับมาคิด มาศึกษาเพิ่มเติม นำสิ่งที่ได้พบเห็นนั้นมาเป็นแนวคิดในการพัฒนาประเทศและชุมชน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

การท่องเที่ยวประเทศลาว
 



ภาพ ตลาดพื้นบ้าน การขายสัตว์ปีก เป็ด ไก่ ขายกันสดๆ


ภาพ ตลาดพื้นบ้านในประเทศลาว


ภาพ ตลาดพื้นบ้านในเมืองขนาดกลาง ในประเทศลาว


ภาพ อาหารการกิน ที่จัดสำหรับนักท่องเที่ยวแบบไทย หรือเวียดนาม


ภาพ ถนนในประเทศลาว ซึ่งเป็นที่ลาดยางแล้ว


ภาพ เด็กๆ ที่มารวมตัวกัน ในหมู่บ้านของชนเผ่า ประเทศลาว ซึ่งไม่ได้แต่งกายตามแบบชนเผ่าแล้ว


ภาพ อนุสาวรีย์การเสียชีวิตในสงครามอินโดจีน ด้วยระเบิดยิงเข้าใส่ในถ้าปิว (Pew Cave, Lao PDR)


ภาพ บ่อน้ำพุร้อน ที่ทางการประเทศลาว หวังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว


ภาพ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภักสุรินทร์ (Surindra Rajabhat University - SRRU) ไปทัศนศึกษาประเทศลาว


ภาพ ตลาดของชนชาวเขา ที่มีสินค้าขายนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพวกพืชผลการเกษตร

การทัศนศึกษากรุงเทพฯ

การท้องเที่ยว ทัศนศึกษาในกรุงเทพฯ ซึ่งมีเรื่องที่จะนำเป็นบทเรียนทางสังคมวิทยา ที่พักาอาศัย ตลอดจนการฝึกอบรมด้านอสังหาริมทรัพย์


ภาพ การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ ที่เป็นอันมากต้องอยู่ตามตรอกซอกซอย ต้องใช้การเดินทางด้วยยานพาหนะขนาดเล็ก เช่น มอเตอร์ไซค์ รถตุุ๊กตุ๊ก หรือเดิน


ภาพ ในซอยแคบๆที่คุ้นเคยของคนกรุงเทพฯ ที่เขาต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตในแต่ละวัน


ภาพ รถรางไฟฟ้าแบบลอยฟ้า ของ BTS ดำเนินการโดยความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร


ภาพ MRT ระบบขน่งมวลชนระบบรางแบบใต้ดิน การใช้การขนส่งมวลชนระบบราง ซึ่งยังมีบริการอย่างจำกัด และมีค่าใช้จ่าย


ภาพ สินค้ากระเป๋าและแฟชั่นที่มีขายที่ Platinum ประตูน้ำ กทม.




ภาพ ศูนย์การค้า เสื้อผ้า และเครื่องประดับแบบขายปลีกและขายส่งที่ Platinum ประตูน้ำ กทม.


ภาพ ปัญหาการจราจร ที่มีรถจำนวนมาก แต่ไม่มีถนนจะวิ่งในเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพมหานคร

ทัศนศึกษาสหรัฐอเมริกา

การไปทัศนศึกษาไกลๆอย่างสหรัฐอเมริกา โดยทั่วไปหวังมองหาความร่วมมือทางการศึกษาด้วย แต่นอกจากไปเยี่ยม และพูดคุยกับนักการศึกษาแล้ว ก็คือได้ไปดูสินค้าตามศูนย์การค้าต่างๆ 


ภาพ ศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบ Outlets อยู่นอกเมืองติดกับถนน Highway ที่ค่าสถานที่ไม่แพง ภาษีต่ำ จูงใจคนซื้อสินค้าที่ลดราคาพิเศษจากบริษัทมี Brand


ภาพ บริษัท Coach จำหน่ายสินค้าประเภทกระเป๋าสตรี ต้องไปศึกษาว่าเขาออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างไร จึงทำให้ใช้ได้ยาวนาน ไม่เก่าไปตามแฟชั่นอย่างรวดเร็ว ทำอย่างไร ผู้ผลิตสินค้าไทยจะผลิตสินค้าขึ้นเทียบกับนานาชาติได้


ภาพ คนไทยเมื่อได้ไปต่างประเทศ จะมีคนฝากซื้อของด้วย ซึ่งต้องซื้อหาตามโควต้าน้ำหนัก เพราะกระเป๋าเดินทางกับเครื่องบินมักจำกัดน้ำหนัก


ภาพ กลุ่มคนเดินทางเป็นคณะ ต้องมีขนาดพอเหมาะด้วย เพราะต้องจัดยานพาหนะที่มีขนาดพอเหมาะ สูงสุดไม่ควรเกิน 30 คน


ภาพ ถนนคนเดิน Walking streets ในเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เมื่ออากาศไม่ร้อน หรือหนาวจนเกินไป บรรยากาศเดินบนถนนเช่นนี้ เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวนัก


ภาพ "เข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วตาตาม" การกินอาหาร ก็เลือกกินตามแบบท้องถิ่นเขา เพื่อจะได้เรียนรู้วัฒนธรรม เขากิน Fastbood เราก็ต้องลองไปด้วย ในแบบต่างๆที่หลากหลาย


ภาพ ถนนย่านจับจ่ายในเมืองของสหรัฐอเมริกา ดังในแคบิฟอร์เนียจะไม่สร้างตึกสูง เพราะมีปัญหาความเสี่ยงแผ่นดินไหว


ภาพ Supermarket ยุคใหม่จะเป็นแบบ Organic มากขึ้น พานักศึกษาไปให้ได้เห็นแนวโน้มด้านอาหารการกินยุคใหม่


ภาพ ถนนที่รถวิ่ง แต่สามารถปรับห้ามรถวิ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นถนนคนเดินได้


ภาพ การจัดแสดงดนตรีในย่านจับจ่าย นับเป็นการสร้างบรรยากาศอีกแบบหนึ่ง