สู่ชีวิตใหม่ด้วย ICT: หลัก 10 ประการ
ประกอบ คุปรัตน์
มูลนิธิก้าวไกลในเอเซีย
E-mail: pracob@sb4af.org
Updated: Thursday, December 20, 2007
เริ่มต้นชีวิตใหม่
ในอดีตการเกษียณอายุ วัย 60 ปี นับว่าเป็นเวลาอันควร แต่ปัจจุบันและอนาคต บางลักษณะงาน เขาเกษียณกันที่ 75 ปี การเกษียณอายุของระบบราชการไทยที่ 60 ปีนั้นคงจะต้องปรับเปลี่ยนไป เพราะคนอายุ 60 ปียังมีที่สุขภาพแข็งแรง มีสติปัญญาที่สมบูรณ์เฉียบคมก็มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เกษียณไปแล้ว ก็ขอให้เป็นได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีอิสรภาพในการเลือกว่าจะทำงานหรือใช้ชีวิตที่มีคุณค่าต่อไปย่างไร
แต่ในอีกด้านหนึ่ง จะมีคนบางส่วน แม้อายุยังไม่ได้มาก แต่ได้ไปสั่งหยุดการทำงานบางส่วนของสมองและสติปัญญาของเราเสียแล้ว เช่น คนที่เป็นนักวิชาชีพ วิศวกร แพทย์ เจ้าของกิจการขนาดเล็กและกลาง ผู้จัดการ ฯลฯ ได้เลือกที่จะทำงานแบบวันๆไป ไม่ได้พัฒนาอะไรเพิ่มเติม บางส่วนทำงานโดยยังใช้คอมพิวเตอไม่เป็น ยังไม่ขวนขวายพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศ คนกลุ่มนี้ยังมีอยู่อีกมาก และหากไม่คิดพัฒนาตนเองให้มีขีดความสามารถ คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ทั้งสำหรับตนเองและสังคมส่วนรวม
ในสังคมไทยในปัจจุบันนี้ เรากำลังประสบปัญหาการขาดแคลนคนมีความรู้ความสามารถ เราต้องระดมกำลังจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันทำงาน ทำตามความเหมาะสม เพื่อใช้ขีดความสามารถสูงสุดของประชากรทุกคน
1. ไม่มีใครแก่เกินเรียน
ชีวิตคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long Learning) คนบางคนได้ขีดเส้นชีวิตของตนเองว่า ได้มีความรู้เฉพาะของตนแล้ว จะไม่เรียนรู้อะไรที่คิดว่าไม่เหมาะแก่วัยตนเอง คือคิดที่จะไม่จับสิ่งเหล่านั้นเสียแล้ว เพราะคิดว่า แก่เกินไป สติปัญญาน้อยเกินไป ทักษะหรือเรื่องนั้นๆ เป็นเรื่องที่ยากเกินไป ไม่อดทนพอที่จะเรียน การขีดเส้นให้กับชีวิตตนเองว่าจะไม่จับสิ่งนั้นสิ่งนี้อีกแล้วนั้นมีอยู่มาก และเป็นเรื่องของทัศนคติโดยสิ้นเชิง คนหลายคนจึงอาจไม่มีทักษะชีวิตที่จำเป็นอย่างน่าประหลาดใจ เช่น ขาดทักษะ การอ่านหนังสือ (แม้แต่ภาษาไทย) การว่ายน้ำ การขี่จักรยาน การขับรถยนต์ การรู้ภาษาต่างประเทศอย่างภาษาอังกฤษ และรวมถึงการเรียนรู้ที่จะใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันด้วย
ในโลกของความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสายเกินเรียน เพียงแต่ว่าต้องเปิดใจ และตั้งใจใหม่เสียว่าจะเรียนรู้ให้ได้ เริ่มต้นเมื่อวัย 40 ปี ก็นับว่าไม่ช้าเกินไป เริ่มต้นเมื่อวัย 60 หรือ 70 ปี ก็ยังไม่สายเกินเรียน
ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นในการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ จำเป็นสำหรับเด็กๆ และเยาวชน คนทำงาน และเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนสูงวัย เป็นโอกาสใหม่ๆ และเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเป็นประโยชน์สำหรับคนสูงวัยที่จะได้เรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้
2. กินช้างตัวใหญ่ ก็ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
มีสุภาษิตอัฟริกันหนึ่งกล่าวว่า “หากจะกินช้างตัวใหญ่ ก็ให้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ”
ในอัฟริกา เมื่อต้องการอาหาร ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ใหญ่ขนาดไหน ก็ล้วนนำมาเป็นอาหารได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าต้องมีการแบ่งหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ แต่ละคนพอนำไปประกอบเป็นอาหารได้
อันความรู้และการเรียนรู้ก็เช่นเดียวกัน เราก็เลือกที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง เลือกเรียนจากสิ่งที่สำคัญ จำเป็นต้องใช้ก่อน เรียนแล้วก็นำไปใช้ ไปฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ แล้วก็ไปศึกษาหาความรู้ใหม่เพิ่มเติม ในการศึกษาเล่าเรียนนั้น อะไรที่ใหญ่เกินไป ไปฟังคำบรรยายมานานเกินไป ไม่ได้ฝึกปฏิบัติบ้างเลยก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนไปกินมามากๆ แล้วไม่มีเวลาให้กระเพาะย่อยอาหาร ดังนั้น ข้อแนะนำคือเรียนมาพอประมาณ แล้วนำมาฝึกปฏิบัติ การเรียนด้านคอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช้เรื่องยาก แต่ว่าเรียนแล้ว ต้องนำไปปฏิบัติให้มากๆ บ่อยๆ ทำจนคล่อง แล้วจะได้ไม่ต้องเน้นการท่องจำ
3. เริ่มที่ทัศนคติที่พร้อมรับ
ปัญหาการฝึกอบรมแบบฟังคำบรรยาย แล้วไม่นำไปปฏิบัตินั้นเป็นปัญหาที่พบมากที่สุด
บางคนเรียนแล้วเรียนอีก นับเป็น 10 ครั้ง ได้รับใบประกาศเข้ารับการอบรมมาก็มาก แต่ยังใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่ได้ และไม่ได้ใช้ ผู้เขียนพบปัญหานี้ในกลุ่มครูอาจารย์
ปัญหา ใหญ่คืออะไร ทำไมการเรียนรู้จึงไม่นำไปสู่การปฏิบัติได้ ลองพิจารณาดูแล้ว (1) ไม่ใช่ปัญหาด้านการเงิน เพราะหลายคนที่ไม่ยอมเรียนรู้อย่างจริงจังนั้นมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำนัก งาน ทีบ้าน และในชุมชนก็มีร้านอินเตอร์เน็ตเปิดอยู่ไม่ห่างไกลไปนัก (2) ไม่ใช่ปัญหาด้านเวลา เพราะการเรียนคอมพิวเตอร์นั้น ให้สละเวลาเรียนวันละ 1-2 ชั่วโมง ใช้เวลาสัก 20 ชั่วโมงอย่างจริงจัง ก็จะทำให้เกิดทักษะที่จะเรียนรู้ต่อไปได้แล้ว (3) ไม่ใช่ปัญหาด้านสติปัญญา เพราะเขาได้พิสูจน์แล้วว่าคอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้กับผู้มีปัญหาทางด้านสมอง และสติปัญญา ระดับที่ไม่ปกติ และรวมถึงเด็กที่มีปัญหาความสนใจและสมาธิสั้น อย่างที่เรียกว่า Autistic และ (4) ไม่ใช่ปัญหาด้านพิการร่างกาย เพราะหากขาพิการ ก็ใช้แขนและมือได้ หากพิการที่แขนหนึ่งข้าง ส่วนที่เหลือก็ยังใช้งานได้ หากมือพิการ ระบบก็ยังทำให้ใช้เสียงเพื่อการสื่อสารได้ และแม้เป็นคนพิการที่สายตา ระบบคอมพิวเตอร์สามารถพัฒนาให้ใช้เสียงทดแทนสายตาได้
สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุด คือเรื่องของจิตใจ และการทำใจ กล่าวคือต้องเริ่มเปิดใจ อะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน บางที่ลองทบทวนอีกสักครั้ง และเปิดใจที่จะเรียนรู้และทดลอง เริ่มต้นใหม่อีกที ท่านอาจจะพบกับสิ่งใหม่ๆ อย่างที่ท่านไม่เคยคิดมาก่อน และที่สำคัญคือ การเรียนรู้ต้องเริ่มเรียนไปทีละเล็กละน้อย เรียนรู้แล้วก็ใช้งานให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมชีวิต จะเขียนจดหมายถึงเพื่อนก็ใช้เป็น E-mail, จะทำบัญชีอย่างที่เคยเป็นสมุดกระดาษ ก็ให้ไปใช้โปรแกรม Spreadsheet หรือ โปรแกรมจัดการด้านการบัญชี หรือหากจะนำเสนออะไร หรือจะบรรยายในที่ประชุม ก็หันไปใช้โปรแกรม Presentation เพื่อนำเสนอ
หลักของมันก็คือเมื่อเรียนรู้แล้ว ก็ให้ได้ใช้งานมันไปเรื่อยๆ
4. เรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้าน ที่ทำงาน และทุกที่ทาง
เราเข้า สู่โลกยุคใหม่ที่มีเทคโนโลยีในการเรียนรู้ เราควรใช้โอกาสจากการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และเรียนรู้ได้ในทุกสถานที่ โดยทั้งนี้ให้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนในการเรียนรู้ไปด้วยในตัว ที่สำคัญคือให้ใช้โอกาสใหม่ คือการใช้เทคโนโลยีสนับสนุน ทำให้ได้เรียนรู้ได้ ในทุกสถานที่และเวลา
อยู่ที่บ้าน เรียนรู้จากลูกๆ หลานๆ หรือจากคนที่เขาพอเป็นคอมพิวเตอร์บ้างแล้ว บางครั้งอยู่ที่บ้าน ก็จะได้มีเวลาในการศึกษาเล่าเรียนอย่างยืดหยุ่น ฝึกแสวงหา และเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากยิ่งขึ้น
หากยังทำงาน อยู่ที่ทำงาน เป็นผู้ใหญ่กว่าเขา ให้เรียนรู้จากลูกน้องได้ อย่าไปรู้สึกอายหรือเสียศักดิ์ศรี หากเราจะเรียนด้วยการถามลูกน้อง แล้วจะได้รู้ใจลูกน้อง ว่าเป็นพวกมีจิตบริการ หากใครอยากรู้อยากเรียน พอมีเวลาก็ช่วยสอนช่วยแนะนะเขา หรือว่าเป็นพวกหลงตนเอง พอเห็นผู้ใหญ่ใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่เป็นก็จะมองอย่างดูถูกไม่ให้เกียรติ คนประเภทหลังนี้ ก็ต้องสอนให้เขาเข้าใจสภาพความเป็นจริงว่า ความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเรื่องจำเป็น แต่ไม่ใช่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นเพียงคุณค่าด้านเดียว คนทำงานที่ดีนั้นยังต้องเรียนรู้ในอีกหลายๆ ด้าน บางด้านต้องเรียนจากผู้อาวุโส บางอย่างเรียนจากคนที่รู้เฉพาะด้าน บางอย่างเรียนรู้จากลูกค้าหรือผู้ติดต่อกับเรา คนที่มีลักษณะอหังการนั้นเป็นพวกที่ต้องสั่งสอนให้เปิดกว้างมากขึ้น
เราเรียนรู้ได้ในทุกที่ทุกทาง เมื่อเดินทางไปในที่ใดๆ ก็เรียนรู้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้บันทึกเสียง แล้วเปิดฟังระหว่างเดินทาง ดังเช่นระบบบันทึกและเล่นด้านเสียงนั้นปัจจุบันเป็นระบบดิจิตอลเกือบหมดแล้ว ดังเช่นในระบบโทรศัพท์มือถือนั้นมีส่วนที่ใส่หน่วยความจำเอาไว้มากพอที่จะนำไฟล์บันทึกเสียงขนาดเล่นได้เป็นหลายๆวัน ในกรณีต้องนั่งรถโดยสาร รถไฟ ลงเรือที่ต้องใช้เวลาการเดินทางยาวนาน ก็ให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ มีทางเลือกในการฟังคำบรรยาย หรือเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจต่างๆได้อีกมาก
5. เลือกใช้เครื่องมืออย่างเหมาะสม
ในโลกปัจจุบัน มีเครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นคอมพิวเตอร์อยู่มากมายให้เลือกใช้ บางทีมีมากจนคนที่จะใช้รู้สึกท้อ เพราะไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับเครื่องมือเลย แม้มีเงิน ซื้อเครื่องเหล่านั้นมา ก็ไม่รู้จะใช้อย่างไร บางคนซื้อโทรศัพท์มือถือแบบใหม่มา ราคาหลายหมื่นบาท มันเป็นเครื่องมือในการทำงานและการสื่อสารที่ดี แต่ซื้อมาแล้วใช้งานได้ไม่ถึงร้อยละ 10-20 ของคุณค่ามัน ดังนี้ก็ถือเป็นความสูญเปล่า
เรื่องของ Hardware คอมพิวเตอร์มีหลายแบบตามความเหมาะสมในการใช้งาน ลองเลือกเครื่องมือหลักๆ เราหนีเครื่องมือเหล่านี้ไปไม่พ้น เช่น
เครื่อง Mainframe หรือคอมพิวเตอร์ใหญ่สุด เมื่อเราต้องการจะเบิกเงินจากธนาคาร ทำบัตรประชาชน เสียภาษี เหล่านี้ท้ายสุดก็จะมีระบบเครื่องขนาดใหญ่มาก บางที่เขาเรียกว่า Super Computer เพื่อทำหน้าที่จัดเก็บ ประมวลงานของเรา เราใช้มันโดยไม่รู้ตัว
เครื่องระดับ Mini Computer เป็นเครื่องส่วนกลางขนาดเล็กลงมา ทำหน้าที่เป็นเครื่องส่วนกลาง หรือที่เขาเรียกว่า server บริษัทขนาดกลางที่ต้องมีการจัดเก็บระบบข้อมูล ห้องสมุดสถาบันการศึกษาที่มีหนังสือเป็นล้านๆ เล่ม เหล่านี้ต้องทำระบบจัดการห้องสมุดอัตโนมัติ ก็ต้องใช้เครื่องเหล่านี้ เราจึงใช้ระบบอย่างไม่ได้ไปสัมผัสกับมันเช่นกัน
เครื่อง Personal Computer บางทีก็เรียกว่า Desktop computer หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เครื่องระดับนี้เป็นต้นไปที่เรามีสิทธิเลือกซื้อหามาใช้เป็นส่วนตัว หรือจะใช้ ณ ที่ทำงานก็ได้ ราคาเครื่องก็ถูกลงมาก ขนาดราคา 15,000บาท ก็สามารถหาซื้อใช้ได้แล้ว แต่เครื่องลักษณะนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร ไม่เหมาะแก่การโยกย้ายไปทำงานในที่ต่างๆ
เครื่อง Laptop หรือ Notebook เป็นเครื่องระดับที่หิ้วไปไหนมาไหนได้ มีระบบไฟสำรอง ใช้งานโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กทำงานได้สัก 2-3 ชั่วโมง ราคาก็ถูกลงมาอย่างมากเช่นกัน จนเหลือระดับราคา 30,000 บาท ก็หาซื้อย่างที่มีคุณภาพใช้ได้แล้ว
เครื่อง Palmtop computer หรือขนาดพกพาติดตัวใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงไปในที่ต่างๆได้ตลอดเวลา และในปัจจุบันแนวโน้มของเครื่องมือการทำงานยุคใหม่ จะเป็นระบบ Multi-function เครื่องหนึ่งเครื่องทำงานได้หลายๆอย่างไปพร้อมๆ กัน
โทรศัพท์มือถือหนึงเครื่อง มักจะมีเครื่องมืออื่นๆ ร่วมด้วย เช่นนอกจากจะใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่แล้ว ยังเป็นโทรศัพท์มือถือ เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายภาพ วิทยุ หรือแม้แต่โทรทัศน์ ทำงานได้ใกล้เคียงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไปทุกระยะ และราคาก็ลดลงมาอย่างมาก ในต่างประเทศอย่างเครื่อง IPhone ที่พัฒนาโดยบริษัท Apples มีหน่วยความจุขนาด 8 พันล้านไบท์ (GB) ซึ่งเรียกว่าเหลือเฟือในการจัดเก็บข้อมูลในการทำงาน ราคาที่ต่างประเทศประมาณ 13,000 บาท แต่หากนำเข้ามาในประเทศไทย ราคาอาจจะสูงระดับ 20,000-25,000 บาท แต่หากคนมีแผนการใช้งานอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า ก็น่าใช้เหมือนกัน
ในการนี้ท่านคงต้องเลือกที่จะเริ่มขึ้นมาสักอย่างหนึ่งว่าจะใช้อะไรเป็นหลัก ถ้านั่งทำงานอยู่กับบ้านเป็นหลัก และใช้เครื่องและจอขนาดใหญ่มองได้ชัดเจนดี ราคาไม่แพง ก็ใช้เครื่องแบบ PC หรือเครื่องตั้งโต๊ะ หากจะต้องเดินทางบ่อย และทำงานนอกสถานที่ เช่นงานวิศวกร งานออกแบบที่ต้องไปใช้งานในสนาม ก็ต้องเลือกใช้เครื่องแบบกระเป๋าหิ้ว แต่หากเป็นประเภทต้องการความคล่องตัวยิ่งกว่านั้น ใช้เครื่องที่เบาและติดตัวไปได้ง่ายยิ่งกว่านั้น ก็ให้เลือกใช้แบบ Palmtop แต่สำหรับท่านที่ต้องการใช้เครื่องแบบกระเป๋าหิ้ว และเครื่องแบบพกติดตัว ต้องมีระบบสำรองข้อมูลไว้ให้ดี เผื่อเครื่องสูญหาย ตกหล่น ชำรุดได้ ก็ต้องมีระบบสำรองข้อมูลเก็บเอาไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน
6. เลือกใช้ซอฟต์แวร์อย่างเหมาะสม
เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาไปนั้น ระบบซอฟต์แวร์ก็มีพัฒนาการที่ควบคู่ไปด้วยกัน พูดกันไม่รู้จักจบ หากเป็นคนเริ่มเรียนรู้ใหม่ โปรแกรมในลักษณะที่คนทำงานทั่วไปต้องใช้กันมีดังนี้
ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์พื้นฐาน (ICT Fundamentals) เมื่อเริ่มใช้งาน ให้เข้าใจระบบ รู้ระบบ นับเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เหมือนคนจะรู้จักใช้รถ ก็ต้องรู้ว่าเบรคทำหน้าที่อย่างไร พวงมาลัยทำงานอย่างไร จะดูแลรักษาเครื่องขั้นพื้นฐาน น้ำมันเครื่อง น้ำและน้ำยาใส่หม้อน้ำ ระบายความร้อนทำหน้าที่อย่างไร ยางล้อทำหน้าที่อย่างไร ต้องเติมลมขนาดไหน ทางด้านคอมพิวเตอร์ก็มีความรู้บางอย่างที่เป็นพื้นฐาน บางอย่างต้องรู้ไว้ บางอย่างรู้ไว้เป็นประโยชน์ บางอย่างหากได้เริ่มใช้งานไป ก็จะค่อยๆ เรียนรู้ไปได้
การจัดการกับระบบ files และอื่นๆ ได้ เขาเรียกว่า file Management หากเป็นการเรียนรู้การใช้รถยนต์ ก็เหมือนเรียนโดยต้องลงมือหัดขับ และขับโดยเครื่องที่ไม่มีข้อมูลจัดเก็บ หากมีการทำคำสั่งใดผิดพลาด ก็จะไม่เป็นผลทำให้ต้องสูญเสียข้อมูลไป การเรียนในช่วงนี้หากมีการปูพื้นฐานให้ดีเพียงพอ การเรียนในระยะต่อๆ มาจะเป็นเรื่องที่สะดวกขึ้น เหมือนกับคนเรียนขับรถยนต์มาอย่างถูกลักษณะ ก็จะมีทักษะที่ดี ขับได้อย่างปลอดภัย ดูแลเครื่องยนต์และระบบต่างๆ ได้ดี แต่ถ้าพื้นฐานไม่ดี บางที่ต้องไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ก่อให้เกิดความเสียหายได้
เมื่อมีพื้นฐานที่ดีแล้ว ก็จะมาสู่โปรแกรมที่จะใช้งานตามลักษณะต่างๆ เริ่มจากในขั้นพื้นฐานสัก 5 รายการ กล่าวคือ
ใช้เพื่อประมวลคำ (Word Processing) โปรแกรมในลักษณะนี้จะใช้เพื่อการพิมพ์งานต่างๆ หากใช้ได้คล่องพอสมควร ก็ควรจะฝึกพิมพ์ (Typing, Keyboarding) ให้สามารถพิมพ์ได้อย่างถูกต้อง และพิมพ์ได้สัก 25-30 คำต่อนาที ซึ่งมีโปรแกรมในการฝึกพิมพ์ที่สามารถเรียนรู้เองได้ ขอแนะนำให้หัดพิมพ์สัมผัสได้อย่างถูกต้อง จะเป็นประโยชน์ต่อท่านเองในระยะยาว ในโปรแกรมประมวลคำนั้น หากในระดับก้าวหน้าขึ้น ก็จะไปสู่ระดับจัดทำตารางข้อมูล การสอดใส่ภาพ งานกราฟิก การจัดทำงานพิมพ์เพื่อทำหนังสือ หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ใช้เพื่อการสื่อสารในระบบอินเตอร์เน็ต (Communication) การเรียนรู้โปรแกรมด้าน E-mailing หรือระบบไปรสณีย์ติดต่อผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การสืบค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต การสั่งซื้อของ การจัดทำธุรกรรมกับธนาคาร การสั่งซื้อและขายหุ้น การติดต่อกับต่างประเทศ เพื่อการดำเนินธุรกิจร่วมกัน เหล่านี้ต้องมีทักษะในการสื่อสาร และควรมีทักษะด้านภาษาที่ดีควบคู่ไปด้วย
ใช้เพื่อการทำงานเกี่ยวกับตัวเลข (Spreadsheet) เช่นการทำบัญชี การจัดทำงบประมาณ การศึกษาความเป็นไปได้ด้านความคุ้มหรือไม่คุ้มของโครงการ คอมพิวเตอร์เมื่อทำงานด้วยโปรแกรมต่างๆ สามารถช่วยงานด้านการเงินการบัญชีได้อย่างกว้างขวาง ทำงานได้มากกว่าเครื่องคิดเลขมากมาย
ใช้เพื่อการนำเสนองาน (Presentation) ซึ่งในสมัยก่อนเราต้องมีการทำแผ่นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ต้องหอบหิ้วไปนำเสนอ บางที่ต้องทำเป็น Slide หรือภาพยนตร์ แต่เดี๋ยวนี้สามารถทำงานนำเสนอโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ทำได้ทั้งที่เป็นข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และสอดใส่เสียงได้ด้วย
ใช้เพื่อการจัดทำฐานข้อมูล (Database) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่นับว่าจะยากที่สุดสำหรับพื้นฐาน แต่หากรู้ไว้ว่ามันจะทำประโยชน์อะไรได้บ้าง กล่าวคือ มันจะเป็นประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า การจัดเก็บสินค้าคงคลัง การจัดเก็บเอกสาร หนังสือ หรือมีระบบอะไรที่ต้องจัดเก็บและสืบค้น เรียกใช้ได้อย่างสะดวก โปรแกรมนี้ก็จะเป็นประโยชน์
นอกจากนี้ ความรู้กว้างในระบบนั้น อาจมิได้หมายความว่าเราจะต้องไปดำเนินการในรายละเอียด แต่รู้พอที่จะสื่อต่อไปยังคนทำงาน ซึ่งระบบองค์การมักจะมีคนที่จะรู้และสามารถใช้งานโปรแกรมได้ และเราใช้ความสามารถของเขาในส่วนที่เราขาด แต่อย่างน้อยต้องสื่อสารกันได้ว่า เราต้องการให้เขาทำอะไร และระบบนั้นๆ ทำอะไรให้ได้บ้าง
7. เลือกมีและใช้ระบบเครือข่ายอย่างเหมาะสม
โดยทั่ว ไปสำหรับคนธรรมดามักจะไม่ค่อยรู้เรื่องระบบเครือข่ายการสื่อสารมากนัก จนกว่าว่าเราต้องทำงานที่บ้าน หรือต้องมีสำนักงานเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดย่อมด้วยตนเอง จะต้องมาคิดว่าเราจะใช้เครือข่ายอย่างไรเพื่อการสื่อสารและการทำงาน แต่สำหรับเครือข่ายเพื่อการสื่อสารนั้น ในปัจจุบันมักจะต้องเป็นเครือข่ายที่เปิดเพื่อการเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อทำให้เราสามารถสื่อสารติดต่อได้กับคนทั่วโลก ยกเว้นว่าเราอยู่ในที่ซึ่งเป็นเกาะแก่ง ป่าเขา หรือในแดนที่ห่างไกลผู้คนจนไม่มีระบบเครือข่ายสื่อสารใดๆ รองรับได้ ลองหันมาให้ความสนใจกับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆด้านเครือข่าย เพื่อประโยชน์ในการเรียกใช้
เครือข่ายภายในหน่วยงาน (Local Area Network) เรียกย่อๆ ว่า LAN หรือ แลน เป็นเครือข่ายท้องถิ่นที่มีใช้ในแต่ละตัวอาคาร สำนักงาน หน่วยงาน สถานศึกษา ฯลฯ ในระบบที่ยังใช้อยู่เป็นอันมาก คือการมีสายสัญญาณที่เราเห็นเป็นสายสีขาว มีหัวเสียบเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เราทางด้านหลัง สายพวกนี้มักจะเป็นพวก UTP มาจากคำว่า Un-Shielded Twisted Pairs เป็นสายสัญญาณที่ให้ความเสถียร มีความเร็วสูงถึง 100 ล้านบิทต่อวินาที และในบางกรณีอาจสูงถึง 1000 ล้านบิทต่อวินาที คือมีความเร็วที่สูงมาก แต่ระบบนี้จำเป็นต้องมีการเดินสายสัญญาณต่อเชื่อมระบบ
เครือข่ายความเร็วสูง (ADSL) เป็นเครือข่ายที่ให้สัญญาณต่อเชื่อมกับอินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง อาจเป็นสูงถึง 1-2 ล้านบิทต่อวินาที ซึ่งอันที่จริงก็คือการใช้สัญญาณสายโทรศัพท์ที่มีอยู่แล้วนั้นแอง ราคาค่าบริการก็ไม่แพงนัก คือประมาณ 500-1000 บาทต่อเดือน หากเป็นสำนักงาน มีเครื่องภายในสัก 4-6 ตัว ก็สามารถมาต่อบริการใช้ภายในได้อย่างสะดวกเพียงพอ ต้นทุนการใช้งานต่อหน่วย ต่อเครื่องก็จะไม่สูงมากนัก
เครือข่ายไร้สาย (CDMA) ก็คือระบบอินเตอร์เน็ตที่ใช้เสาสัญญาณเพื่อบริการเครื่องโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วประเทศและทั่วโลกนั้นเอง ในปัจจุบันนี้ เราสามารถซื้อบริการดังกล่าวในหลายประเทศ และรวมถึงประเทศไทย ในการใช้บริการ CDMA เพื่อการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตนี้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งแบบตั้งโต๊ะ กระเป๋าหิ้ว หรือมือถือ คนที่ต้องทำงานแบบเคลื่อนที่ย้ายไปทำงานตามที่ต่างๆ อาจพิจารณาใช้บริการดังกล่าว เพื่อให้มีทางเลือกในด้านสถานที่ๆ ที่จะใช้ทำงานกว้างขวางยิ่งขึ้น
ความรู้ในด้านเครือข่ายเอาไว้บ้างนั้นเป็นประโยชน์ เพราะบางที่มีของดีๆ มากมาย แต่เราต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะมันเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย มันเกี่ยวกับเครื่องมือที่เหมาะสมจะใช้งาน
8. เรื่องของ E-learning
การเรียนรู้โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย คำว่า E มาจากคำว่า Electronic แต่ในระบบอิเลคโทรนิกส์ยุคใหม่ เราก้าวสู่โลกยุค Digital หรือระบบคอมพิวเตอร์มากขึ้นทุกขณะ E-learning จึงน่าจะเหมาะที่จะเรียกว่า ระบบการศึกษาหรือการเรียนรู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์สนับสนุน
ในอดีต ยุคพ่อแม่ของเรา เราอยู่ในยุค “โลกกว้างทางแคบ”
ตัวอย่าง “โลกกว้าง” คือ ในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ใครจะไปอีสาน ต้องเดินทางผ่านดงพญาเย็น คนอีสาน พวกต้อนวัวต้อนควายมาขายในกรุงเทพฯ การเดินทางจากอีสานถึงกรุงเทพฯนั้นใช้เวลาเป็นเดือนๆ ไม่รู้จะติดโรคไข้ป่าตายไประหว่างทางหรือไม่
ในสมัยผู้เรียนไปศึกษาต่อต่างประเทศ ค่าเครื่องบินในการเดินทางไปเที่ยวเดียว แพงเท่ากับซื้อรถยนต์ได้ทั้งคัน ใครจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศจึงมีคนไปส่งกันนับเป็นร้อยๆ
แต่ปัจจุบัน ดูเหมือน “โลกจะแคบลง” ตัวอย่างเช่น ค่าเครื่องบินถูกลงโดยเปรียบเทียบ คนเดินทางไปต่างประเทศเหมือนว่าเล่น เด็กนักเรียนนักศึกษาที่เดินทางไปศึกษาต่อนั้น เขาเดินทางกลับบ้านทุกปี หรือทุกภาคการศึกษา
ในปัจจุบัน “โลกแคบ” เพราะการเดินทางเป็นอุปสรรคน้อยลง เราสามารถศึกษาหาความรู้ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งในต่างประเทศได้ปรับข้อความรู้ของเขาให้เป็นระบบออนไลน์ ใครอยากจะเรียนรู้อย่างไรก็ได้ เพราะถึงเขาสงวนความรู้นั้นๆไว้ เขาก็ไม่สามารถเก็บงำไว้ได้มากนัก เพราะความรู้นั้นอาจเรียนทันกันหมด
ดังนั้น คนที่มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์อย่างดีพอสมควรแล้ว ก็จะได้โอกาสในการได้ศึกษาหาความรู้ในโลกใหม่ได้อย่างไม่จำกัด
ในโลกยุคปัจจุบัน คำว่า “ทางกว้าง” นั้นหมายถึงประสิทธิภาพของสื่อ สื่อย่างอินเตอร์เน็ตที่มีราคาถูกลง ประสิทธิภาพอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงนั้นยิ่งมีขีดความสามารถยิ่งขึ้น การสื่อสารได้เปิดกว้าง เราสามารถเรียกหาข้อมูลที่มีความเป็นสื่อสมบูรณ์ สื่อที่เป็นเสียง เป็นภาพ ภาพเคลื่อนไหว สื่อประสมที่มีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างฝ่ายผู้สอนกับฝ่ายผู้เรียน
สำหรับผู้สูงอายุ อาหารสมองที่สำคัญคือการศึกษา คนมีการศึกษา ครู อาจารย์ นักวิชาการ แม้เกษียณอายุแล้ว หากไม่หยุดยั้งที่จะเรียนรู้ และเรียนแล้วก็นำความรู้นั้นๆ มาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลังๆ เป็นตัวอย่างที่ดี ดังนี้ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง และต่อสังคมแวดล้อม
9. สนุกกับการเรียนรู้
สมองคนเรานั้นเหมือนกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ใช้มากไปหนักเกินไป ก็อาจเสื่อมเร็วได้ เช่น นักกีฬาบางประเภท ใช้ร่างกายบางส่วนหนักมาก อวัยวะบางส่วนก็อาจสึกหรอ เสื่อมสภาพเร็วเกินควร เช่นนักกีฬาฟุตบอล รักบี้ เทนนิสในระดับอาชีพ ก็จะมีโรคอันเกิดจากอวัยวะส่วนที่ใช้งานหนักเสื่อมสภาพเร็วเกินควร ข้อเข่าสึก ข้อศอกเจ็บ แต่ในทางกลับกัน ไม่ออกกำลังกายเลย กลายเป็นคนอ้วน น้ำหนักเกิน ก็จะเกิดโรคอีกแบบหนึ่ง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
สมองของคนเราก็เช่นกัน ใช้งานมาก ไม่รู้จักหลับนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียดจัด เหล่านี้ก็ไม่ดีต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว แต่อีกด้านหนึ่ง ไม่ใช้งานเลย เกษียณแล้วหยุดทุกอย่าง ดังนี้ก็มีโอกาสตายเร็ว สมองเสื่อม ความจำสูญหาย ขาดแรงผลักดันในชีวิต เหล่านี้ก็มีให้เห็น
การได้เรียนรู้ ได้เห็น ได้ทำในสิ่งใหม่ๆ นับเป็นการออกกำลังทางสมองอย่างหนึ่ง
แต่สำหรับคนเกษียณแล้ว การทำงานอย่างใช้สมองพอเหมาะ เรียนรู้กระตุ้นให้สมองทำงานในสิ่งที่ท้าทาย เหล่านี้จะทำให้สุขภาพร่างกาย สติปัญญา และส่วนสมองทำงานได้ดีขึ้น สุขภาพจิตสมบูรณ์ และแก่ช้าลง
10. ให้รางวัลแก่ชีวิต
มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์แล้ว ลองหางานทำที่ให้รางวัลแก่ชีวิต
ทำงานแล้วไม่ได้เงิน แต่มีเงินทองมากเพียงพออยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไร งานเป็นสิ่งมีคุณค่า งานคือธรรมะ ดังที่ท่านพุทธทาสได้เคยกล่าวไว้ แต่คนในวิชาชีพบางลักษณะ เป็นคนที่หายาก กว่าจะฝึกอบรมให้มีความสามารถได้ในขนาด ก็เป็นเรื่องที่ยาก ดังเช่น อาชีพ แพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักออกแบบ ศิลปิน นักกฏหมาย ทนายความ คนบางคนจบปริญญาขั้นสูงมาจากต่างประเทศ รู้ภาษาต่างประเทศอย่างดี คนเหล่านี้หากจะเกษียณไปแล้วไม่ทำอะไรเลย ก็น่าเสียดายความรู้เหล่านั้น
คนในระดับดังกล่าว หากสังคมและระบบองค์การใดรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ก็ให้หาทางเชื้อเชิญมาใช้ประโยชน์ เป็นเชื้อไฟ สร้างพลัง สร้างคนรุ่นใหม่ๆ ให้สามารถพัฒนาตนเองให้ตามทัน เหล่านี้เป็นสิ่งมีประโยชน์
สำหรับคนเกษียณอายุแล้ว หากหางานทำที่มีรายได้บ้าง มีความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ดีพอ ก็มีทางเลือกในการทำงาน ก็หาทางทำงานในระบบออนไลน์ หรือใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงาน ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น แม้จะเดินทางไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ไปเที่ยวพักผ่อนในต่างประเทศ ก็ยังสามารถทำงานได้ในเวลาและสถานที่ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น
No comments:
Post a Comment