ประเทศไทยมีนายกฯ เด็ก 3 คน
ประกอบ คุปรัตน์
นายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของไทยเป็น “เด็กด้วยวัยวุฒิ” คือ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (Abhisit Vejjajiva) เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 1964 นับอายุได้ 45 ปี ความจริงก็นับว่าไม่เด็กอะไรแล้ว ในสหรัฐอเมริกา คนในวัยนี้ที่เป็นประธานาธิบดีก็มี John F. Kennedy และ Bill Clinton นับว่าประสบความสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่อย่างดี แต่ฝ่ายตรงกันข้ามพยายามสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นเด็ก ต้องมีคนคอยอุ้มสม แต่นับจนถึงวันนี้ เขาก็ได้แสดงบทบาทหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีได้อย่างเหมาะสม ภาพลักษณ์ความเป็นคนมีสติปัญญา เรียนรู้เร็ว พูดจาฉะฉาน ชัดเจน และที่สำคัญคือมีความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญที่สุดในการทำหน้าที่รับผิดชอบเป็นผู้นำของประเทศในขณะนี้ และขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าสังคมไทยมีลักษณะอนุรักษ์ ต้องการการเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องให้โอกาสแก่คนรุ่นใหม่ที่จะแสดง
คนที่สอง “เด็กเลอะเทอะ” คือ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ออกมามีบทบาทสะเทือนเลื่อนลั่นในขณะนี้ คือ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ (General Chavalit Yongchaiyudh) เกิดวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1932 นับอายุรวมได้ 77 ปี หากนับบทบาทของท่านที่ได้ทำงานในกองทัพ และในงานการเมืองแล้ว ก็ต้องนับว่ามีคุณูปการต่อสังคมไทย ซึ่งสักวันคงจะต้องมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนายทหารที่มีบทบาทในฐานนักคิดคนหนึ่งที่ “ใช้การเมืองนำหน้าการทหาร” ซึ่งได้นำความสงบกลับสู่แผ่นดินไทยช่วงหลังปี พ.ศ. 2523 ด้วยนโยบาย 66/2523 นั้น บรรดานักศึกษาที่ได้เข้าป่าไป จะต้องระลึกถึงทหารสายพิลาป ที่หนึ่งในนั้น คือ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
ในวันนี้หากท่านจะยุติบทบาทของท่านอย่างเป็นผู้ใหญ่ ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว คอยให้สติแก่น้องๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่นี่ท่านยังออกมาแสดงบทบาททางการทูตในแบบที่สร้างความสับสนจนผู้ใหญ่หลายๆคนต้องออกมาเตือนว่า “ขอให้หยุดได้แล้ว” ในตอนนี้ หากไม่ยุติ ท่านอาจได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่เลอะเทอะ หรือไม่ก็เด็กเลอะเทอะ ทำตัวไม่เป็นผู้ใหญ่
คนที่สาม คือ “เด็กอาระวาด” อดีตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร (Police Lieutenant Colonel Thaksin Shinawatra) เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1949 นับอายุในวันนี้ก็ 60 ปีพอดี หากท่านจะยุติบทบาททางการเมือง หากจะแสดงฝีมือทางการบริหารธุรกิจในที่ใดๆ ก็เชิญเถอะ แต่ไม่ต้องทำในส่วนที่ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศไทย
ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงบทบาท โดยไม่ต้องมีคุณทักษิณ หากความคิดของท่านบางส่วนดีจริง ก็ให้คนรุ่นหลังๆพิสูจน์ สักวันหนึ่ง คนไทยจะได้เห็นและระลึกถึงสิ่งดีๆที่ท่านได้ทำแก่บ้านเมือง หากสังคมไทยมีความเป็นธรรม แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมีข้อสงสัยเรื่องความซื่อสัตย์ การแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว ครอบครัว และพวกพ้อง สักวันหนึ่งเมื่อฝุ่นหายตลบ คนเป็นอันมาก ก็อาจจะกลับมาเห็นสิ่งดีๆที่ท่านได้เคยทำไว้
แต่คุณทักษิณคงเป็นคนมีกรรม เหมือนเป็นพวกฉลาดเฉพาะด้าน ฉลาดทางปัญญา (IQ สูง) แต่ไม่ฉลาดทางอารมณ์ (EQ ต่ำ) ไม่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้จริง ดูได้จากการเข้ามาใช้ Twitter สื่อสารกับคนและโลกภายนอก มีแต่เรื่องออดอ้อนให้คนเห็นใจ และขณะเดียวกันส่งสัญญาณให้คนลุกขึ้นมาล้มล้างรัฐบาล สร้างความปั่นป่วนให้กับบ้านเมือง ยอมไปสวามิภักดิ์กับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา สร้างความร้าวฉานระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พออยู่ว่างๆก็เอาอีกแล้ว เข้ามาทาง Twitter หาเรื่องทะเลาะชวนตีกับนายกรัฐมนตรีที่ตนเองบอกว่าเป็นเด็ก ทำตัวอย่างเด็ก (Childish)
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีประธานาธิบดีท่านหนึ่ง คือ Thomas Jefferson (เกิดวันทื่ 13 เมษายน ค.ศ. 1743, เสียชีวิต 4 มิถุนายน ค.ศ. 1826) จัดได้ว่าเป็นประธานาธิบดีที่มีปัญญา ฉลาดเยี่ยมยอด แต่ก็มีความขัดแย้งในตนเองหลายเรื่อง ไม่เรียกได้ว่าเป็นคนมบูรณ์แบบ ท่านเป็นเจ้าทฤษฎีประชาธิปไตยยุคใหม่ เป็นคนริเริ่มให้มีพรรคการเมือง หรือการเมืองในระบบพรรค เป็นขุนนางปัญญาชน มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ก็มีหนี้มากมาย ในที่สุด เมื้อเสียชีวิต แม้บ้านๆ ก็ต้องถูกบุตรสาวนำออกขาย แต่สิ่งที่คนยังระลึกถึงท่านผู้นี้อย่างไม่เสื่อมคลาย คือ ความคิดความอ่านทางการเมือง ข้อคิดบทเขียนของท่านนั้น ยังเป็นคุณค่าที่นักประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยยังต้องไปศึกษาแล้วกลับมาเขียน ชื่อของท่านกลายเป็นชื่อเมือง โรงเรียน ถนนหนทาง และอีกมากมาย
ผมเขียนมาในที่นี้ไม่อยากกระแนะกระแหน แต่อยากมองเห็นว่า สักวัน เราควรมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ว่าในช่วงที่เขามีอายุอยู่ จะประสบชะตากรรมอย่างไร แต่ประวัติศาสตร์คือข้อเท็จจริงที่ทรงคุณค่า เราควรจะมีคนดีๆที่ได้ทำดี แล้วคนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ และขอบคุณในสิ่งที่ผู้นำรุ่นก่อนๆได้กระทำไว้
No comments:
Post a Comment