5 มิถุนายน ค.ศ. 1933
อเมริกันได้เลิกใช้ค่าทองเป็นมาตรฐานเงิน
Keywords: ประวัติศาสตร์, สหรัฐอเมริกา, economy, เศรษฐกิจ,
ศึกษาและเรียบเรียงจาก “Jun 5, 1933: FDR takes United States off gold standard.” ใน History.com
ในวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1933 ในยุคของประธานาธิบดีแฟรงคลิน
เดลาโน รูสเวลท์ (Franklin Delano Roosevelt – FDR) สหรัฐอเมริกาได้เลิกใช้ทองเป็นมาตรฐานในระบบการเงิน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทองถูกใช้เป็นระบบสนับสนุนมูลค่าเงิน ในวันนี้ รัฐสภาได้ร่วมกันออกกฏหมายที่ยกเลิกสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะใช้ทองเป็นการจ่ายหนี้สิน
ภาพ คนมาชุมนุมในบริเวณตลาดหลักทรัพย์ในเมืองนิวยอร์ค ในช่วงวันศุกร์ ของเดือนตุลาคม ค.ศ. 1929 เมื่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำ จนคนหมดความมั่นใจ
ภาพ ในสภาพที่เศรษฐกิจตกต่ำทั้งๆที่ การเกษตรยังผลิตได้ดี แต่ขายไม่ได้ แม้มีคนต้องกินต้องอยู่ ระบบอุตสาหกรรมยังผลิตได้ แต่ไม่มีใครมีเงินที่จะไปซื้อ คนงานต้องตกงาน และขาดความสามารถในการจ่าย
สหรัฐอเมริกาได้เริ่มใช้ทองเป็นมาตรฐานค่าเงินตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1879 ยกเว้นในช่วงการห้ามนำเข้าและส่งออกทองในช่วงสงครามโลกครั้งที่
1 แต่เพราะความล้มเหลวของธนาคารในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
(Great Depression)
ในช่วงทศวรรษที่ 1930s
ทำให้เกิดความตื่นตระหนก
และทำให้เกิดการกักตุนทองแทนค่าเงินซึ่งไม่สามารถเชื่อถือได้
ในช่วงไม่นานหลังจากที่ FDR ได้เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1933
อันเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ เขาได้ประกาศพักชำระหนี้ (Moratorium)
เพื่อป้องกันการตื่นตระหนกถอนเงิน ด้วยการหมดความเชื่อถือในธนาคารและระบบเศรษฐกิจของประเทศ
รูสเวลท์ห้ามธนาคารจ่ายทองหรือซื้อทองเข้าธนาคาร
ตามทฤษฎีเศรษฐกิจของ Keynesian คือการปล่อยให้มีปริมาณเงินมากพอ
แม้จะทำให้มีสภาพเงินเฟ้อบ้าง การเพิ่มปริมาณทองสะสมของธนาคารกลางของสหรัฐ (Federal
Reserve) จะช่วยทำให้เกิดปริมาณเงินเหลือพอสำหรับใช้ในประเทศ
ในประเทศอังกฤษก็ได้ใช้มาตรการอย่างเดียวกัน
โดยเลิกใช้ทองเป็นมาตรฐานในการชำระหนี้สินในปีค.ศ. 1931
ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1933 ประธานาธิบดีรูสเวลท์ได้สั่งเรียกคืนเหรียญทองทั้งหมด
และใบรับรองทองที่มีมูลค่ากว่า $100 กลับแล้วเปลี่ยนเป็นค่าเงินอย่างอื่น
ซึ่งทำให้ใครก็ตามที่สะสมเหรียญทองทั้งหมด รวมถึงทองแท่ง และใบรับรองค่าทอง (Gold
certificates) ต้องส่งคืนธนาคารกลางภายในวันที่ 1 พฤษภาคม เพื่อแลกเงินไปในอัตรา $20.67 ต่อออนซ์
ในวันที่ 10 พฤษภาคม รัฐบาลได้รวบรวมเหรียญทองได้เป็นมูลค่า
$300 ล้าน และ $470
ล้านในรูปใบรับรองค่าทอง อีกสองเดือนต่อมา
ได้มีคำประกาศจากรัฐสภาได้มีประกาศยกเลิกค่าเงินที่จะใช้ชำระหนี้ทั้งในภาครัฐและเอกชน
ซึ่งในยุคก่อนหน้านั้นได้มีธรรมเนียมการค้าขายที่ให้ใช้ทองเป็นมูลค่าในการชำระหนี้สินต่อกันได้
ในปี ค.ศ. 1934 รัฐบาลได้เพิ่มมูลค่าทองเป็น $35 ต่อออนซ์ ซึ่งทำให้ค่าทองที่จัดเก็บโดยธนาคารกลางได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 69
ทำให้รัฐบาลกลางโดยธนาคารกลางได้มีอุปทาน (Supply) เงินเพิ่มขึ้น
รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาได้ใช้ค่า
$35 ต่อออนซ์ จนกระทั้งวันที่ 15
สิงหาคม ค.ศ. 1971 ซึ่งประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน
(Richard Nixon) ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่มีการกำหนดเปรียบค่าเงินเหรียญสหรัฐเป็นค่าเงินตายตัวกับทอง
จึงเท่ากับเป็นการเลิกใช้ทองเป็นค่าเงินมาตรฐาน ในปี ค.ศ. 1974 ประธานาธิบดีเจอรัล ฟอร์ด (Gerald Ford) ได้ลงนามในกฎหมายอีกครั้ง อนุญาตให้คนอเมริกันสามารถเป็นเจ้าของทองแท่งได้
No comments:
Post a Comment