การถึงจุดหมายที่เท่าเทียมกัน (Equifinality)
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com
Keywords: จิตวิทยา,
psychology, การเรียนรู้, learning, บุคลิกภาพ,
personality, Euifinality
อีควิไฟนาลิตี (Equifinality) คือหลักการของระบบเปิดที่ (Open systems)
การถึงวาระสุดท้าย หรือจุดมุ่งหมายที่เท่าเทียมกัน
ภาพ โธมัส เอดิสัน (Thomas Alva
Edision 1804-1896,) นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ของอเมริกัน
เมื่อเป็นเด็กไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน เพราะเขาหูหนวกจากโรค Scarlet
fever จนในที่สุดแม่ต้องนำเขาออกจากโรงเรียน และให้เขาได้เรียนนอกระบบที่บ้าน
แต่สิ่งที่แม่มีอยู่ตลอดเวลา คือเชื่อว่าเด็กชายโธมัส
มีพรสวรรค์ที่คนอื่นๆมองไม่เห็นและเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิต
ภาพ เกนนาดี โกลอฟกิน (Gennady
Golovkin, 1982 - ) เป็นนักชกอาชีพชาวรัสเซีย
เชื้อสายคาซักและเกาหลี ชีวิตในวัยเด็กเขาเต็มไปด้วยเรื่องการชกต่อย
พี่ชายสองคนเสียชีวิตในราชการสงคราม
แต่ในที่สุดโกลอฟกินเอาดีทางการเป็นนักมวยอาชีพ ฝึกซ้อมอย่างหนัก มีลีลาดุดัน อดทน
รวดเร็วและหมัดหนัก มีการป้องกันตัวที่ดี เขามีสถิติชกอาชีพ 31 ครั้ง ชนะทุกครั้ง
และชนะน๊อก 28 ครั้ง ปัจจุบันเป็นแชมเปียนโลกในรุ่น 160 ปอนด์ของหลายสถาบัน
เด็กสองคนที่ไม่เหมือนกัน
เด็กชาย ก. เป็นคนชอบอยู่เงียบๆ
เขารักการอ่านหนังสือ ชอบสังเกต ชอบเขียน แต่เป็นเด็กขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดกับคน เขาจะรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องออกมาแสดงความคิดเห็นหน้าชั้น
ในทางจิตวิทยา อาจเรียกเด็กคนนี้ว่า Introvert
เด็กชาย ข. เป็นคนอยู่เฉยๆไม่ได้ ชอบพูด
แต่พูอย่างไม่ค่อยได้คิด ร่าเริง สนุกสนานท่ามกลางเพื่อนฝูงชอบเล่นกีฬา
แต่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเฉพาะเรียนในห้องเรียนสีเหลี่ยมที่ทุกคนต้องนั่งนิ่งเงียบ
ในทางจิตวิทยาอาจเรียกบุคลิกภาพของเด็กคนนี้ว่า Extrovert
เด็กสองคนนี้มีสิทธิมีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต
เพียงแต่เส้นทางเดินของเขาแตกต่างกัน จุดสำคัญ พ่อแม่ ผู้ปกครอง
หรือครูผู้ใกล้ชิดเขาต้องเข้าใจธรรมชาติของทั้งสองคน และจัดประสบการณ์ชีวิตและการเรียนให้สอดคล้องแก่แต่ละคน
อย่านำสองอย่างที่แตกต่างกัน มาประเมินบนฐานเดียวกัน ทุกคนมีคุณค่า และสิทธิประสบความสำเร็จในชีวิตตามเส้นทางเดินของเขา
เด็กชาย ก. อาจกลายเป็นนักเขียน นักคิด
นักวิทยาศาสตร์ แม้เขาเป็นคนไม่ชอบพูดจากับคนในช่วงเด็กๆ แต่เมื่อโตขึ้น
เขาจะเรียนรู้วิธีการเข้าสังคมได้ในเวลาต่อมา เมื่อเขาโตขึ้น
เด็กชายข. แม้เป็นเด็กไม่ชอบเรียนหนังสือในช่วงหนึ่งของชีวิต
เขาอาจกลายเป็นนักแสดง ผู้ประกอบการ นักบริหาร ฯลฯ เมื่อเขามีวุฒิภาวะมากขึ้น เขาอาจมีวิธีการเรียนรู้ชีวิตและการทำงานในวิธีการของเขา
อย่างไรเสียให้เข้าใจอีกว่า
จุดสุดท้ายของทุกคน ท้ายสุดก็จะมาถึงจุดเดียวกัน
แม้ในชีวิตจะเดินไปกันคนละทิศละทาง
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของ Equifinality
ในชีวิตของเราคือ ประสบการณ์จากการเจ็บ การแก่ และการตาย
ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ว่าเราจะดูแลอย่างไร แต่เราจะหนี 3 สิ่งนี้ไปไม่พ้น
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง มันจะมาถึงเรา โดยเฉพาะการตาย
ความแตกต่างคือเราจะมีเส้นทางที่จะดำเนินชีวิตที่เรามีสิทธิเลือกอย่างไร ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางนั้น
เราอาจมีวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ็บป่วยได้
ด้วยการดูแลด้านสุขภาพ อาหารการกิน และการออกกำลังกาย เมื่อเจ็บป่วย
เราก็ต้องรู้จักดูแลรักษาตนเอง รู้จักใช้บริการสาธารณสุขที่จำเป็น
เราสามารถทำให้ชีวิตเราแก่ช้าลง มีอายุที่ยืนยาวขึ้น แต่ในที่สุด
เราก็จะหนีความตายไปไม่พ้น
สำหรับคนที่อ่านหนังสือธรรมะไม่เข้าใจ
หรือรู้สึกเบื่อหน่ายในศัพท์บาลีหรือสันสกฤต ก็ลองศึกษาแบบวิทยาศาสตร์
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเปิดก็ได้ครับ แล้วเราจะบรรลุธรรมะแห่งชีวิต
เช่นเดียวกัน
การประยุกต์ใช้
สำหรับพ่อแม่เด็ก
ต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็กที่แต่ละคนไม่เหมือนกัน
เด็กแต่ละคนมีสิ่งดีๆที่รอการค้นพบของเรา
อย่าไปเร่งร้อนผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จตามที่ผู่ใหญ่คิด
เพราะเด็กแต่ละคนสามารถมีเส้นทางเดินของเขาที่อาจไม่เหมือนกัน
รอให้เขาได้แสดงความเป็นตัวตนของเขา
แล้วค่อยหาทางปรับแต่งเขาแต่ละคนตามพรสวรรค์หรือความถนัดอย่างที่เขามีอยู่
No comments:
Post a Comment