นักการเมืองหญิงของออสเตรเลีย พูดผิดๆถูกๆได้ 2 วันก็หมดอนาคตการเมืองแล้ว

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: การเมือง, การปกครอง, educated man, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, สเตฟานี แบนิสเตอร์, Stephanie Banister, Sarah Palin,

ศึกษาและเรียบเรียงจาก “Australian politician mistakes Islam for country; gaffes go viral.” โดย Faith Karimi, CNN, August 11, 2013 -- Updated 1550 GMT (2350 HKT)

(CNN) -- A candidate in Australia's parliamentary elections referred to Islam as a country. As a result, she's now referred to as a former candidate.

ภาพ สเตฟานี แบนิสเตอร์ (Stephanie Banister)

ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้แทนราษฎรในรัฐสภาของออสเตรเลีย พูดถึงศาสนาอิสลามอย่างผิดๆว่าเป็นประเทศ (Country) และพูดผิด เข้าใจผิดอีกเป็นชุด ก็มีผลทำให้หลุดจากวงการเมืองไปเลย

สเตฟานี แบนิสเตอร์ (Stephanie Banister) วัย 27 ปี สาวหน้าตาดี ถ่ายรูปขึ้นคล้ายนายกรัฐมนตรีของไทย มีอาชีพเป็นช่างเชื่อม (Welder) ลงสมัครชิงตำแหน่งในเมืองแรงคิน (Rankin) รัฐควีนส์แลนด์ (Queensland) ได้พูดผิดพูดถูกออกมาเป็นชุดในการให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีข่าวท้องถิ่นที่เป็นเครือข่ายของ CNN เธอกล่าวว่า

“ดิฉันไม่ต่อต้านอิสลามในฐานะประเทศ (Country) แต่รู้สึกว่ากฎหมายของเขาไม่ได้รับการต้อนรับที่ออสเตรเลียนี้” แบนิสเตอร์กล่าว คนก็งงแล้ว เพราะอิสลามเป็นศาสนา เป็นลัทธิความเชื่อ ไม่ใช่ประเทศ

เธอยังกล่าวต่ออีกว่า “มีคนชาวออสเตรเลียไม่ถึงร้อยละ 2 ที่นับถือฮาราม (Haram) ซึ่งในที่นี้ไม่ชัดเจนว่าเธอหมายถึงคัมภีร์กูรอาน (Quran) ส่วนฮารัม (Haram) หมายถึงสิ่งต้องห้ามในกฎหมายของศาสนาอิสลาม

เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังสับสนกับข้อมูลที่เกี่ยวกับศาสนา แสดงความเป็นผู้รู้แบบปล่อยไก่ออกมา

“ยิวไม่ได้อยู่ภายใต้ฮารัม แต่เขามีศาสนาของเขาเองที่เดินตามแนวทางของพระเยซูคริสต์ (Jesus Christ)” ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอีก ศาสนายิว (Judaism) เป็นศาสนาที่มีกำเนิดมาก่อน (Old testament) มีมาก่อนการเกิดของจีซัสไครสต์ (Jesus Christ) หรือ Jesus of Nazareth

ภาพ นางซาราห์ เพลิน (Sarah Palin) อดีตผู้สมัครขิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 2008

สาวนักการเมืองหน้าตาดีอีกคนหนึ่งที่ชอบพูด และดูดีในช่วงแรกของการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ในระยะต่อมาก็ยิ่งทำให้ทั้งตนเองและทีมผู้สมัครต้องหลุดไปเลย คือซารา เพลิน (Sarah Palin) ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับจอห์น แมคเคน (John McCain) ผู้สมัครตัวแทนพรรครีพับลิกัน ซึ่งลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับฝ่ายดีโมแครต นำโดยบารัค โอบาม่า (Barack Obama) ในปี ค.ศ. 2008 ภาพฉายที่ออกมาเพลิน คือการเป็นคนไม่รู้จริงแล้วชอบพูด ยากที่จะควบคุมได้ของ ท้ายสุดจอห์น แมคเคนและซาราห์ เพลิน ก็แพ้โอบาม่าอย่างหมดรูป

ในประเทศออสเตรเลีย ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการสัมภาษณ์แบนิสเตอร์ได้ออกอากาศหรือไม่ แต่คลิปหลุดๆของเธอได้แพร่หลายในสื่อสังคมอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถจะไปหยุดยั้ง และสร้างความเสียหายทางการเมืองแก่ตัวเธอเอง จนยากจะแก้ไข

เธอกล่าวแก้ตัวว่า “เพราะช่อง 7 (ในออสเตรเลีย) ได้ตัดต่อบทสัมภาษณ์ของเธอ จนทำให้ฉันกลายเป็นคนโง่ไป” แบนิสเตอร์กล่าว

ในวันเสาร์ที่ผ่านมา แบนิสเตอร์ สาวแม่ลูกสองต้องถอนตัวจากการแข่งขัน โดยกล่าวว่าครอบครัวของเธอได้รับการข่มขู่ แบนิสเตอร์ทำพลาดทางการเมือง คือพูดให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่ตนเองไม่รู้จริง เพียงสองวันเท่านั้น อายุการเป็นผู้สมัครของเธอก็สิ้นสุดลง

ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา หรือออสเตรเลีย ผู้นำอาจไม่ได้เรียนหนังสือมาสูง ไม่ได้เป็นผู้รู้ดีไปหมดได้ คนอเมริกันเขายอมรับได้ ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) เกิดมาในบรรยากาศชาวป่าชาวเขา ไม่ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนปกติ แต่เรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นคนฉลาดที่จะเรียนรู้ในอีกแบบหนึ่งของเขา จนสามารถสอบผ่านกฎหมายได้เป็นทนายความ ทั้งหมดนี้ ก็ด้วยการขวนขวายส่วนตัว แต่มิได้หมายความว่าคนอเมริกันเขายอมรับคนที่ไม่รับการศึกษาอย่างถูกต้องให้เป็นผู้นำของเขา คำว่าได้รับการศึกษา (Educated) หมายถึงการเป็นผู้รอบรู้และรู้จริง จะด้วยการศึกษาในระบบหรือนอกระบบก็ตาม

ภาพ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย

แต่ประชาชนผู้เลือกตั้งของเขาจะใส่ใจมากกับการเลือกผู้นำที่ต้องฉลาด รู้กว้าง และรู้ลึก ที่สำคัญต้องรู้ในสิ่งที่พูด เป็นไปไม่ได้และยอมรับไม่ได้ กับผู้นำที่พูดไปทั้งๆที่ไม่รู้ พูดอย่างมีคนบอกบท ทั้งๆที่ตนเองไม่รู้อะไรในสิ่งที่พูดเลย นั่นไม่ใช่ผู้นำในประเทศที่เจริญแล้วเขาจะยอมรับได้

ย้อนกลับมาประเทศไทย การมีนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นหญิงคนแรก เป็นเรื่องที่ดี แต่การที่คนทั่วโลกเขารับรู้กันว่าท่านนั้นไม่ใช่ของจริง ไม่สามารถคิดและตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ต้องเป็นนายกฯประเภทอ่านตามบท เวลาประชุมเพื่อตัดสินใจ ก็อาศัยการเปิดออนไลน์กับผู้มีอำนาจตัวจริงที่อยู่แดนไกล จะไปพูดที่ไหนก็พูดผิดๆถูกๆเป็นประจำ นับเป็นความน่าอับอายของทั้งประเทศ และนี่ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ครับ ถ้าเป็นในออสเตรเลียเขามีเวลาเพียงสองวันเท่านั้นก็ต้องลาออกแล้ว