มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi) มหาบุรุษของโลก
Keywords: ประเทศอินเดีย, ประเทศปากีสถาน,
การเมือง, การปกครอง, ความเป็นผู้นำ, มหาตมะ คานธี, Mahatma Gandhi, ความเป็นผู้นำ, Leadership, การเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของอินเดีย,
Indian
independence movement, ปรัชญา, philosophy of Satyagraha, อหิงสา, Ahimsa, nonviolence, pacifism
ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia, the
free encyclopedia
Happiness is when what you think, what you say,
and what you do are in harmony. - Mahatma Gandhi
ความสุขคือเมื่อใดที่ท่านคิดอะไร พูดอะไร
และทำอะไรสอดคล้องไปด้วยกัน - มหาตมะ คานธี
มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi)
ภาพ มหาตมะ คานธี
เกิด
Born |
|
ตาย
Died |
|
สาเหตุการตาย
Cause of death |
|
สุสาน
Resting place |
|
ชื่ออื่นๆ
Other names |
Mahatma Gandhi, Bapu, Gandhiji
|
ชนเผ่า
Ethnicity |
|
การศึกษา
Education |
|
ศิษย์เก่า
Alma mater |
|
มีชื่อเสียงด้าน
Known for |
Leadership of Indian
independence movement,
philosophy of Satyagraha,Ahimsa or nonviolence, pacifism |
การเคลื่อนไหว
Movement |
|
ศาสนา
Religion |
|
คู่ครอง
Spouse(s) |
|
บุตร/ธิดา
Children |
|
พ่อแม่
Parent(s) |
Putlibai Gandhi (Mother)
Karamchand Gandhi (Father) |
ลายเซ็นSignature
|
โมฮันดาซ คารัมจัน คานธี (Mohandas Karamchand Gandhi) เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948
ท่านเป็นผู้นำประเทศอินเดียในการเคลื่อนไหวเพื่อประกาศอิสรภาพจากประเทศอังกฤษ
คานธีใช้การต่อสู้อย่างอหิงสา ไม่ใช้ความรุนแรง (Nonviolent) และใช้หลักอารยะขัดขืน (Civil disobedience) คานธีนำอินเดียสู่อิสรภาพและดลใจการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน
(Civil rights) และการต่อสู้เพื่อเสรีภาพให้แก่คนทั้งโลก
คำว่า “มหาตมะ” (Mahatma) เป็นคำในภาษาสันสกฤต แปลว่าจิตฝ่ายสูง (High-souled) ได้มีคนเรียกคานธีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 เมื่อท่านเคลื่อนไหวในอัฟริกาใต้
และในปัจจุบันมีการใช้ขยายไปทั่วโลก มีอีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกคานธี คือ “บาปู” (Bapu)
เป็นคำในภาษาท้องถิ่นของกุจารัชต์ (Gujarati) แปลว่า
“ผู้เป็นที่รัก” บิดา หรือปาปาในประเทศอินเดีย
ภาพ มหาตมะ คานธี ในวัยหนุ่ม เมื่อใช้ชีวิตศึกษาเล่าเรียนในประเทศอังกฤษ และเมื่อทำงานด้านกฏหมายในอัฟริกาใต้
คานธีเกิดและเติบโตมา เป็นชาวฮินดูในชนชั้นพ่อค้า
(Merchant caste) ในบริเวณชายฝั่งของรัฐกุจารัต
ทางอินเดียตะวันตกของอินเดีย (Gujarat, western India) และได้รับการฝึกอบรมทางด้านกฎหมายที่ Inner Temple ในกรุงลอนดอน คานธีเริ่มใช้วิธีการต่อสู้แบบอหิงสา
คือไม่ใช้ความรุนแรง และใช้อารยะขัดขืน (Civil disobedience) ต่อกฏหมายที่ไม่ชอบธรรม เริ่มตั้งแต่เมื่อเขาทำงานเป็นฝ่ายกฎหมายที่เป็นชาวต่างด้าวในอัฟริกาใต้
เมื่อเขากลับมายังประเทศอินเดียในปี ค.ศ. 1915 เขาเคลื่อนไหวในหมู่ชาวนายากจน
เกษตรกร และคนงานในเมือง โดยเป็นผู้นำในสภาแห่งชาติอินเดีย (Indian National
Congress) ในปี ค.ศ. 1921 คานธีนำชาวอินเดียทั่วประเทศ
เพื่อรณรงค์ลดความยากจน ประท้วงการเก็บภาษีที่เกินความจำเป็น
และการขยายสิทธิของสตรี สร้างความสมานฉันท์ด้านศาสนาและชนเผ่าที่หลากหลาย ขจัดการดูถูกเดียดฉันท์คนชั้นล่าง
(Untouchability) แต่ที่สำคัญที่สุดคือการต่อสู้เพื่อการปกครองตนเองของชาวอินเดีย
(Swaraj)
ภาพ คานธีนำเดินขบวนต่อต้านการเก็บภาษีเกลือของอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1930
การรณรงค์โดยการนำของคานธีที่มีชื่อเสียง
คือการท้าทายการเก็บภาษีเกลือ (Salt tax) ของอังกฤษ โดยเป็นการเดินทางไกลระยะทาง 400 กิโลเมตร
เรียกว่า Dandi Salt March และในปี ค.ศ. 1942 เขารณรงค์ให้อังกฤษถอนออกจากอินเดีย
คานธีถูกจำคุกหลายครั้งและหลายปีทั้งในอัฟริกาใต้และในอินเดีย
ภาพ คานธกับการปั่นฝ้ายและทอผ้าใช้เองในอินเดีย แทนที่จะเห่อเหิมใช้สินค้าผ้านำเข้าจากต่างประเทศ จุดประสงค์ของคานธีคือ "การพึ่งตนเอง" ของประเทศอินเดีย
คานธีพยายามใช้การต่อสู้ด้วยวิธีการอหิงสา
ไม่ใช้ความรุนแรง และใช้หลักความเป็นจริงในทุกสถานการณ์
และเขายืนหยัดให้ทุกคนทำตามในลักษณะดังกล่าว คานธีดำรงชีวิตอย่างสมถะ
พักอาศัยอยู่ในบ้านในชุมชนกินอยู่อย่างพอเพียง เขากินอาหารมังสะวิรัติ
และบ่อยครั้งที่ใช้การอดอาหาร (Long fasts) ทั้งเพื่อการฝึกทำตนเองให้บริสุทธิและเป็นการประท้วงทางสังคม
วิสัยทัศน์ของคานธี
คือต้องการให้อินเดียเป็นประเทศเสรี มีความเท่าเทียมกันทางศาสนา ในต้นทศวรรษที่ 1940s
เขาถูกท้าทายโดยกลุ่มมุสลิมรักชาติ (Muslim nationalism) ที่ต้องการแบ่งแยกมุสลิมออกจากประเทศอินเดีย
ในที่สุดเมื่ออังกฤษให้อิสรภาพแก่อินเดีย ก็มีการแบ่งอินเดียเป็นสองส่วน
คือส่วนที่มีคนส่วนใหญ่เป็นฮินดูคือประเทศอินเดีย และส่วนที่มีคนมุสลิมเป็นส่วนมากคือปากีสถาน
แต่ในการประกาศแบ่งแยกประเทศนี้ ทำให้เกิดปัญหาชนกลุ่มน้อยทั้งฮินดู มุสลิม
และซิกส์ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในแต่ละประเทศ ทำให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาและชนชาติ
เกิดการประทะกันด้วยความรุนแรงในรัฐปันจาบ (Punjab) และรัฐเบงกัล
(Bengal) และตามมาด้วยการย้ายถิ่น อันเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ภาพ อินเดียในวิสัยทัศน์ของคานธี คือประเทศใหญ่ที่คนมีความอดทนในความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรม การไปเยี่ยมและปราศรับที่ Peshawar ปัจจุบันอยู่ในเขตของปากีสถาน
ในระหว่างความขัดแย้งนี้บดบังความยินดีที่ได้ประกาศให้ประเทศเป็นอิสรภาพ
คานธีเองได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนพื้นที่ๆได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
ได้ให้การปลอบใจ และหลายครั้งที่ได้อดอาหารจนกว่าจะเสียชีวิต (Fasts unto
death) เพื่อผลักดันให้คนในชาติหันมาสร้างความสมานฉันท์ลดความขัดแย้งทางเชื้อชาติและทางศาสนาลง
การอดอาหารครั้งสุดท้ายนี้กระทำในวันที่
12 มกราคม ค.ศ. 1948 เมื่ออายุได้ 78 ปี โดยกดดันอย่างอ้อมๆให้อินเดียยอมจ่ายเงินทดแทนแก่ปากีสถาน
ชาวอินเดียบางส่วนมองเห็นว่าคานธีเกื้อหนุนให้ปากีสถานมากไป ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 นาธูรัม กอดซี (Nathuram Godse) จากกลุ่มฮินดูรักชาติ ได้ลอบสังหารคานธี โดยยิง 3
นัดไปที่บริเวณหน้าอกของคานธี
ชาวอินเดียเคารพคานธีในฐานะบิดาของชาติ
(The father of the nation) วันเกิดของคานธีในวันที่ 2
ตุลาคม ได้กลายเป็นวันชาติ เพื่อแสดงความคารวะต่อคานธี และเป็นวันแห่งการไม่ใช้ความรุนแรงสากล
(The International Day of Nonviolence)
No comments:
Post a Comment