ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
Pracob Cooparat
ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia และอื่นๆ
ภาพ มาลาล่า ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai)
Keywords: การเมือง, politics, การศึกษา, education, ผู้นำ, leader, leadership, สิทธิของสตรี, women rights, ปากีสถาน, Pakistan, มาลาล่า, Malala Yousafzai
มาลาล่า ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai (Pashto: ملاله یوسفزۍ Malālah Yūsafzay) เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1997 เป็นเด็กนักเรียนหญิงในปากีสถาน และเป็นนักรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อการศึกษาในเมืองมิงโกร่า (Mingora) ในเขตสวาท (Swat District) ในจังหวัดไคเบอร์ ปักทุนควา (Khyber Pakhtunkhwa province) ของประเทศปากีสถาน ซึ่งในเขตนี้พวกทาลีลัน (Taliban) อันเป็นพวกอิสลามหัวรุนแรงได้ห้ามเด็กหญิงเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน ในต้นปี ค.ศ. 2009 เมื่อเธออายุได้ประมาณ 11-12 ปี ยูซาฟไซได้เขียนเรื่องลงใน Blog ในอินเตอร์เน็ตโดยใช้ชื่อปลอม ที่ส่งไปยังสำนักข่าว BBC ของประเทศสหราชอาณาจักร โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเธอภายใต้การปกครองของทาลีบัน โดยเธอมีทัศนะต้องการส่งเสริมให้เด็กหญิงได้รับการศึกษา และไม่เห็นด้วยในการกีดกันสิทธิของเด็กหญิงในปากีสถานนี้ ในช่วงฤดูร้อนต่อมา นิตยสารนิวยอร์คไทม์ (New York Times) ได้นำเรื่องของเธอเสนอเป็นสารคดี โดยมีการถ่ายทำกันจริงในปากีสถาน โดยมีฝ่ายทหารของปากีสถานได้เข้าไปทำการสู้รบในสงครามที่เรียกว่าสงครามครั้งที่สองแห่งสวาท (Second Battle of Swat)
มาลาล่า ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai (Pashto: ملاله یوسفزۍ Malālah Yūsafzay) เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1997 เป็นเด็กนักเรียนหญิงในปากีสถาน และเป็นนักรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อการศึกษาในเมืองมิงโกร่า (Mingora) ในเขตสวาท (Swat District) ในจังหวัดไคเบอร์ ปักทุนควา (Khyber Pakhtunkhwa province) ของประเทศปากีสถาน ซึ่งในเขตนี้พวกทาลีลัน (Taliban) อันเป็นพวกอิสลามหัวรุนแรงได้ห้ามเด็กหญิงเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน ในต้นปี ค.ศ. 2009 เมื่อเธออายุได้ประมาณ 11-12 ปี ยูซาฟไซได้เขียนเรื่องลงใน Blog ในอินเตอร์เน็ตโดยใช้ชื่อปลอม ที่ส่งไปยังสำนักข่าว BBC ของประเทศสหราชอาณาจักร โดยให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเธอภายใต้การปกครองของทาลีบัน โดยเธอมีทัศนะต้องการส่งเสริมให้เด็กหญิงได้รับการศึกษา และไม่เห็นด้วยในการกีดกันสิทธิของเด็กหญิงในปากีสถานนี้ ในช่วงฤดูร้อนต่อมา นิตยสารนิวยอร์คไทม์ (New York Times) ได้นำเรื่องของเธอเสนอเป็นสารคดี โดยมีการถ่ายทำกันจริงในปากีสถาน โดยมีฝ่ายทหารของปากีสถานได้เข้าไปทำการสู้รบในสงครามที่เรียกว่าสงครามครั้งที่สองแห่งสวาท (Second Battle of Swat)
ยูซาฟไซได้เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกัน
เธอให้สัมภาษณ์ที่ทำให้เกิดเป็นข้อเขียนและการนำไปออกรายการโทรทัศน์
และเธอได้ทำหน้าที่เป็นประธานของสภาเด็กแห่งเขตสวาท (District Child Assembly Swat) เพราะความกล้าหาญของเธอ
ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลเด็กเพื่อสันติภาพนานาชาติ (International
Children's Peace Prize) โดยบาทหลวงเดสมอนด์ ตูตู (Desmond Tutu)
และเธอได้รับรางวัลเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งปากีสถาน (National Youth
Peace Prize) ที่ได้จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ยังมีผู้มีชื่อเสียงหลายคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแห่งแคนาดา
ได้สนับสนุนและเสนอเธอให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ (Nobel Peace Prize)
ในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2012
ยูซาฟไซถูกยิงเข้าที่ศีรษะและลำคอจากฝ่ายมือปืนของตาลีบัน ที่ต้องการลอบสังหาร
ในขณะที่เธออาศัยรถโดยสารนักเรียนเดินทางกลับบ้าน ในวันต่อๆมาหลังจากถูกโจมตี
เธอยังคงไม่ได้สติและมีอาการน่าวิตก แต่ในระยะต่อมา อาการของเธอเริ่มดีขึ้นและดีเพียงพอที่จะย้ายไปรับการรักษาพยาบาลในประเทศสหราชอาณาจักร
รวมถึงการได้รับการฟื้นฟูและกายภาพบำบัดหลังผ่าตัด
ในวันที่ 12 ตุลาคม
กลุ่มผู้นำศาสนา 50 คนในปากีสถานได้ออกแถลงการณ์ฟัตวา (fatwā)
แสดงความไม่เห็นด้วยกับคนที่พยายามลอบสังหารเธอ
แต่ฝ่ายทาลีบันได้ตอบกลับว่าเขาตั้งใจจะสังหารยูซาฟไซและบิดาของเธอ ไซอุดดิน (Ziauddin) จริงๆ
อดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรและปัจจุบันเป็นทูตพิเศษสหประชาชาติเพื่อส่งเสริมการศึกษาของโลก
นายกอร์ดอน บราวน์ (Gordon Brown) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสหประชาชาติ โดยทำในนามของยูซาฟไซ
ด้วยคำขวัญที่ว่า “ฉันคือมาลาล่า” เรียกร้องเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กในโลกทุกคน
เพื่อให้ทั้งหมดได้รับการศึกษาภายในปีค.ศ. 2015 บราวน์กล่าวว่า
เขาจะยื่นหนังสือไปยังประธานาธิบดีของปากีสถาน นายอาซิฟ อาลี ซาดารี (Asif Ali Zardari)
ในเดือนพฤศจิกายน เลขาธิการบังคีมุน (Ban Ki-Moon) ได้กล่าวว่า วันที่ 10
พฤศจิกายน จะเป็นวันฉลองมาลาล่า (Malala Day)
มาลาล่า
เด็กหญิงผู้นี้ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปี ค.ศ. 2012 โดยนิตยาสาร
TIME เป็นอันดับสอง ตามหลังเพียงประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ปัจจุบัน
เธอกำลังฟื้นตัวหลังการผ่าตัดและกายภาพบำบัด
แม้ขณะได้รับการรักษาพยาบาลในสหราชอาณาจักร
เธอก็ยังต้องได้รับการคุ้มครองอย่างแน่นหนา
สำหรับบิดาของเธอที่ได้รับการข่มขู่ตลอดเวลาจากฝ่ายลอบสังหาร
ก็ได้รับงานใหม่ทำที่สถานทูตในสหราชอาณาจักร
และยังไม่สามารถเดินทางกลับไปยังปากีสถานได้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
No comments:
Post a Comment