สงครามระหว่างฝรั่งเศสกับปรัสเซีย ปี ค.ศ. 1870 - 1871
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
Pracob@sb4af.org
ศึกษาและเรียบเรียง “Franco-Prussian War” จาก Wikipedia, the free encyclopedia
สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย | |||||||||
เป็นส่วนหนึ่งของการรวมเยอรมันเป็นหนึ่งเดียว Part of the wars of German unification | |||||||||
| |||||||||
ความกระหายสงคราม | |||||||||
Second French Empire (until September 4, 1870) |
| ||||||||
French Third Republic (starting on September 4, 1870) | German Empire (starting on January 18, 1871) | ||||||||
ผู้บัญชาการทัพและผู้นำ | |||||||||
Napoleon III (POW) | Wilhelm I | ||||||||
กำลังทัพ | |||||||||
492,585 active[1] | |||||||||
การตายและความสูญเสีย | |||||||||
138,871 dead[4] | 44,781 dead |
สงครามที่เรียกว่า “สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย” (Franco3-Prussian War) หรือเรียกว่า “สงครามฝรั่งเศส-เยอรมัน” (Franco-German War) มักเรียกกันในฝรั่งเศสว่า “สงครามปี ค.ศ. 1870” (1870 War) เกิดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1871 เป็นความขัดแย้งกันระหว่างอาณาจักรฝรั่งเศสที่ 2 (Second French Empire) และราชอาณาจักรแห่งปรัสเซีย (Kingdom of Prussia) ปรัสเซียได้รับการสนับสนุนโดยสหพันธรัฐเยอรมันตอนเหนือ (North German Confederation) ซึ่งปรัสเซียเป็นสมาชิกร่วมด้วย และมีรัฐทางตอนใต้อันประกอบด้วย Baden, Württemberg และ Bavaria เข้าสมทบกับฝ่ายปรัสเซีย
ในสงครามนี้ฝ่ายปรัสเซียและเยอรมันได้รับชัยชนะที่นำมาซึ่งการรวมเยอรมันภายใต้กษัตริย์วิลเฮมที่ 1 แห่งปรัสเซีย (Wilhelm I of Prussia) และเป็นจุดล่มสลายของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 (Napoleon III) และเป็นการสิ้นสุดอาณาจักรฝรั่งเศสที่ 2 และแทนที่ด้วย “สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 (French Third Republic) ตามข้อตกลงที่ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายแพ้สงครามนี้ ทำให้เขตของ Alsace และบางส่วนของ Lorraine ต้องตกเป็นของปรัสเซีย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมัน ซึ่งยังคงสภาพนั้นจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I) เมื่อสองแคว้นของนั้นได้กลับคืนสู่ฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาแวร์ไซย์ (Treaty of Versailles)
ความตึงเครียดสะสมกันมาหลายปีของทั้งสองประเทศ และท้ายสุดเป็นเรื่องของการเสนอ Hohenzollern เข้ารับตำแหน่งเป็นกษัตริย์ของสเปน (Spanish throne) หลังการปลด (Deposition) พระนางอิซาเบลล่าที่ 2 (Isabella II) ในปี ค.ศ. 1868 การออกข่าวที่เรียกว่า Ems Dispatch เป็นการถากถางกันระหว่างกษัตริย์ของปรัสเซียกับทูตของฝรั่งเศส ทำให้เกิดกระแสร้อนแรงในทั้งสองประเทศ ฝรั่งเศสได้รวบรวมพลและประกาศสงครามในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1970 แต่ประกาศสงครามเพียงกับฝ่ายปรัสเซีย แต่ไม่นานรัฐเยอรมันทั้งหมดก็เข้าร่วมกับฝ่ายปรัสเซีย
หลังจากการประทะไม่นานก็ชัดเจนว่าฝ่ายปรัสเซียและเยอรมันมีกำลังที่เหนือกว่า ด้วยมีระบบรางรถไฟใช้ในการลำเลียงที่มีประสิทธิภาพ ด้วยอุตสาหกรรมเหล็กของ Krupp และการพัฒนาอาวุธ (Artillery) ที่ใช้ในสงคราม ในขณะนั้นปรัสเซียมีระบบทางรถไฟที่เป็นเครือข่ายหนาแน่นที่สุดในโลก ส่วนฝรั่งเศสจัดอยู่ในอันดับที่ 5 ฝ่ายปรัสเซียและเยอรมันได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็วทางฝรั่งเศสด้านตะวันออก และผลของการต่อสู้ที่ซีดาน (Battle of Sedan) ที่ซึ่งนโปเลียนที่ 3 ถูกจับได้พร้อมกับกองทัพบกทั้งหมดในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1870 แต่กระนั้นก็ยังไม่เป็นการสิ้นสุดสงคราม เพราะฝรั่งเศสประกาศตนเป็นสาธารณรัฐที่ 3 ขึ้นที่กรุงปารีสในวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870 โดยไม่มีกษัตริย์ปกครอง ฝรั่งเศสยังคงต่อสู้ต่อไปภายใต้รัฐบาลป้องกันประเทศ (Government of National Defence) และต่อมาภายใต้ Adolphe Thiers
ในการต่อสู้ต่อมาอีก 5 เดือน ฝ่ายกองทัพบกเยอรมันได้ตีกองทัพบกของฝรั่งเศสที่มีแต่ทหารเกณฑ์ใหม่ๆต้องพ่ายถอยร่นไปเรื่อยๆ ในการต่อสู้อีกหลายๆครั้ง ซึ่งฝรั่งเศสต้องพ่ายอย่างต่อเนื่องกัน ทำให้เสียพื้นที่ถูกยึดครองในตอนเหนือของฝรั่งเศส จนกระทั่งท้ายสุดกรุงปารีสต้องถูกยึดในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1871
ในการเข้ายึดครองนี้ได้มีการใช้อาวุธโจมตีอากาศยานที่บริษัท Krupp ได้สร้างขึ้นเพื่อยิงบอลลูนอากาศร้อน (Hot air balloons) ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะในการส่งสารโดยฝ่ายฝรั่งเศส หลังจากชัยชนะ 10 วัน ฝ่ายรัฐต่างๆของเยอรมันทั้งหมดได้ประกาศรวมกันเป็นหนึ่งภายใต้กษัตริย์แห่งปรัสเซีย เรียกว่า “อาณาจักรเยอรมัน” (German Empire) ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1871 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสงบศึกในสนธิสัญญาแฟรงเฟิร์ต ซึ่งในระหว่างนั้นเป็นเวลาที่มีการจราจลเกิดขึ้นในชุมชนปารีส (Paris Commune) และนับเป็นจุดจบอีกครั้งของการปกครองฝรั่งเศสภายใต้กษัตริย์
No comments:
Post a Comment