ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org
ศึกษาและเรียบเรียงจาก “July 27, 1949: First jet makes test flight” ใน History.com
ในวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1949 ได้มีการทดสอบบินเครื่องบินไอพ่นเพื่อการโดยสารพาณิชย์ครั้งแรก โดยบริษัท British De Havilland Comet นับเป็นการทดสอบการบินครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เครื่องบินใช้พลังขับเคลื่อนจากเครื่อง Jet engine ในระยะต่อมาเครื่องไอพ่นได้ปฏิวัติวงการบินพาณิชย์อย่างสิ้นเชิง เพราะด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเครื่องบินแบบใบพัดที่ใช้มาเดิม ทำให้เครื่องบินไต่ระดับการบินได้เร็วกว่า และบินได้เร็วกว่าเดิมอย่างมาก
เครื่องบินไอพ่น Comet พัฒนาโดยนักออกแบบชาวอังกฤษผู้บุกเบิกด้านอากาศยาน คือ Sir Geoffrey de Havilland (1882-1965) ผู้ซึ่งได้เริ่มงานออกแบบของเขาในกิจการด้านจักรยานยนต์และรถโดยสาร แต่หลังจากที่เขาได้เห็น Wilbur Wright ชาวอเมริกันสาธิตการบินเมื่อปีค.ศ. 1908 เขาก็หันมาพัฒนาเครื่องบินของเขาเอง
พี่น้องตระกูลไรท์ (Wright brothers) นักประดิษฐชาวอเมริกันได้เริ่มการบินครั้งแรกของโลกที่ Kitty Hawk ในรัฐ North Carolina เมื่อปีค.ศ. 1903 ส่วน De Havilland ได้ออกแบบเครื่องบินลำแรกของเขาสำเร็จเมื่อปีค.ศ. 1910 และได้หันไปทำงานร่วมกับผู้ผลิตเครื่องบินของอังกฤษ ก่อนที่จะมาเริ่มตั้งบริษัทของตนเองในปีค.ศ. 1920 และบริษัท De Havilland Aircraft ของเขาก็ได้กลายเป็นบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมการบิน ในฐานะที่พัฒนาเครื่องบินที่มีเครื่องยนต์เบากว่าและบินได้เร็วกว่า เป็นเครื่องบินที่มีลักษณะเพรียวลมมากกว่า
ในปี ค.ศ. 1939 ได้มีการพัฒนาและทดสอบเครื่องบินไอพ่น (Pet-powered plane) ในประเทศเยอรมัน ในระหว่างสงครามเยอรมันเป็นประเทศแรกที่ใช้เครื่องบินไอพ่นต่อสู้ De Havilland ก็ได้พัฒนาเครื่องบินรบไอพ่นด้วยเช่นเดียวกันในช่วงปีสงคราม เขาได้รับเกียรติแต่งตั้งเป็นอัศวินของอังกฤษ ในฐานะผู้มีคุณประโยชน์ต่อกิจการบินในปี ค.ศ 1944
ภาพ เครื่องบินไอพ่นเพื่อการพาณิชย์ Comet ขนาด 44 ที่นั่ง
ช่วงหลังสงคราม De Havilland ได้หันมาให้ความสนใจในการสร้างเครื่องบินเพื่อการพาณิชย์ โดยพัฒนาเครื่องบินที่ใช้ชื่อว่า Comet และ Ghost jet engine ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1949 จึงได้ทดสอบการบินเป็นครั้งแรก และในช่วงเวลา 3 ปีต่อมา ได้มีการทดสอบการบินและฝึกนักบินเพื่อการพาณิชย์ โดยในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1952 บริษัทสายการบินของอังกฤษชื่อ British Overseas Aircraft Corporation (BOAC) ได้เริ่มการบินพาณิชย์รับส่งผู้โดยสารด้วยเครื่องบินที่ใช้เครื่องไอพ่นรุ่น Comet 1A ขนาด 44 ที่นั่ง บินรับส่งผู้โดยสารระหว่างกรุงลอนดอนไปยังเมืองโจฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg) ในอัฟริกาใต้ เครื่อง Comet สามารถบินได้ 480 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งนับเป็นความเร็วสถิติในขณะนั้น
ภาพ อุตสาหกรรมการบินที่เปลี่ยนโฉมหน้าไป ด้วยการมีเครื่องบินไอพ่นอย่าง Comet ของ De Havilland
อย่างไรก็ตาม เครื่องบินไอพ่นเพื่อการพาณิชย์ที่ได้เริ่มขึ้นนั้นก็มีอายุสั้น เพราะมีอุบัติเหตุตกซ้อนๆกันในปีค.ศ. 1953 และ 1954 และทำให้เครื่องบินที่เหลือทั้งหมดถูกห้ามบิน หลังจากนั้น ฝ่ายสืบสวนจึงได้พบว่าปัญหาเกิดจาก “ความล้าของโลหะ” (Metal fatigue) เพราะการที่ใช้การเก็บแรงกดดันไว้ภายในเครื่องเพื่อทำให้ผู้โดยสารมีความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บนพื้นดินปกติ แต่การเก็บแรงกดดันและการลดแรงกดดันภายในห้องโดยสารสลับกันบ่อยๆครั้งทำให้วัสดุและโครงสร้างของเครื่องบินเกิดความล้า ในช่วงเวลา 4 ปีต่อมา De Havilland ได้แก้ปัญหาดังกล่าวได้ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้บริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน Boeing และ Douglas ของอเมริกันก็สามารถเสนอเครื่องบินที่เร็วกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า และได้กลายเป็นผู้นำและครองตลาดด้านอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินของโลกในระยะต่อมา ในช่วงทศวรรษที่ 1980s เครื่องบิน Comets เกือบทั้งหมดก็ได้ถูกปลดระวางจากสายการบินพาณิชย์
No comments:
Post a Comment