เป็นขอทานเลือกไม่ได้
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org
Keywords: proverbs, idioms, สุภาษิต, สำนวน
มีสุภาษิตในภาษาอังกฤษหนึ่งกล่าวว่า 'Beggars can't be choosers' หรือ “ขอทานไม่มีสิทธิเลือก” เป็นสำนวน (Idiom) ที่ใช้กันในภาษาอังกฤษโดยทั่วไป
คำว่า “ขอทาน” หรือ beggar ในภาษาอังกฤษมีความหมายเหมือนกันกับในภาษาไทย คือ เป็นคนที่น่าสงสาร ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ต้องอดมื้อกินมื้อ แล้วการจะขอเงินเขา คนเขาจะให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ ดังนั้นหากเขาให้อะไรมา ขอทานก็ต้องรับไว้ ไม่มีสิทธิเลือก ไม่มีสิทธิบ่น หรือแสดงความไม่พอใจ นี่ก็เป็นสำนวนเตือนใจคนว่า หากไม่จำเป็นอะไร ก็จงอย่าไปขอคนอื่นๆเขา แล้วคาดหวังว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้
ในอีกด้านหนึ่ง คำแปลที่อยากจะให้เป็นวัฒนธรรมใหม่ก็คือ “ถ้าหากไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นขอทาน ก็ต้องขวนขวานลงมือทำ” อย่าไปรอฟ้าดิน รอความเมตตาจากคนอื่น ทำตนให้เป็นคนมีทางเลือกในชีวิตอยู่เสมอ เพราะเมื่อใดที่เราไปขอความเมตตาจากคนอื่นๆ เราจะไม่ได้อย่างที่เราอยากได้ และถ้าหากเราอยากได้อย่างที่เราต้องการ ก็ต้องใช้การเจรจา รู้เขารู้เรา มีข้อเสนอให้ฝ่ายที่เราไปขอได้ประโยชน์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และทำให้ฝ่ายที่เราไปขอนั้นเขามั่นใจว่า เราจะทำอย่างที่ได้พูด และเขาก็จะได้ประโยชน์ร่วมไปกับเรา อาจจะเป็นในรูปตัวเงิน ผลประโยชน์ ความพึงพอใจ หรือสิ่งที่นับไม่ได้ในทางการเงิน
การไปขอกู้เงินจากธนาคาร ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่ไปขอเงินเขาเปล่าๆ แต่เราต้องรับภาระดอกเบี้ย และต้องจ่ายเงินกู้คือเขา ต้องมีหล้กทรัพย์คำประกัน ซึ่งถือเป็นการสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ธนาคารใดที่หากให้ผลประโยชน์ เงื่อนไข หรือบริการที่ไม่ดีพอ เราก็ไปเลือกแหล่งเงินทุนอื่นๆที่ดีกว่า นี่ก็เป็นวิธีการทำให้มีทางเลือกอย่างไม่งอมืองอเท้า
ในต่างประเทศ ดังการเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐบาลและเอกชนของประเทศพัฒนาแล้วในตะวันตก เป็นงานที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่หน้าที่หนึ่งคือการหาเงินมาสนับสนุนการศึกษา การวิจัย และการบริการทางวิชาการแก่ชุมชน เขามีคำเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า “Hat in hand” คือมีบทบาทไปหงายหมวกในมือ เพื่อขอเงินบริจาคนั้นมาสนับสนุนสิ่งที่เราทำ แต่ในการทำบทบาทหน้าที่นี้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีเกียรติ สังคมตะวันตกเขามีระบบภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive tax) คนมีรายได้มาก มีเงินเก็บมาก ก็ต้องเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล เสียภาษีมรดก ก็ต้องเสียภาษีมากขึ้นเป็นอัตราส่วน การได้บริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับสาธารณประโยชน์ ย่อมเป็นทางเลือกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะใครๆก็รู้ว่า เมื่อคนเราจะตายไปนั้น ไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้ การจะเก็บเงินสะสม มีทรัพย์สินมากมาย แต่ในที่สุดลูกหลานจะสืบทอดความมั่งคั่ง และกิจการของครอบครัวไปได้ ก็ไม่เกิน 2-3 ชั่วอายุคน
แต่การไปขอเงินบริจาคในแบบนี้ เขาเรียกว่า “มีบุญมาบอก” มีสิ่งดีๆมาเสนอให้ทำ เป็นงานที่มีเกียรติ คนบริจาคเงินสร้างมหาวิทยาลัย แล้วได้ชื่อเป็นชื่อมหาวิทยาลัย ได้บริจาคเพื่อสร้างอาคารเรียน ก็ได้ชื่อจารึกเป็นอาคารเรียนนั้นๆ สิ่งก่อสร้างก็จะอยู่ต่อไปอีกเป็นร้อยๆปี บางทีมีสมบัติมากมายให้ลูกหลาน เขาก็ใช้กันหมดภายในชั่วอายุคนเดียวก็มี
ดังนั้น เมื่อใช้คำว่า “เป็นขอทานไม่มีสิทธิเลือก” นั้น ก็ให้พึงเข้าใจว่า อย่าทำตนเป็นคนไม่มีทางเลือกทางออกสำหรับปัญหาและวิกฤติของตนเอง เพราะหากเราขวนขวาย เรายังมีทางเลือกและทางออกอยู่เสมอ
No comments:
Post a Comment