Monday, July 18, 2011

การระงับความโกรธ และการอยู่ร่วมกัน

การระงับความโกรธ และการอยู่ร่วมกัน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
Pracob@sb4af.org

Although you may spend your life killing, You will not exhaust all your foes. But if you quell your own anger, your real enemy will be slain. ~ Nagarjuna

แม้ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อฆ่าฟันทำลายล้างคนที่ท่านคิดว่าเป็นศัตรู แต่ท่านก็จะเหนื่อยอ่อนกับการสู้กับศัตรูของท่าน แล้วก็สร้างศัตรูใหม่ให้เกิดขึ้น แต่หากท่านสงบ ระงับความโกรธในตัวท่านเองให้ได้ แล้วท่านก็จะพบว่าศัตรูแท้จริงของท่านได้ตายไปแล้ว

Nāgārjuna ครูและนักปราชญ์ในพุทธศาสนาในยุคแรกๆ (ca. 150–250 CE)

ความโกรธ เกลียด อาฆาตมาดร้ายต่อคนอื่นนั้น แท้จริงเป็นเรื่องของความรู้สึกภายในตนเอง ซึ่งอาจมีแตกต่างกันไป คนบางคนที่ถือเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้ง และเป็นความรู้สึกฝ่ายร้าย เห็นอะไรที่ไม่ถูกอารมณ์ ก็จะไม่ชอบ มีอะไรที่คนอื่นๆทำให้ขัดใจ ขัดผลประโยชน์ ก็พาลจะโกรธและเกลียดเขา แต่เพราะเราเอาความรู้สึกชอบไม่ชอบ รักไม่รัก เหล่านี้เป็นที่ตั้ง ไม่มีการคิดอย่างปล่อยวาง ท้ายสุดสิ่งเหล่านี้ อันได้แก่ความโกรธ เกลียด อิจฉาริษยา อาฆาตมาดร้าย ก็จะเป็นเจ้าเป็นนายที่สิงอยู่ในตัวเรา จนกว่าเราจะเข้าใจในธรรมชาติของสรรพสิ่งเหล่านี้ และรู้จักปล่อยวาง มองโลกในแง่ที่ดี มองคนในแง่ดี เราก็จะเริ่มมีความสุข เพียงการที่เราไม่ไปมีความรู้สึกร้ายต่อคนอื่นๆก็จะช่วยเราได้มากแล้ว

หากเราเป็นคนเข้าใจโลก หัดมองคนอื่นเขาอย่างที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะทำให้เราเข้าใจว่ามีอะไรที่ทำให้ขัดกัน ทั้งทางด้านค่านิยมและผลประโยชน์ และหากเราหลีกเลี่ยงได้ ไม่กระทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ยอมรับเขาในความแตกต่างอย่างที่เขาเป็น ไม่ว่าจะนับถือศาสนาต่างกัน มีพื้นฐานความคิด ค่านิยม พฤติกรรมความเคยชินที่ต่างกัน เราก็จะอยู่ร่วมกับคนที่แตกต่างจากเราได้มากขึ้น

ในทางธุรกิจ โบราณสอนว่า “มีมิตรร้อยคนนับว่าน้อยไป หากมีศัตรูหนึ่งคนก็นับว่าเกินพอ” เมื่อเราทำธุรกิจ หากเรามุ่งที่จะเอาชนะแล้วเราได้แต่เพียงฝ่ายเดียว ก็จะเป็นการสร้างศัตรู ยิ่งหากเขาก็คิดแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง สองฝ่ายก็จะต้องขัดแย้งกัน และรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ หากเรามองผลประโยชน์แต่เพียงเรา โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม นั่นก็จะสร้างศัตรูในระยะยาว ดังนั้น แม้ในธุรกิจสมัยใหม่ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตามหลักแห่งการอยู่ร่วมกัน ดังเช่นทำประมง มีการจับปลา หากเราร่วมกันจับปลาและสัตว์น้ำทั้งหลาย แต่เพียงส่วนที่โตพอเหมาะและได้ราคาในตลาด ไม่ใช้อวนตาถี่ที่จับปลาขนาดเล็กที่ตลาดไม่ต้องการ นำขึ้นไปขายก็ไม่ได้ราคา สู้ร่วมกันปล่อยให้ปลาโตเพียงพอแล้วจึงค่อยจับไปขาย และเมื่อต้อทำประมงกันหลายๆคน หลายๆบริษัท ก็ต้องมาตกลงแบ่งสันพื้นที่หรือจำนวนสัตว์น้ำที่ต้องการจับ มิฉะนั้นก็จะต้องมาขัดแย้งกัน และแทบฆ่ากันตายก็เคยเกิดขึ้นแล้วทั้งในไทยและต่างประเทศ

บางครั้งคนที่โกรธกัน ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายหนึ่งเป็นคนไม่ดี และอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดี ฝ่ายหนึ่งเป็นพระเอก อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ร้าย หรือฝ่ายหนึ่งเป็นเทพ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นมาร แล้วเราก็มักจะมองฝ่ายเราเป็นฝ่ายที่ดี แต่คนอื่นเป็นฝ่ายไม่ดีเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ความจริง มันอาจไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป คนที่ดีทั้งสองฝ่ายอาจมาปะทะ และทะเลาะหรือเป็นศัตรูกันได้ และในความเป็นจริง คนทั้งหลายไม่มีใครดีสมบูรณ์ไปทั้งหมด และไม่มีใครที่เลวไปเสียทุกอย่าง แต่ทำอย่างไรเราจะยังคงอยู่ร่วมกันได้ในชุมชน หรือสังใหญ่นี้

ในโลกมนุษย์ใบไม่โตนี้ มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกัน ต้องมีสัมพันธภาพต่อกัน เราจึงต้องทำใจกว้างที่จะยอมรับและอยู่ร่วมกันได้ มีความอดทนทางวัฒนธรรม เข้าใจคนที่ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติกัน ยอมรับความเป็นเขาอย่างที่เขาเป็น มีความเห็นแตกต่างกันอาจเป็นความน่าสนใจและเป็นความสวยงามของโลกแบบหนึ่ง หากเราคิดมองโลกในแง่ดี มองคนอย่างเป็นบวก เราก็จะลดศัตรูลงไปได้มาก และในด้านกลับกัน เรามองเขาในทางบวก เราคบกันได้ เราก็จะได้เพื่อนเพิ่มขึ้น แทนที่จะกลายเป็นศัตรูแก่กัน เราก็จะอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข

และหากมีคนที่เลวจริงๆที่ต้องอยู่ในโลกร่วมกับเรา ต้องใกล้ชิดกับเรา คนชนิดเป็นภัยต่อสังคม เป็นอาชญากรอันตราย อย่างที่เขาเรียกว่า Anti Social ในสังคมโลกนี้ก็มีกลไกในการจัดการกับเขาเหล่านั้น ซึ่งก็จะต้องเป็นไปตามกลไกของสังคมดังเช่นกฏหมายโดยทั่วไปที่มีอยู่แล้ว

No comments:

Post a Comment