ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org
ศึกษาและเรียบเรียงจาก “กฎการใช้อำนาจ 48 ข้อ” The 48 Laws of Power”, 1998 โดย Robert Greene and Joost Elffers.
Keywords: power48, Administration, การบริหาร, management, การจัดการ, power, อำนาจ
ความนำ
LAW 33: Discover Each Man's THUMBSCREW
กฎข้อที่ 33 การค้นหาเครื่องตอกเล็บสำหรับแต่ละคน
Thumbscrew = เครื่องตอกเล็บสำหรับทรมาน
Invincible = อยู่ยงคงกระพัน, เหนียว, ตีไม่แตก, ทำลายไม่ได้
ตามเทพนิยายกรีกโบราณ (Greek mythology) อาคิลลิส (Achilles) เป็นวีรบุรุษกรีกในสงครามเมืองทรอย (Trojan War) เขาเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมหากาพย์ของโฮเมอร์ (Homer's Iliad.)
ภาพ รูปปั้นอาคิลลิส (Achilles) นักรบในเทพนิยายกรีก ผู้มีจุดอ่อนที่ข้อเท้า
อาคิลลิสเมื่อเกิดถูกชุบมาด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทำให้อยู่ยงคงกะพันทั้งตัว ยกเว้นส่วนที่ถูกจับตอนชุบคือบริเวณข้อเท้า และในที่สุดเมื่อข้าศึกไม่สามารถทำลายเขาได้ แต่ไปได้ความลับถึงจุดอ่อนของเขา จึงยิงธนูเข้าที่ข้อเท้าอันเป็นจุดอ่อน ซึ่งเรียกว่า "Achilles' heel" ซึ่งคำศัพท์นี้จีงหมายถึงจุดอ่อนหลักของแต่ละคน ซึ่งอาจมิใช่หมายถึงที่ข้อเท้าเสมอไป
ไม่มีใครอยู่ยงคงกระพัน ทุกคนมีจุดอ่อน เพียงแต่ว่ามันถูกซ่อนไว้ หรือเปิดให้มองเห็น ที่สำคัญเพียงแต่ว่าศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามของท่านมองเห็นจุดอ่อนของท่านก่อนหรือ ท่านสามารถหาจุดอ่อนของเขาพบได้ก่อน
การหาจุดอ่อนของคนให้พบนั้นเป็นเรื่องที่พูดง่ายกว่าที่จะกระทำ เพราะทุกคนซ่อนกลไกปกป้องจุดอ่อนเหล่านี้ในช่วงตลอดเวลาที่เราได้เติบโตขึ้น และมันต้องใช้กลยุทธบางประการที่จะเจาะเกราะป้องกันเหล่านี้ได้
ด้วยการตรวจสอบจิตใต้สำนึกของศัตรูเพื่อหาจุดอ่อนของเขา ท่านก็ต้องให้ความใส่ใจในการกระทำของเขา และมองหาว่ามีอะไรที่จะใช้เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนเองได้ หากศัตรูเป็นคนที่มีความเข้มแข็งในอารมณ์เหมือนดังหิน ไม่ยอมเปิดเผยอะไร เราก็อาจจะเป็นฝ่ายเปิดเผยตัวเองก่อน และคงจำได้ว่าในยามเป็นเด็ก เรามีจุดอ่อนอะไร ดังนั้นเวลาคุยกับศัตรูก็ต้องให้เขาได้พูดคุบเกี่ยวกับจุดอ่อนของเขาแก่ท่านให้มากที่สุด
เมื่อต้องการค้นหาจุดอ่อนของกลุ่ม ต้องมองหาคนที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของกลุ่มอย่างที่เรียกว่า Weak link โดยมองหาจุดที่เขามีความไม่มั่นคง มีความกลัวที่แฝงอยู่ และทำให้เราสามารถแสวงหาความได้เปรียบได้ คนบางคนมีจุดอ่อนที่คนใกล้ตัว ดังที่โบราณบอกไว้ว่าให้ระวังคนเหล่านี้ คือ ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า เมียรัก และบางที่รวมถึงลูกๆ
คนโบราณที่กล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ โดยมีเหตุผลว่า ช้างสาร เป็นสัตว์ใหญ่และเป็นสัตว์ป่า เรานำมาใช้งานเป็นสัตว์บ้านก็จริง แต่เราคาดเดาพฤติกรรมของมันไม่ได้ ยามมันตกมัน อารมณ์ก็อาจแปรปรวน งูเห่าเป็นสัตว์เป็นพิษ ตามความเชื่อถือแต่โบราณ เขาไม่เอามาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเพราะอาจถูกกัดและมีพิษที่ทำให้ถึงตาย
ส่วนข้าเก่า คือคนที่ทำงานอยู่กับเราหรือครอบครัวเรามาเป็นเวลานาน บางทีเราไว้วางใจเขามาก และเขาก็อาจรู้เรื่องภายในของเรามากเกินไป ส่วนเมียรักนั้น ในปัจจุบันหมายรวมถึงภรรยา ภรรยาน้อย (Mistress) หรือบางทีเรียกว่า “กิ๊ก” หรือแม้แต่โสเภณี ดังในสังคมอเมริกัน นักการเมืองหลายคนที่มีอนาคตมาเสียเรื่องอย่างง่ายๆก็เพราะเรื่องผู้หญิงนี้ อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของลูก คือลูกของคนมีอำนาจ บางครั้งก็ไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อวงศ์ตระกูลต่อบิดามารดาได้
ในการปฏิวัติของรัสเซีย จึงพบหัวหน้านักปฏิวัติจะไม่ใช้ชื่อจริง แต่ใช้นามแฝง ดังเช่น เลนิน (Lenin) เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ตัวตน พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (Communist Party of Thailand – CPT) ก็ไม่เผยชื่อจริงของสมาชิก โดยใช้นามแฝง เพื่อหลีกเลี่ยงฝ่ายรัฐบาลคุกคามครอบครัว
จุดอ่อนของ Arabella Huntington
มีเรื่องเล่าหนึ่งเกี่ยวกับนักค้าศิลปะคนหนึ่งชื่อ Joseph Duveen ซึ่งเป็นตัวอย่างของกฏการใช้อำนาจข้อนี้ได้อย่างดี
มีสตรีคนหนึ่งชื่อ Arabella Huntington ซึ่งเป็นคนที่หลอกแต่งงานกับผู้ชายสูงอายุที่มั่งคั่ง เธอมีความหวาดระแวงว่าสังคมจะมองเธอว่าเป็นนักฉวยโอกาส Joseph จึงหาทางเข้าใกล้เธอเพื่อให้รู้ว่าเธอคือใคร Arabella ชอบวิธีการที่ Joseph ดูแลเธออย่างเข้าใจ ดังนั้นเมื่อสามีมหาเศรษฐีของเธอถึงแก่กรรม ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็ตกเป็นของเธอ ซึ่งเธอก็ใช้เงินนี้ซื้องานศิลปะเก่าของ Joseph แนวทางการเข้าใกล้ชิดของเขาได้ผลมาก แต่แทนที่เขาจะเพียงขายงานศิลปะแก่เธอทำเงินในทันที เขาก็มองเห็นทางที่จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเธอมากกว่านั้น
ภาพ Arabella Huntington สตรีที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในยุคของเธอ
Arabella Huntington มีชื่อเต็มว่า Arabella Yarrington "Belle" Huntington เกิดและมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1850 ถึงปี 1924 เป็นภรรยาคนที่สองของมหาเศรษฐี นักอุตสาหกรรม เจ้าของกิจการรถไฟ Collis P. Huntington และต่อมาเธอก็เป็นภรรยาคนที่สองของ Henry E. Huntington เธอได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา และเป็นกำลังสำคัญในการสะสมงานศิลปะ ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ Huntington Library
คราวนี้ต้องกลับมามองว่าทั้งหมดที่ทำนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ใช่มีความสุขไปกับการเล่นเกมหรือหลงไปกับศัตรู อันตรายจึงอยู่ที่ว่าเราเอง ก็อาจจะตกอยู่ในสภาวะกดปุ่มผิด คือหลงประเด็นว่ากำลังใช้หรือทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่ออะไร
โรคต้มยำกุ้งปี 2540
ประเทศทั้งประเทศก็สามารถล่มสลายได้ หากมีรูรั่วและจุดอ่อนที่คนอื่นเขาโจมตีได้
ในระดับประเทศ จุดอ่อนอาจหมายถึงระบบใดระบบหนึ่ง ในยุคปี ค.ศ. 1997 ไทยประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจจากค่าเงินบาทแบบตายตัวติดกับเงินเหรียญสหรัฐ
ปัจจัยเสริมก่อนเกิดโรคต้มยำกุ้งปี 2540 ปี 2535 ประเทศไทยเปิดเสรีทางการเงินผ่าน BIBF (Bangkok International Bank Facility) โดยหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค ธุรกรรม BIBF เปรียบเสมือน "พ่อค้าคนกลาง" นำเงินจากประเทศร่ำรวยไปปล่อยกู้ให้ประเทศยากจน แล้วกินค่าหัวคิวแบบที่สิงคโปร์หรือฮ่องกงทำอยู่ รัฐบาลส่งเสริม สนับสนุน ให้สิทธิพิเศษต่างๆ จนธนาคารแห่กับเปิดแผนกธุรกรรม BIBF กันมาก แต่เหตุการณ์ผิดจากที่คาดการณ์ไว้แทนที่ BIBF จะนำเงินกู้จากต่างประเทศไปปล่อยต่อให้ประเทศอื่น BIBF กลับนำเงินกู้จากต่างประเทศมาปล่อยกู้ภายในประเทศ อีกทั้งดอกเบี้ยต่างประเทศก็ถูกกว่า ประกอบกับค่าเงินบาทที่ผูกติดกับเงินดอลลาร์ (25 บาท / ดอลลาร์) ผสมโรงกับคำแนะนำของธนาคาร ผู้กู้ก็เลยไม่คิดถึงความเสี่ยงในกรณีค่าเงินอ่อนตัวขึ้นมา แห่กันไปกู้เงินระยะสั้นจากต่างประเทศยกใหญ่
"Hot Money" ไหลบ่าเข้าท่วมประเทศเพราะคนไทยมือเติบ กู้ยืมเงินจากต่างประเทศอย่างไม่ยั้งมือ แถมยังกู้เงินมาใช้ในกิจการที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ เช่น กู้เงินมาเก็งกำไร ใช้ปั่นราคาหุ้น ใช้ปั่นราคาที่ดิน เมื่อคนเราบางคนรวยขึ้น บางคนจมไม่ลง ใช้ได้แต่สินค้าแบรนด์เนมหรูๆ รถป้ายแดงวิ่งเกลื่อนทั่วเมือง ตัวเลขการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น บัญชีเดินสะพัดขาดดุลถึง 8% ของ GDP
ต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนขนาดใหญ่ (Hedge fund) ที่มองเห็นโอกาสที่จะโจมตีค่าเงินบาท ก็ไม่เสียโอกาส และใช้ช่วงเวลาดังกล่าวโจมตีค่าเงินบาท จนในระดับที่รัฐบาลไทยไม่สามารถรักษาระดับค่าเงินบาทไว้ได้ และต้องปล่อยให้ค่าเงินบาทลอยตัวอย่างไม่มีแผนเตรียมการณ์มาดีเพียงพอ
Hedge = กั้น, ล้อมรั้ว, กั้นรั้ว, วางทางหนีทีไล่
Hedge fund คือกองทุนของเอกชนที่ลงทุนในตลาดสากลและท้องถิ่น โดยมียุทธศาสตร์การลงทุนที่ซับซ้อน โดยซื้อในช่วงตลาดขาลง แล้วมีกำไรในช่วงตลาดขาขึ้น โดยสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหรือการซื้อบอนด์ (Bond investments) ปกติ
ปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) ปริมาณการส่งออกติดลบเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี เป็นสัญญาณเตือนภัยแรกๆ ต่างประเทศเริ่มไม่แน่ใจว่า เราจะหารายได้จากการส่งออกเพื่อคืนเงินกู้ได้หรือไม่ จึงพากันหยุดปล่อยกู้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มชักดาบเงินกู้ เพราะขยายธุรกิจไปใหญ่โตเกินพื้นฐาน จนโครงการขายไม่ออก ธนาคารกับไฟ แนนซ์พลอยมีหนี้เสียไปด้วย พอที่ไหนออกข่าวว่ามีปัญหา ผู้คนก็จะแห่กันไปถอนเงินฝา เศรษฐกิจไทยต้องล่มสลาย กิจการไทยเป็นอันมากต้องถูกขายไปให้กับต่างชาติ คนที่คิดว่าจะเป็นมหาเศรษฐีกลายเป็นคนยากจนภายในเวลาอันสั้น
สรุป
ในทางการเมืองการค้าระหว่างประเทศ จะพบว่าแม้ประเทศไทยเอง เศรษฐกิจขณะนั้นมีรูรั่ว เป็นเศรษฐกิจฟองสะบู่ (ค.ศ. 1996-1998) เมื่อค่าเงินบาทที่แข็งเกินค่าความเป็นจริง ก็มีพวกกองทุนขนาดใหญ่ที่อ่านจุดอ่อนนี้ออก และเข้ามาทุ่มตลาด โจมตีค่าเงินบาท ท้ายสุดก็ทำให้ค่าเงินบาทยืนอยู่ไม่ได้ และทำให้เศรษฐกิจทั้งประเทศต้องพินาศลง นั่นคือฝ่ายตรงข้ามเขาอ่านออกว่าจุดอ่อนของไทยคือการเงินการคลังในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น มีค่าเงินบาทที่ไม่เป็นจริง หากจะโจมตีและแสวงประโยชน์ ก็คือทุ่มโจมตีค่าเงินนี้ จนในที่สุดระบบค่าเงินบาทต้องล่มสลาย และทำให้เขาเหล่านั้นสามารถแสวงประโยชน์จากไทยได้
บทเรียนจากเศรษฐกิจฟองสบู่ ทำให้เราต้องเรียนรู้และดำเนินการอย่างระมัดระวังตัวมากขึ้น
ประเทศไทยเองก็ต้องหาทางปกป้องจุดอ่อนหรือหาทางแก้ไข เพื่อไม่ให้หายนะทางเศรษฐกิจอย่างที่ผ่านมาเกิดขึ้นอีก ซึ่งในทางการเงินการคลัง เขาจึงต้องมีวิธีการคิดสองอย่างควบคู่กัน คือคิดอย่างก้าวหน้า มองอนาคต มองโอกาสการลงทุน แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือด้านการเงินการคลัง ต้องมีคนคอยทำหน้าที่คิดอย่างอนุรักษ์ ต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ มองโอกาสได้แล้วต้องมองโอกาสเสียหายด้วย
ในบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT related companies) มีกิจการที่เรียกว่าการตรวจสอบระบบความปลอดภัยในเครือข่าย โดยจะมีการว่าจ้างบริษัทให้ตรวจสอบวิธีการต่างๆว่าดำเนินการไปได้ตามปกติ มีรูรั่วที่ใดบ้าง ทั้งนี้เพื่อหาทางป้องกัน ลูกค้าบริษัทฯเหล่านี้มีทั้งที่เป็นธนาคาร บัตรเครดิต ระบบจัดเก็บภาษีอากร ท่าอากาศยาน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนต้องการอุดรูรั่วและจุดอ่อนที่มี
ในการโจมตีเพื่อเอาชนะ
คนทุกคนมีจุดอ่อน หากเราเป็นฝ่ายโจมตี หาจุดอ่อนเหล่านั้นให้พบ และใช้ประโยชน์จากช่องว่างนั้น ในสงครามสมัยโบราณ กำแพงที่มีไว้ป้องกันเมืองนั้น ต้องมีบางจุดที่เป็นจุดอ่อนและเปราะบางกว่าบริเวณอื่น ในการรบก็ให้โจมตีตรงจุดนั้น
ในทางการเมือง ก็ต้องเลือกดูว่าคู่แข่งขันนั้นมีจุดอ่อนที่ตรงไหน ก็ให้เริ่มจากคนที่เป็นจุดอ่อนที่สุด และเริ่มจากจุดอ่อนของเขา เช่น เรื่องอารมณ์ เป็นคนโกรธง่าย และพูดจาแบบโพล่ง ไม่ระวังตัว หรือว่า มีปัญหาด้านการเงิน มีประวัติทุกจริตคอรัปชั่น มีปัญหาเรื่องผู้หญิง เรื่องเพศ ครอบครัว จึงจะเห็นได้ว่ามีการหยิบยกมาโจมตีกันมากเมื่อมีการหาเสียงเลือกตั้ง
No comments:
Post a Comment