ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org
Keywords: Eskimo, เอสกิโม, proverb, สุภาษิต
Monday, September 19, 2011
ความนำ
น้ำเป็นเรื่องของความพอดี หากมีมากไปก็เป็นน้ำท่วม หากแล้งน้ำก็ไม่เป็นผลดี ทำอย่างไรจึงจะเฉลี่ยมันได้ เรื่องที่รัฐบาลพึงดูแลคือการช่วยเหลือคนน้ำท่วม ด้วยกำลังเงินของประชาชนที่ไม่ถูกน้ำท่วม โดยใช้ภาษีอากรจากคนทั่วไปเพื่อไปบรรเทาทุกข์คนที่ประสบปัญหาอย่างเร่งด่วน ส่วนระยะยาว รัฐบาลคงต้องไปคิดหามาตรการการจัดการน้ำ (Water Management) อย่างเป็นระบบ
ภาพ น้ำท่วมปี พ.ศ. 2554
ขอแสดงความเสียใจและกังวลต่อชาวไทยในส่วนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม
ชาวเอสกิโม (Eskimo)
ช่วงนี้ผมรู้สึกอยากไปเที่ยวไกลๆ อยู่กับอากาศร้อนนานๆ อยากไปบริเวณใกล้ขั้วโลกเหนือเลย จึงนึกถึงชนพื้นเมืองที่เรียกรวมๆว่าเอสกิโม ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Eskimos หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Esquimaux หรือเรียกตามชนเผ่าว่า Inuit–Yupik (for Alaska: Inupiat–Yupik)
เอสกิโมเป็นชนเผ่าพื้นเมือง (indigenous peoples) ซึ่งเป็นพวกอาศัยอยู่บริเวณรอบๆขั้วโลกเหนือ มีทั้งในแถบไซบีเรียตะวันออก (Siberia) ในประเทศรัสเซีย (Russia), ข้ามมาอีกด้านเป็นรัฐอลาสกา (Alaska) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา (United States), ประเทศแคนาดา (Canada) และกรีนแลนด์ (Greenland)
เอสกิโมประกอบด้วยสองกลุ่มใหญ่ คือ Yupik และ Inuit และมีอีกกลุ่มเล็ก คือ Aleut คำว่าเอสกิโมเป็นคำเรียกสำหรับชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในเขตหนาวเหนือสุดของโลก
วัฒนธรรมของพวกเอสกิโมมีสืบทอดกันมา 4,000 ปี และมีลักษณะแตกต่างจากพวกอื่นๆ คำว่าเอสกิโมจึงเป็นคำเรียกกลางๆที่หมายถึงทุกเผ่าพื้นเมืองที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
ในบางที่ดังในแคนาดาและกรีนแลนด์ คำว่าเอสกิโมดูเหมือนเป็นคำเรียกที่แสดงความดูหมิ่นดูแคลน เหมือนคนไทยเรียกคนจีนว่า “เจ๊ก” เขาจึงอยากให้เรียกด้วยคำว่า Inuit
เขตที่เอสกิโมใช้ชีวิตจะมีลักษณะหนาวจัด โดยในฤดูหนาวจะหนาวสุดถึง -30 ถึง -50C และเมื่อบวกกับสภาพลมแรง ก็จะยิ่งทำให้หนาวจัดมาก แต่ช่วงฤดูร้อนในบางเขตก็มีอากาศร้อนได้ถึง 37C ร้อนเท่ากับร้อนสุดของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามคำกล่าวอ้างถึงความรุนแรงของอากาศหนาวในเขตที่พักอาศัยของพวกเอสกิโมก็ได้เปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะเป็นในไซบีเรีย อลาสก้า หรือกรีนแลนด์ เพราะมีการสำรวจทรัพยากรรวมถึงแหล่งพลังงาน ส่วนสภาพที่พักอาศัยในเขตหนาวเช่นนี้ ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีวัสดุเพื่อป้องกันความหนาวรุนแรง ตลอดจนที่พักที่ใช้วัสดุยุคใหม่ ที่ทำให้ป้องกันความหนาวได้เป็นอย่างดี แม้จะต้องใช้พลังงานสร้างความอบอุ่นมากกว่าทั่วๆไป
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อที่เข้าใจอย่างผิดๆเกี่ยวกับเอสกิโม เช่น
ในภาษาของเอสกิโม มีคำเรียก “หิมะ” นับเป็นพันคำ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องเกินเลย เอสกิโมอาจมีการเรียกหิมะหลายคำ แต่ไม่ใช่เป็นพันๆคำ
ภาพ กระท่อมน้ำแข็งของชาวเอสกิโม (Igloo) ซึ่งไม่ใช่ที่อยู่จริงๆของชาวเอสกิโมทั่วไปในปัจจุบัน
ภาพ เต้นท์ที่พักชั่วคราว เคลื่อนย้ายได้ ทำจากผืนขนสัตว์
ภาพ หมู่บ้านชาวเอสกิโมในปัจจุบัน
ภาพ หมู่บ้านชาวเอสกิโมในปัจจุบัน
เรื่องชาวเอสกิโมอาศัยอยู่ในกระท่อมที่สร้างด้วยน้ำแข็งที่เรียกว่า “อิกลู” (Igloos) ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียงบางชนเผ่าที่สร้างกระท่อมน้ำแข็งเพื่ออยู่อาศัย และเป็นอันมากมันเป็นเพียงที่พักชั่วคราว แต่ในปัจจุบันเมื่อมีวิทยาการป้องกันอากาศรุนแรงด้วยวัสดุต่างๆที่เบา คงทน และมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน จึงไม่มีใครสร้างกระท่อมน้ำแข็งกันอีกต่อไป
สุภาษิตเอสกิโม
ผมนำสุภาษิตชาวเอสกิโมมานำเสนอ เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ
เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งมีคำหลายคำที่ควรช่วยกันศึกษา ทำความเข้าใจ
เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของเอสกิโม พร้อมกับเรียนรู้ภูมิศาสตร์เขตใกล้ขั้วโลกเหนือ ทั้งไซบีเรีย อลาสก้า และกรีนแลนด์ จึงขอนำสุภาษิตชาวเอสกิโมบางส่วนมานำเสนอพร้อมคำอธิบาย
ที่นำเสนอมาทั้งหมดนี้ เลือกบางส่วนที่เห็นว่าน่าจะนำมาพูดคุยอภิปรายกัน สิ่งที่ผมนำเสนอนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด ผมเองก็ไม่รู้จักวัฒนธรรมของเอสกิโมอย่างสมบูรณ์ เป็นเพียงอยากรู้ ศึกษา แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกัน หากใครมีข้อมูลความรู้ใดๆที่จะแลกเปลี่ยน หรือชี้แนะก็นำเสนอได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ และจะขอบคุณอย่างสูง
สุภาษิตที่ 1
Don't let the windows of your home be so small that the light of the sun cannot enter your rooms. ~ Eskimo proverb
อย่าให้หน้าต่างบ้านท่านเล็กจนเกินไป แสงสว่างจะเข้าไม่ถึงห้อง ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
คนเราไม่ว่าจะป้องกันร้อนหรือหนาวอย่างไร บ้านของเราก็ต้องเปิดไว้รับรู้ร้อนหนาว ติดตามบ้านเมืองข่าวสารจากภายนอก เปิดใจเพื่อเรียนรู้แลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ หากจะพูดสั้นๆ คือ คำสอนให้ทุกคนเปิดตัว เปิดใจ อย่าอยู่อย่างคับแคบ มนุษย์เราไม่เหมือนกับหมี ที่เมื่อยามหนาวก็อาศัยปรับสภาวะร่างกาย หลับยาว เพื่อให้ผ่านฤดูหนาว
คนเป็นสัตว์สังคม ต้องเปิดตัวเองเพื่อการรับรู้ และอยู่ร่วมกัน
สุภาษิตที่ 2
Even the strongest the eagle cannot soar hirer than the stars. ~ Eskimo proverb
แม้นกอินทรีย์ที่แข็งแรงที่สุดก็ทะยานสูงกว่าดวงดาวไม่ได้ ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
เปรียบในสุภาษิตจีนว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า” หมายความว่าคนเรานั้นต้องเข้าใจในข้อจำกัด ไม่ว่าเราจะเติบใหญ่เพียงใด ยังมีคนที่ใหญ่กว่าเรา มีอำนาจเหนือเรา และอย่างไรเสีย คนเราก็ยังต้องอยู่ภายใต้ธรรมชาติ ซึ่งเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง
สุภาษิตที่ 3
Glorious it is when wandering time is come. ~ Eskimo proverb
ความรุ่งโรจน์จะมา เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกพเนจร ~ สุภาษิตเอสกิโม
Wander = ซัดเซ, การสัญจร, พเนจร
คำอธิบาย
ชาวเอสกิโมอาศัยอยู่ในบริเวณที่กว้างใหญ่ แต่ในความกว้างใหญ่นี้มีความสมบูรณ์ของอาหารอย่างจำกัด และเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่และกาลเวลา หากที่ใดอยู่นานๆแล้วอาหารการกินฝืดเคือง เขาก็ให้เตรียมรับรู้ว่าจะต้องมีการโยกย้ายเปลี่ยนสถานที่แล้ว เพื่อไปอยู่ในที่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์กว่า
ในการพเนจร หมายถึงยังไม่ได้ย้ายถิ่น แต่ต้องมีคนในครอบครัว พเนจรไปหาทรัพยากรมาจากที่ไกลๆ เพื่อนำกลับมาเลี้ยงครอบครัว งานออกไปแสวงหาอาหาร จับสัตว์ในที่ห่างไกล มีความยากลำบาก มีความเสี่ยง แต่เป็นงานที่เป็นเกียรติ (Glorious) เป็นงานเพื่อการมีอยู่มีกินของคนอีกหลายๆคน
สุภาษิตที่ 4
He that boasts of his own knowledge proclaims his ignorance. ~ Eskimo proverb
คนที่โอ้อวดความรู้เท่ากับประกาศความไม่รู้ของตน ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
อันความรู้นั้น เป็นที่ยอมรับกันว่าไม่มีใครที่จะรู้ไปหมด แม้นักวิทยาศาสตร์ที่ว่าเก่งที่สุด แต่นั่นก็ยังเป็นความรู้น้อยนิดในสายวิชาการของเขา ดังนั้นมนุษย์ทุกคนพึงรู้ว่า มนุษย์เราแต่ละคนยังมีความรู้น้อยนัก และหากใครที่โอ้อวดว่ารู้มาก รู้ทุกอย่างนั่นแหละ แสดงว่าเขากำลังแสดงความโง่เขลาออกมา
สุภาษิตที่ 5
Love comes after marriage.
ความรักมาหลังการแต่งงาน ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
คงจะบอกไม่ได้ว่าแนวคิดการแต่งงานแบบตะวันตก ที่หนุ่มสาวเขาเป็นคนเลือกคู่เอง แต่กระนั้นอัตราการหย่าร้างของคนในสังคมตะวันตกใหม่นั้นก็ขึ้นสูงถึงกว่าร้อยละ 60 เด็กๆกลายเป็นลูกของแม่ที่ไร้พ่อ หรือที่เขาเรียกว่า Single Mom แต่ในอีกด้านหนึ่งในสังคมเก่าแบบเอสกิโม และรวมถึงคนสังคมไทยโบราณ เขาถือกันว่า ความรักก่อนแต่งงานนั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ความรักหลังการแต่งงานนั้นสิที่สำคัญ และนั่นหมายถึงการที่ทั้งสองฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากัน ร่วมอยู่กินกัน สร้างครอบครัว และดำรงชีวิตร่วมกันตลอดไป
สุภาษิตที่ 6
May you have kindness in your heart, a plump woman in your furs, and seal meat in you larder. ~ Eskimo proverb
ขอพรให้ท่านมีเมตตา มีหญิงอวบในผ้าห่ม และมีเนื้อแมวน้ำในตู้กับข้าว ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
สุภาษิตนี้สอนใจถึงความเป็นอยู่ของคนโบราณที่ยึดถือเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) ขอให้มีจิตใจที่ดีงาม มีเมตตาในหัวใจ มีคู่ครองที่จะอยู่ร่วมกัน มีเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่น และมีอาหาร อย่างเนื้อแมวน้ำที่เป็นอาหารปกติของเขา
Plump woman = หญิงที่อวบ มีเนื้อมีหนัง แสดงถึงความมีสุขภาพดี ชาวเอสกิโม หากผอมมากจะไม่มีพลังที่จะทนกับความหนาว
สุภาษิตที่ 7
May you have warmth in your igloo, oil in your lamp, and peace in your heart
ขอท่านมีไออุ่นในบ้าน (Igloo) มีน้ำมันในตะเกียง และมีสันติในหัวใจ ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
เป็นคำอวยพรที่ไพเราะและเรียบง่ายตามวัฒนธรรมของชาวเอสกิโม คือมีบ้านที่อบอุ่น มีน้ำมันในตะเกียงเพื่อให้แสงสว่างและความอบอุ่น และมีสันติสุขในหัวใจ มันเป็นความสุขและความเพียงพออย่างนี้ในสังคมที่ไม่ต้องดำรงอยู่อย่างซับซ้อนนัก
แต่ในโลกตะวันตกยุคใหม่ที่ห่างไกลจากความเป็นธรรมชาติ มีคนตกงานมากมาย เพราะไปผูกงานกับเงินเดือน รายได้ ค่าตอบแทน ชีวิตของผู้คนไปผูกติดกับสังคมที่ต้องมีงานทำ และพึ่งองค์กรขนาดใหญ่ ธนาคาร ระบบขนส่งที่ซับซ้อน ฯลฯ แล้วมีใครได้อะไรขึ้นมา คนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยตัวเองไม่ได้
สุภาษิตที่ 8
May your charity increase as much as your wealth.
ขอท่านบริจาคได้มากตามความมั่งมี ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
ชาวเอสกิโมโบราณ เขาไม่ได้พูดถึงความมั่งคั่งกันด้วยที่ดิน เพราะทุกคนมีที่ดินกว้างขวางล้นฟ้า สำคัญเพียงว่า แล้วที่ดินและธรรมชาติเหล่านั้นจะทำให้เขามีทรัพยากรมีอาหารการกินเพียงพอได้หรือไม่
เมื่อมีกินอย่างเพียงพอในครอบครัวตนเอง แล้วมีเหลือพอแบ่งปันกันหรือไม่ เพราะในบางช่วงเวลา อาหารการกินอาจฝืดเคือง การแบ่งกันเพื่อความอยู่รอดจึงเป็นวิถีชีวิตที่จำเป็น
สุภาษิตที่ 9
Perhaps they are not stars in the sky, but rather openings where our loved ones smile down to let us know that they are happy.
เมื่อเห็นดาวบนฟ้า นั่นอาจเป็นรอยยิ้มของคนที่เรารักบอกว่า เขาได้ไปมีความสุขแล้ว ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
สุภาษิตนี้แสดงให้เห็นค่านิยมของเอสกิโม ที่เคารพบรรพบุรุษ คิดถึงธรรมชาติ คิดถึงสิ่งที่เป็นทางบวก
สุภาษิตที่ 10
Summer is the season of inferior sledding. ~ Eskimo proverb
ฤดูร้อนเป็นช่วงใช้เลื่อนลากได้ไม่ดี ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
Summer หมายถึงฤดูร้อน ซึ่งในตะวันตกหมายถึงช่วงสบายๆผ่อนคลาย เด็กหนุ่มสาวใส่กางเกงขาสั้น เล่นน้ำทะเล อาบแดด แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราคิดว่าคนที่อยู่ในอากาศหนาวอย่างเอสกิโมนั้น เขาอยู่กับความรุนแรงของธรรมชาติจนชิน แต่การที่เข้าสู่ฤดูหนาว เขาต้องหันกลับไปใช้ยานพาหนะ คือเลื่อนหิมะหรือน้ำแข็ง (Sleds) และนั่นคือเขากลับสู่วิถีชีวิตปกติ
สุภาษิตที่ 11
The caribou feeds the wolf, but it is the wolf who keeps the caribou strong. ~ Eskimo proverb
กวางกลายเป็นอาหารของหมาป่า แต่เพราะหมาป่านี้เองที่ทำให้กวางแข็งแรง ~ สุภาษิตเอสกิโม
Caribou = กวางพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นฐานในเขตหนาว เป็นสัตว์พวกหากินเป็นฝูง
ภาพ กวางมาริบู (Maribu) ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง
ภาพ ฝูงกวางมาริบูในช่วงฤดูร้อน
คำอธิบาย
จริงอยู่หมาป่ามักจะล่ากวางคาริบูเพื่อเป็นอาหารและความอยู่รอด แต่โดยสันชาติญาณ หมาป่าจะเลือกจับกวางตัวที่อ่อนแอที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ และการที่มีระบบขจัดส่วนที่อ่อนแอ สายพันธุ์ของกวางคาริบู จึงมีความแข็งแรงตามธรรมชาติ การขยายพันธุ์ก็เป็นการขยายพันธุ์ที่มีการคัดเลือกตามธรรมชาติ ในอีกประเด็นหนึ่ง หากมีกวางมากเกินไป พืชพันธุ์ธัญญาหาร หรือหญ้าในบริเวณนั้นก็จะถูกกินและทำลายจนไม่เหลือ และผลก็จะกลับมากระทบกวาง ก่อให้เกิดความอดหยากกันทั้งฝูง
ภาพ หมาป่าที่อยู่รวมกันเป็นฝูง (Wolf pack) และเมื่ออยู่รวมกันเป็นฝูงมันมีความสามารถในการล่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า อย่างกวางมาริบู
สุภาษิตที่ 12
Those who know how to play can easily leap over the adversaries of life. And one who knows how to sing and laugh never brews mischief. ~ Eskimo proverb
Adversary = นาม – ศัตรู, ปฏิปักษ์, ฝ่ายตรงข้าม, คู่ต่อสู้, คู่แค้น, คู่อาฆาต, คู่กัด, คู่รักคู่แค้น, คู่อริ, วิปักษ์, ปัจจามิตร
คนที่รู้จักเล่นย่อมก้าวข้ามศัตรูในชีวิตได้ และคนที่รู้จักร้องเพลงและหัวเราะไม่เคยทำความเสียหาย ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
วัฒนธรรมของชนเผ่าโบราณ เขาไม่ได้อยู่กันอย่างเครียด เราดูเหมือนเขาอยู่ในเขตที่ธรรมชาติรุนแรงสาหัส แต่ความจริงเขาอยู่กับสิ่งเหล่านี้จนเป็นปกติ เขามีชีวิตที่ต้องมีผ่อนคลาย สนุกสนาน มีร้องรำทำเพลง
สุภาษิตที่ 13
Unless you're the lead sled dog, the view is pretty much the same. ~ Eskimo proverb
หากไม่เป็นหมาลากเลื่อนตัวนำ ทิวทัศน์ที่เห็นจะเป็นเหมือนเดิมๆ (คือเห็นแต่ท้ายหมาตัวหน้า) ~ สุภาษิตเอสกิโม
ภาพ หมาลากเลื่อน (Eskimo sled dogs)
คำอธิบาย
สุภาษิตนี้เป็นการสอนใจให้คนทุกคน สักวันก็ต้องมามีบทบาทนำคน เริ่มจากในครอบครัว ในสังคม และประเทศโดยรวมของเขา การเป็นหมาตัวรองมันได้แต่วิ่งตามตัวหน้า มองเห็นแต่บั้นท้ายของตัวหน้า ไม่ได้มีโอกาสมองทิวทัศน์ที่สวยงามของสองข้างทาง
คนเราทุกคน สักวันหนึ่งเราก็ต้องอยู่ในฐานะผู้นำ และเมื่อถึงเวลานั้น ก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม ให้มีความรับผิดชอบ มีคุณสมบัติอันควรต่อหน้าที่การงานนั้น
สุภาษิตที่ 14
When an wise man dies, the heavens lament.
เมื่อผู้ฉลาดตายไป สวรรค์ก็เศร้าโศก ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
สังคมเอสกิโมโบราณ เขาไม่ได้มีระบบการศึกษาอย่างเป็นทางการดังในปัจจุบัน การศึกษาของเขาคือการเล่าเรื่องจากผู้ใหญ่ผู้สูงอายุที่ถ่ายทอดประสบการณ์จากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นต่อๆไป อีกประการหนึ่ง สังคมเก่าเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญ ให้ความเคารพผู้ใหญ่ในสังคมนั้นๆ
สุภาษิตที่ 15
You never really know your friends from your enemies until the ice breaks. ~ Eskimo proverb
ท่านไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรูจนกระทั่งน้ำแข็งแตก ~ สุภาษิตเอสกิโม
คำอธิบาย
ยามวิกฤติคือการพิสูจน์ความสัมพันธ์ของเพื่อนคำว่า Ice breaks หมายถึงพื้นผิวน้ำที่เมื่อน้ำเย็นขึ้นตามอุณหภูมิ แต่ในผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งทุกที่ไม่ได้มีความหนาหรือความแข็งอย่างเท่าเทียมกัน หากมีความหนาและบางของผิวน้ำแข็งต่างกัน หากใครพลาดไปเดินบนผิวน้ำแข็งที่บางและเปราะ ทำให้ตกลงไปในน้ำ บางที่ก็ยากที่จะขึ้นจากน้ำได้ และบางที่เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้ ก็จะต้องพบกับอุณหภูมิของอากาศที่รุนแรง ดังนั้น การมีเพื่อนที่จะคอยช่วยเราในช่วงที่วิกฤติที่สุดนั้นได้ทันท่วงที นี่คือการพิสูจน์ที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนเทียม หรือศัตรู
No comments:
Post a Comment