Sunday, January 15, 2012

มารู้จัก ลี ไอเอคอคค่า (Lee Iacocca) ผู้กอบกู้บริษัทไครสเลอร์ยุค 1980s

มารู้จัก ลี ไอเอคอคค่า (Lee Iacocca) ผู้กอบกู้บริษัทไครสเลอร์ยุค 1980s

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: เศรษฐกิจ, การเงิน, Auto industry, อุตสาหกรรมรถยนต์, อเมริกัน, Chrysler

ภาพ ลี ไอเอคอคค่า (Lee Iacocca)

ความนำ

Apply yourself. Get all the education you can, but then, by God, do something. Don't just stand there, make it happen. ~ Lee Iacocca

ปรับตัวของท่านเสีย หาทางเล่าเรียนให้มากเท่าที่จะทำได้ เสร็จแล้วก็ต้องหาทางทำบางอย่าง อย่าเพียงนิ่งเฉย ต้องทำอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้น ~ ลี ไอเอคอคค่า

ลี ไอเอคอคค่า มีชื่อเต็มว่า Lido Anthony "Lee" Iacocca อ่านว่า play /ˌaɪ.əˈkoʊkə/eye-ə-koh-kə เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1924 เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน รู้จักกันในฐานะผู้พัฒนารถยนต์ Ford Mustang ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เขาพัฒนา Ford Pinto ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จนัก แล้วก็ถูกปลดออกจากบริษัท Ford Motor Company แต่แล้วเขาก็ได้รับเลือกให้มานำบริษัทรถยนต์ Chrysler Corporation ที่ประสบวิกฤติทางการเงินในช่วงทศวรรษที่ 1980s เขามาดำรงตำแหน่งในฐานะประธานกรรมการบริษัทในปี ค.ศ. 1979 จนกระทั่งเกษียณอายุการทำงานในปี ค.ศ. 1992

เขาเป็นนักบริหารธุรกิจ (CEO) ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ไอเอคอคค่ามุ่งมั่นกับการทำให้สหรัฐสามารถเป็นธุรกิจส่งออกได้ในช่วงปี ค.ศ. 1980s เขาเขียนหนังสือหลายเล่ม ซึ่งรวมถึง Iacocca: An Autobiography (with William Novak) และ Where Have All the Leaders Gone?

ใน Portfolio จัดให้เขาเป็นนักบริหารธุรกิจอเมริกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 18

ชีวิตเริ่มต้น
Early life

ไอเอคอคค่า เกิดที่เมืองแอลเลนทาวน์ (Allentown) ในรัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) บิดาและมารดาเป็นชาวอิตาลีอพยพ ชื่อ นาย Nicola Iacocca และ นาง Antonietta Perrotta โดยมีอาชีพเกี่ยวกับทำสายพานเหล็ก ทั้งสองดำเนินกิจการร้านอาหารชื่อ Yocco's Hot Dogs เขาถูกเขียนประวัติว่ามีชื่อเล่นว่า Lido เพราะบิดามารดาไปมีปฏิสนธิระหว่างไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่เขต Lido ในเมืองเวนิส ไอเอคอคค่าปฏิเสธข่าวลือ และบอกว่าเรื่องโรแมนติกนั้นไม่จริง บิดาของเขาไปเที่ยวที่เขต Lido ก่อนที่จะแต่งงาน และไปกับพี่ชายของภรรยาในอนาคต

ไอเอคอคค่าจบมัธยมศึกษาที่โรงเรียน Allentown High School ในปี ค.ศ. 1942 และที่มหาวิทยาลัย Lehigh University ในย่าน Bethlehem มลรัฐ Pennsylvania โดยได้รับปริญญาตรีทางด้านวิศวอุตสาหกรรม เขาเป็นสมาชิกสมาคมกรีกชื่อ Tau Beta Pi ซึ่งเป็นสมาคมทางด้านวิศวกรรม และเป็นศิษย์เก่าของสมาคม Theta Chi Fraternity ประวัติชีวิตเขาในช่วงนี้ก็ไม่ต่างจากบุตรหลานคนชั้นกลางในอเมริกาในยุคสมัยนั้น

หลังจากจบจากมหาวิทยาลัย Lehigh เขาได้รับทุน Wallace Memorial Fellowship และไปศึกษาต่อที่ Princeton University ที่ซึ่งเขาเรียนวิชาเลือกทางด้านการเมืองและพลาสติก หลังจากนั้น เขาได้เริ่มงานกับบริษัทรถยนต์ Ford Motor Company ในฐานะวิศวกร ไม่นานนักเขาไม่พอใจกับลักษณะการทำงานในโรงงาน จึงขอย้ายสายงานในบริษัท Ford แล้วเข้าสู่สายการขาย ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก และได้ไต่เต้าในบริษัท Ford จนมาอยู่ในฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์

การแต่งงานและครอบครัว
Marriage and family

หลายคนมีความเชื่อว่าชีวิตการแต่งงานเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในชีวิตการทำงาน แต่ไอเอคอคค่าไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่มากนัก

ไอเอคอคค่าแต่งงานกับ Mary McCleary ในปี ค.ศ. 1956 ทั้งสองมีธิดา 2 คน Mary Iacocca เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานในปี ค.ศ. 1983 ด้วยเหตุดังกล่าว ไอเอคอคค่าได้เป็นผู้รณรงค์ที่แข็งขันเพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวาน (diabetes) ที่ไม่รู้จักการดูแลและเสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อน

ไอเอคอคค่าแต่งงานครั้งที่สองกับ Peggy Johnson ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1986 แต่หลังจากอยู่ด้วยกันได้เพียง 19 เดือนก็ต้องเลิกกัน ไอเอคอคค่าแต่งงานเป็นครั้งที่สามกับ Darrien Earle ในปี ค.ศ. 1991 แต่ทั้งสองก็ต้องเลิกกันในอีก 3 ปีต่อมา จะเห็นไดว่าในช่วงการแต่งงานสองครั้งหลัง เขาประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานอย่างยิ่ง แต่ไม่ใช่ในชีวิตสมรส

การทำงานที่ Ford
Career at Ford

ในการทำงานกับ Ford ที่เขาประสบความสำเร็จอย่างมากจากสายงานการขาย โดยเขาได้เป็นผู้ช่วยฝ่ายขายที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยไอเอคอคค่าได้ใช้การรณรงค์การขายด้วย 56 เพื่อ 56 หมายความว่าเขาเสนอขายรถยนต์รุ่น 1956 ด้วยการให้จ่ายเงินดาวน์ร้อยละ 20 แล้วจ่ายรายเดือนๆละ $56 เป็นเวลา 3 ปี แผนโฆษณาของเขาได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ จนไอเอคอคค่าได้รับฉายาว่า Dearborn เขาได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว จนได้รับตำแหน่งรองประธานกรรมการของฟอร์ดสายรถยนต์และรถบรรทุกในปี ค.ศ. 1960 และในปี ค.ศ. 1967 ได้เป็นตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริหารของบริษัทฟอร์ด และในช่วงปี ค.ศ. 1970-1978 ได้รับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทฟอร์ด

ไอเอคอคค่าได้ร่วมในการออกแบบรถยนต์หลายรุ่นของฟอร์ดที่ประสบความสำเร็จ ที่มากที่สุดคือ Ford Mustang อันเป็นรถยอดนิยมสำหรับวัยหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ตามด้วย รถหรู Lincoln Continental Mark III, และรถแบบประหยัดแห่งยุค Ford Escort ในช่วงทศวรรษที่ 1960s นอกจากนี้เขายังได้นำเสนอรถฟอร์ดในยี่ห้อง Mercury คือรถ Mercury Cougar และ Mercury Marquis เขาเป็นเจ้าของความคิดรถรุ่น K car และ minivan แต่ในที่สุด เมื่อเขาได้รับแต่งตั้งให้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด เขากลับขัดแย้งกับทายาทตระกูลฟอร์ด คือ Henry Ford II จนทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 1978 แม้ในปีนั้นบริษัทมีกำไรถึง $2,000 ล้าน

ภาพ รถในแนว K-car เป็นรถขนาดกลาง ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กลงกว่ารถรุ่นใหญ่ที่อเมริกันในยุคก่อนนิยม

K-car คือรถยนต์ขนาดประหยัดถึงขนาดกลาง (compact-to-midsize) ออกแบบมาเพื่อให้สามารถบรรทุกผู้ใหญ่ได้ 6 คนด้วยที่นั่งสองแถว ซึ่งในขณะนั้นรถอเมริกันจะเน้นไปที่ผลิตรถขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวรถมากกว่า ใช้เครื่องยนต์ใหญ่กว่า และใช้พลังงานมากกว่า

ภาพ รถ Ford Pinto 1973 ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กสำหรับยุคสมัยนั้น และไม่ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ยุคนั้น

Ford Pinto กับปัญหาถังน้ำมัน
Ford Pinto fuel tank controversy

ไอเอคอคค่าเป็นแรงผลักดันให้เกิดการผลิต Ford Pinto ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ราคาถูก ประหยัดน้ำมัน

Ford Pinto เป็นรถขนาดประหยัด เรียกว่าอยู่ในกลุ่ม Subcompact car ผลิตโดย Ford ในช่วงปี 1971-1980 ชื่อ Pinto มาจากม้าแกลบ หรือม้าขนาดเล็ก เป็นรถ Sedan ขนาดสองประตู และฟอร์ดมีแบบพิเศษ เรียกว่า Runabout เป็นรถแบบมีประตูหลังเปิดเรียกว่า Hatchback และแบบ Wagon รถที่ออกแบบมานี้เพื่อให้เป็นรถยนต์ประหยัดน้ำมันในตลาดเดียวกับ AMC Gremlin และ Chevrolet Vega, และรถจากต่างประเทศอย่าง Volkswagen, Datsun, และ Toyota

แต่อย่างไรก็ตาม รถ Pinto ไม่ประสบความสำเร็จในทางการตลาดนัก โดยในเดือนมกราคม ค.ศ. 1971 ขายได้กว่า 100,000 คัน และในปีสุดท้ายของการผลิต ฟอร์ดได้ผลิตขึ้นมา 68,179 คัน แต่หากมีการพัฒนา Pinto ต่อมา ก็คงจะเป็นรถรุ่นใกล้เคียงกับ Toyota Corolla, Honda Civic, Mazda3, หรือ Nissan Tiida ซึ่งทั้งหมดเป็นรถขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลกในประเทศกำลังพัฒนา เพราะประหยัดน้ำมัน ราคาไม่แพง คล่องตัวที่จะใช้ในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง และสามารถใช้เดินทางไกลได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ Pinto ยังประสบปัญหาด้านโครงสร้าง ทำให้คอของถังน้ำมันฉีกขาดได้หากมีอุบัติเหตุถูกชนจากด้านหลัง ทำให้เกิดไฟไหม้รถที่ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตได้ ซึ่งความจริงปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก หากมีการปรับแก้การออกแบบใหม่ ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยไม่เป็นปัญหาด้านต้นทุน แต่ที่สำคัญก็คือ ตลาดรถยนต์อเมริกันในยุคนั้น แม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้น แต่รถยนต์ขนาดเล็กก็ยังไม่ได้รับการต้อนรับอย่างดีพอ ฝ่ายผู้ผลิตอเมริกันเอง ผลิตแล้วมีกำไรต่อคันน้อย จึงเลิกผลิตไปในที่สุด ซึ่งผลก็คือ รถยนต์จากต่างประเทศที่มีขนาดเล็กได้แทรกเข้าไปในตลาดอเมริกาอย่างมากมาย และนั่นก็ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันเองอ่อนกำลังลงในระยะต่อมา

ชีวิตการทำงานที่ Chrysler
Career at Chrysler

เมื่อไอเอคอคค่าถูกปลดออกจาก Ford เขาได้รับการชักจูงให้มาทำงานให้กับ Chrysler Corporation ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งในขณะนั้น และเป็น 1 ใน 3 บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา คือ GM, Chrysler, และ Ford แต่เขาไม่รู้ลึกว่าสถานะของ Chrysler นั้นหนักกว่าที่เขาคิด บริษัทเสียเงินหลายล้านจากการที่ต้องเรียกกลับรถ Dodge Aspen และ Plymouth Volare ซึ่งในระยะต่อมาเขาเคยพูดว่า Chrysler ไม่ควรผลิตรถสองยี่ห้อนี้ ไอเอคอคค่าได้เข้าร่วมงานกับ Chrysler โดยการสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่อีกครั้งจากระดับตั้งแต่พื้นฐาน โดยต้องมีการปลดคนงานออกจำนวนมาก ขายทิ้งส่วนที่ทำให้บริษัทฯในส่วนของยุโรป ที่ทำให้บริษัทฯต้องขาดทุนให้กับบริษัท Peugeot ดึงเพื่อนร่วมงานมือดีจาก Ford

ภาพ รถยนต์ในแนวคิด Mini-Max หรือรถแบบ Minivan รุ่นแรกๆ

ภาพ รถในแนวคิด Mini-Max ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของตลาดอเมริกัน

จาก Ford ไอเอคอคค่าได้นำโครงการ Mini-Max มาปัดฝุ่นและเริ่มที่ Chrysler ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง คือ Dodge Caravan และ Plymouth Voyager ซึ่ง Henry ford II ไม่ต้องการทำอะไรเกี่ยวกับ Mini-Max แบบที่ทาง Toyota ได้ปรับทำและขายในตลาดเอเซียและลาตินอเมริกา Hal Sperlich ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนของแนวคิด Mini-Max ที่ Ford ได้ถูกปลดออกจาก Ford ไม่กี่เดือนก่อนหน้าเขา ด้วยคำแนะนำของไอเอคอคค่า Chrysler จ้าง Sperlich และมาร่วมกับเขา และสร้างประวัติศาสตร์รถยนต์ใหม่

แนวคิด Mini-Max จาก Ford ที่ ไอเอคอคค่าได้นำมาสู่ Chrysler ในปี ค.ศ. 1983 คือการทำให้รถมีขนาดไม่ใหญ่ แต่สามารถจุผู้โดยสารได้มาก และยังใช้พลังงานไม่มาก ซึ่งในระยะต่อมา คือการใช้พาหนะในลักษณะดังกล่าวในการร่วมเดินทางไปทำงานในเมืองใหญ่ เป็นลักษณะ Carpool เป็นรถแบบ Minivan

ภาพ Dodge Omni รถเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ในแนวทางของยุโรปที่ถนัดพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก

เมื่อไอเอคอคค่ามาร่วมงานกับ Chrysler ไม่นาน ก็ได้นำเสนอ Dodge Omni และ Plymouth Horizon ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับ Volkswagen Rabbit เป็นรถขับเคลื่อนด้วยล้อหน้ารุ่นแรกที่ผลิตในอเมริกา และประสบความสำเร็จในการขายได้ถึงรุ่นละ 300,000 คันในปีแรกที่เปิดตัว แนวคิดในการผลิตนี้ได้มาจาก Chrysler ในยุโรป

การกอบกู้ Chrysler
1979 Chrysler bailout

ภาพ รถ Dodge Aries, เป็นรถในแบบ K-Car

ด้วยสถานะทางการเงินที่ย่ำแย่ของ Chrysler ที่กำลังจะล้มละลายหากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง ไอเอคอคค่าจึงติดต่อกับรัฐสภาสหรัฐในปี ค.ศ. 1979 เพื่อขอเงินกู้ที่มีรัฐบาลกลางค้ำประกัน หลายฝ่ายเข้าใจว่ารัฐสภาให้ Chrysler ยืมเงิน แต่ความจริงแล้ว คือรัฐบาลให้บริษัทกู้เงินที่ได้รับการค้ำประกันโดยรัฐบาลกลาง การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ไอเอคอคค่าอธิบายว่ามันเป็นเหมือนที่รัฐบาลเคยกู้สถานะสายการบินและบริษัทรถไฟ โดยอธิบายว่าการช่วยเหลือนี้มีความจำเป็นในการรักษางานจำนวนมากไว้ในประเทศ ในที่สุดไอเอคอคค่าได้รับเงินกู้ด้วยการค้ำประกันจากรัฐบาลกลาง ซึ่งทำให้เกิดข้อโต้เถียงในหลักการ เพราะประเทศสหรัฐได้แบ่งบทบาทของภาครัฐกับเอกชนออกจากกันอย่างชัดเจน รัฐบาลจะไม่เข้าไปทำธุรกิจ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อธุรกิจอื่นๆ

การกู้ยืมเงินที่รัฐบาลค้ำประกันอาจเป็นความเสี่ยง แต่เพราะความสำเร็จของสายการผลิตรถยนต์ในแนวคิดใหม่ๆ ทำให้ได้รับการตอบรัฐจากตลาดอย่างดี เพราะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพสูง ไม่แพง และขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ซึ่งขายได้ดีอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ไอเอคอคค่ายังได้นำเสนอรถ Imperial ซึ่งถือว่าเป็นรถล้ำยุคด้วยเทคโนโลยีใหม่ มีระบบการจ่ายน้ำมันที่ควบคุมด้วยอิเลคโทรนิก (Fully electronic fuel injection) นับเป็นรถคันแรกของอเมริกาที่ใช้ระบบนี้ และหน้าปัดทั้งหมดเป็นแบบดิจิตตอล

การนำเสนอรถแบบ Minivan นำโดย Sperlich ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1983 ทำให้รถรุ่นดังกล่าวนำตลาดด้านการขายต่อมาเป็นเวลา 25 ปี และการทำให้รถยนต์ขายได้เป็นที่ยอมรับของตลาด ทำให้บริษัทสามารถจ่ายหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันได้ภายในเวลา 7 ปี นับว่าเร็วกว่าที่คาด

ภาพ รถ Jeep Grand Cherokee

Jeep เป็นชื่อรถยนต์ที่คนรู้จักทั่วโลก ด้วยเป็นยานพาหนะที่บึกบึนเชื่อถือได้จากสงครามโลกครั้งที่สอง รถยนต์ Jeep Grand Cherokee เป็นรถบึกบึนในโฉมใหม่ที่สวยงามเหมือนรถนั่ง และเป็นเหตุผลที่ไอเอคอคค่าซื้อบริษัท AMC เข้ามาอยู่ในร่มของ Chrysler ในปี ค.ศ. 1987 แต่ Grand Cherokee ก็ยังไม่ได้ออกสู่ตลาดจนกระทั่งปี ค.ศ. 1992 ที่ได้เปิดตัวรถรุ่นปี 1993 และในปีนั้นก็เป็นช่วงเกษียณของไอเอคอคค่าจากบริษัท Chrysler

ภาพ ลี ไอเอคอคค่า กับหนังสือ Where have all the leaders gone?

1 comment:

  1. ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ

    ReplyDelete