ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org
เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือออนไลน์เรื่อง “สู่ความสำเร็จแห่งชีวิต”
Keywords: cw214-04, ชีวิต, การทำงาน
ความนำ
พฤติกรรมของคนเราเป็นผลมาจากทัศคติของเราในการมองโลกและสิ่งแวดล้อมตัวเรา
เรามองอย่างเป็นลบ หรือเป็นบวก เรามองโลกอย่างมีความหวัง หรือมองอย่างสิ้นหวัง และการมองโลกอย่างไร ก็จะเป็นผลต่อชีวิตและความสำเร็จของคนเรา
การมองในทางลบ
คนบางคนมีแนวโน้มที่จะมองคนและโลกในแง่ลบ
การมองในทางลบ (Negative Thinking) คือ คิดในแง่ลบต่อคนหรือสภาพแวดล้อมรอบๆ ตนเอง หรือในอีกด้านหนึ่งตรงกันข้ามกัน คือ คิดในทางบวก (Positive Thinking)
หากมีแก้วน้ำ ใส่น้ำสักครึ่งแก้ว คนมองในแง่ลบจะเห็นในส่วนที่ขาด คนมองในแง่บวก จะเห็นน้ำและคุณค่าในส่วนที่มีน้ำอยู่ คนมองในแง่ลบประสบความยากลำบาก ก็จะเห็นแต่ว่าทำไมเราเกิดมาช่างมีกรรมอย่างนี้ แต่คนมองในแง่บวกนั้น เขาเปลี่ยนความยากลำบากเป็นการเรียนรู้ ปรับตัวเองเพื่อสู้กับปัญหาได้อย่างเบิกบาน
ตัวอย่าง สามีซ่อมห้องน้ำเสร็จ แต่วางของเกะกะทิ้งไว้ ภรรยากลับมาจากข้างนอก มองในแง่ดี - พี่ซ่อมห้องน้ำให้เสร็จแล้วหรือ ขอบคุณมากนะ ก๊อกน้ำรั่วมานานแล้ว เดี๋ยวต้อยเก็บทำความสะอาดให้เอง มองในแง่ลบ - พี่ทำไมทำห้องน้ำสกปรกอีกแล้ว บอกเท่าไรไม่เห็นฟังเลย ฉันเหนื่อยนะ คนใช้เราก็ไม่มี มีแต่เจ้านายทั้งนั้นแหละ |
เราเลือกชีวิตที่มีสุขและสำเร็จ เราเลือกคิดอย่างมีกุศลจิต อย่างมีเจตนาดีต่อผู้อื่น หรือคิดชอบเพื่อจะทำชอบ แต่ในลักษณะตรงกันข้าม คนบางคนมีนิสัยที่จะ “คิดมิชอบ” และก็นำไปสู่การปฏิบัติอย่างมิชอบ คิดอกุศล คนบางคนคิดอะไรเป็นกุศลไม่เป็น เช่นพวกโจร มองบ้านคนเขาก็มองที่จะหาทางเข้าไปขโมยของเขา คนบางคนมองคนได้แต่ในทางลบ มีอิจฉา ริษยา เห็นเขาได้ดีแล้วเป็นทุกข์ คิดแต่จะไปทำลายเขา ชอบที่จะนินทาว่าร้ายคนอื่นๆ อย่างนี้คนๆ นั้นก็จะไม่เจริญ และก็จะไม่มีความสุข
อย่าอยู่อย่างสิ้นหวัง
เราจะอยู่อย่างสิ้นหวัง (Hopeless) หรืออยู่อย่างมีความหวังมีไฟ (Hope and Desire)
คนที่คิดฆ่าตัวตาย เป็นอันมาก เขาไม่ได้มีร่างกายหรือจิตใจที่ผิดปกติ แต่ในบางขณะ เขาอยู่ในสภาพที่หมดหวังในชีวิต ไม่ได้คิด หรือคิดแล้วไม่มีทางออกที่เขาพอใจ เขาก็เลือกที่จะจบชีวิต มนุษย์นั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจน จะมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์หรือแข็งแรง เราล้วนอยู่ได้ด้วยมีความหวังในชีวิต
คนเราแม้จะประสบความล้มเหลว ความผิดหวัง แต่ถ้าเราไม่อยู่อย่างสิ้นหวัง เราจะมีกำลังใจที่จะยืนขึ้นสู้กับปัญหาต่อไป คนเรานั้นจะประสบปัญหาหลายครั้ง ล้มหลายครั้ง ผิดหวังหลายครั้ง ก่อนที่เราจะประสบความสำเร็จ
คิดในทางบวก
คนบางคนมีแนวโน้มที่จะคิดในแง่บวกต่อสิ่งแวดล้อมและคนในสังคม
คิดในทางบวก (Positive Thinking) คืออะไร และสำคัญอย่างไร ทำไมคนเราจึงต้องคิดในทางบวก เพราะการคิดในทางบวกก่อให้เกิดสิ่งต่อไปนี้
ภาพ การคิดในทางบวก (Positive Thinking)
การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน (Improved Performance)
การมองภาพตนเองที่ดี (Positive Self-Image)
ทัศนคติในทางบวก (Positive Attitude) เมื่อคิดในทางบวก ก็ทำให้เรามีทัศนคติต่อโลกและคนไปในทางบวก ทำให้เรากระตือรือร้นที่จะมีสัมพันธภาพและความเป็นมิตรไมตรีต่อผู้อื่น
การปรับปรุงพฤติกรรม (Improved Behaviour) เมื่อเรามองในทางบวก มีความหวัง เราก็มีแรงใจที่จะปรับปรุงพฤติกรรมของตนเอง อะไรไม่ดี แต่มีความหวังก็คิดที่จะปรับปรุงตัวได้
ความคาดหวังในทางบวก (Positive Expectations) การมองในทางบวกทำให้เราเกิดความคาดหวังในทางบวก มองเห็นสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้น และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ก็จะเกิดตามมา
คนเราทุกคนมีความรู้สึก ความเชื่อ และความรู้ที่ขึ้นอยู่กับวิธีการคิด (Thoughts) ของเราที่เป็นทั้งจิตสำนึก และจิตใต้สำนึก ซึ่งถูกควบคุมด้วยวิธีการคิดแบบเป็นลบหรือเป็นบวก แบบมีพลังมีความหวัง หรือว่าเป็นแบบเหงาๆ และเฉื่อยชา
ความแตกต่างระหว่างคน คนที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ คือคนที่มีความสนุกสนาน ตื่นเต้นกับการทำงาน ทำแล้วทำให้ได้สำเร็จ แตกต่างจากคนที่เริ่มต้นชีวิตและการทำงานไปแบบซังกะตาย ตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์ด้วยความรู้สึกว่า “อีกแล้ว ทำงานอีกแล้ว”
บุคคลตัวอย่าง
"Most folks are about as happy as they make up their minds to be." Abraham Lincoln |
คนส่วนใหญ่จะมีความสุขเท่ากับที่หัวใจเขาอยากจะเป็น นี่เป็นคำกล่าวของ ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น แห่งสหรัฐอเมริกา ผู้นำในยุคของการต่อสู้เพื่อเลิกทาส
ในชีวิตการต่อสู้ของคนเรานั้น มีเป้าหมายในชีวิตที่ต่างกัน เป็นอันมากคนที่ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ไม่ใช่เพื่อความมั่งมีมั่งคั่งของตนเอง ไม่ใช่เพื่อความปลอดภัย ความมีชื่อเสียง และการยอมรับจากสังคมในช่วงชีวิตของตน แต่เพื่อประโยชน์เพื่อมนุษยชาติและเพื่อนร่วมชาติโดยรวม ชีวิตของเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยความยุ่งยาก และมันต้องอาศัยกำลังใจและการมองโลกในแง่ดีอย่างที่สุด จึงทำให้มีความหวังและการได้ทำงานที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจนสำเร็จ
มหาตมะ คานธี
มหาตมะ คานธี (Mohandas Karamchand Gandhi ค.ศ. 1869-1948) มหาบุรุษและครูผู้ยิ่งใหญ่แห่งอินเดีย ผู้นำทางจิตวิญญาณในการต่อสู้เรียกร้องเพื่ออิสรภาพของประเทศจากการปกครองแบบอาณานิคมของอังกฤษ ท่านต่อสู้กับประเทศมหาอำนาจและกองทัพที่มีกำลังอาวุธและวิทยาการรบที่เหนือกว่า ไม่ใช่ด้วยกำลังรบ แต่ด้วยสันติวิธี ด้วยการใช้แสดงให้เห็นถึงจริยธรรมขั้นสูง ไม่ใช่ด้วยการมองคนที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามเป็นศัตรู แต่มองอย่างเป็นมิตร และเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของเขาเหล่านั้น ตลอดชีวิตของท่านจึงเป็นการต่อสู้ที่ต้องมีหลักยึดในชีวิต ผ่านการถูกทำร้ายร่างกาย การถูกจองจำ ทั้งหมดนี้ใช้เวลายาวนานกว่าประเทศอินเดียจะได้รับอิสรภาพในที่สุด และด้วยตัวอย่างการต่อสู้ของท่าน ได้เป็นบรรทัดฐานสำหรับผู้นำทางการเมืองที่ต้องต่อสู้เพื่อเอกราช ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนในเวลาต่อมา
เนลสัน แมนเดลลา
เนลสัน แมนเดลลา (Nelson Mandela ค.ศ. 1918 - ) ผู้นำผิวดำแห่งอัฟริกาใต้ ที่ได้รับความยกย่องจากทั่วโลก ในการต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระของคนผิวดำที่ถูกปกครองด้วยคนกลุ่มน้อยผิวขาว เขาต้องติดคุกเป็นเวลากว่า 26 ปีในชีวิต เพราะการต่อสู้เพื่อคนผิวดำ อันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ต้องถูกปกครองโดยคนผิวขาวที่เป็นคนส่วนน้อย แต่เพราะความคิดในทางบวก การมองเห็นความสำเร็จที่ปลายทาง แม้มันจะไม่มาถึงอย่างรวดเร็ว และเพราะความคิดในทางบวกของเขา แม้เมื่อคนผิวดำได้ปกครองประเทศ เขาไม่ได้คิดในเชิงแก้แค้นกับคนผิวขาว แต่เป็นการมองอนาคตร่วมกันที่จะสร้างสันติสุขถาวร และการนำคนส่วนใหญ่ของประเทศให้พ้นจากความยากจน การไร้การศึกษา และการอยู่อย่างไม่มีคุณภาพชีวิต
หากต้องการศึกษาเกี่ยวกับประวัติชีวิตของ Mandela ดูที่ http://www.anc.org.za/people/mandela.html
มารี คูรี
ดร. มารี คูรี (Maria Skłodowska-Curie, ค.ศ. 1867 – 1934) เป็นผู้บุกเบิกวิชานิวเคลียร์ฟิสิกส์ เป็นสตรีนักวิทยาศาสตร์ที่มีความกล้าหาญ มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ และดื้อรั้นที่จะทำงานวิทยาศาสตร์ของท่านให้ประสบความสำเร็จ ในการค้นพบแร่เรเดียม ซึ่งเป็นการเปิดทางต่องานด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ รังสีวิทยาและการรักษาพยาบาลด้วยรังสีทั้งปวง แม้งานนั้นจะมีอันตราย มีผลเสียต่อสุขภาพและชีวิตของท่านในที่สุด
อองซาน ซูจี
อองซาน ซูจี (Aung San Suu Kyi ค.ศ. 1945 - ) สตรีและผู้นำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า ผู้นำการต่อสู้ที่ไม่ใช้อาวุธอื่นใด นอกเหนือจากใช้วิธีการสันติวิธี และด้วยการนำปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศของท่าน เพื่อนำการรับรู้สู่ชุมชนโลก แม้การกระทำนั้นจะนำมาซึ่งการได้รับโทษ การถูกกักกันบริเวณ และการถูกข่มขู่นานาประการ
การคิดในเชิงบวกทำให้ชีวิตยืนยาว
นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า การคิดในเชิงบวกทำให้คนเรามีชีวิตที่ยืนยาว
เขาพบว่าคนที่มองโลกอย่างสดใส อย่างเป็นทางบวกจะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าพวกที่มีความกังวลในชีวิต
นักวิจัยพบว่า คนที่มัวแต่คิดกลัวความแก่ จะยิ่งทำให้แก่เร็วยิ่งขึ้น เป็นการไปเร่งกระบวนการทำให้แก่ ในทางตรงกันข้าม คนที่มีทัศนคติในทางบวก จะเป็นการไปเพิ่มอายุในชีวิตให้ยืนยาว ดีเสียยิ่งกว่าการงดสูบบุหรี่และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ทีมนักจิตวิทยาชาวอเมริกันพบว่า คนที่มองโลกในทางบวกจะมีอายุยืนกว่าพวกที่มองโลกอย่างเสียใจประมาณ 7.5 ปี
เขาเชื่อว่าทัศนคติของคนเราที่มีต่อกระบวนการแก่เฒ่านั้นมีผลต่อการดำรงชีวิตยืนยาว กล่าวคือ ถ้าไปกังวลเรื่องการมีอายุแก่เฒ่ามากขึ้นเท่าใด ก็จะไปบั่นทอนชีวิตของคนเรา
ดีเสียยิ่งกว่าการมีความดันต่ำ
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Personality and Social Psychology นักวิจัยด้านสุขภาพ นำโดย Dr. Becca Levey จากมหาวิทยาลัย Yale อันมีชื่อเสียงแห่งรัฐคอนเนคติกัต สหรัฐอเมริกา พบว่าทัศนคติทางบวกต่อความแก่เฒ่า มีผลต่อสุขภาพมากกว่าการมีความดันโลหิตต่ำ และมีคอเรสเตอรอลต่ำ ซึ่งทั้งสองด้านนี้ต่างมีส่วนทำให้อายุยืนยาวไปอีกอย่างละ 4 ปี
ทัศนคติในทางบวกต่ออายุ มีผลมากกว่าตัวแปรด้านการควบคุมน้ำหนัก การไม่สูบบุหรี่ และการออกกำลังกาย ทั้งสามตัวแปรมีส่วนเพิ่มอายุได้ระหว่าง 1 ถึง 3 ปีในชีวิต กล่าวคือ การควบคุมน้ำหนัก การไม่สูบบุหรี่ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การมีทัศนคติในทางบวกต่อการมีชีวิตนั้นกลับสำคัญยิ่งกว่า
ทั้งหมดนี้เป็นการศึกษาจากกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 660 คนที่มีอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป
อัตราการตายของผู้เข้าร่วมในการศึกษาวิจัยถูกเปรียบเทียบกับสถิติที่ได้จัดทำขึ้นเมื่อ 23 ปีก่อนหน้านี้
ดร. Levy และคณะเชื่อว่า ความต้องการมีชีวิตอยู่เป็นตัวอธิบายถึงการคิดในทางบวกและผลที่มีต่อการมีชีวิตที่ยืนยาว แต่เขาก็ยอมรับว่าตัวแปรนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เกี่ยวข้อง
ความหวังสู่การปฏิบัติ
ความหวังทำให้คนเรามีชีวิต และชีวิตต้องเริ่มต้นได้ด้วยการต้องฝึกปฏิบัติ ฝึกตั้งแต่ยังเรียนหนังสืออยู่ สำหรับชีวิตในมหาวิทยาลัยและการเรียนมีคำแนะนำเพื่อการเรียนสู่ความสำเร็จเอาไว้ดังนี้
ในทุกชั้นเรียน ให้มองหาเพื่อนที่ตั้งใจเรียน (Friend, Associate) และเรียนร่วมกัน
ในทุกคำบรรยาย ให้มองหาอย่างน้อยความคิดดีๆ (Idea) สักเรื่องหนึ่ง แล้วจดจำไว้
ในทุกบทเรียน ให้หาสัก 1 แนวคิด (Concept) ที่มันมีความสำคัญต่อชีวิตเรา
ในเพื่อนแต่ละคน ให้อธิบายความคิดดีๆ ที่ท่านได้เรียนรู้มา คือรู้อะไรดีๆ แล้ว ให้นำไปบอกต่อ
ในครูอาจารย์แต่ละคน ให้ได้ถามคำถามสัก 1 คำถาม
ในตัวของท่านเอง ให้ทำรายการเป้าหมายในชีวิต ความคิดในเชิงบวก และการกระทำ
โปรดจำเสมอว่า ท่านเป็นได้อย่างที่ท่านคิด รู้สึกได้อย่างทีท่านต้องการ
· In every class, look for positive people to associate with. · In every lecture, look for one more interesting idea. · In every chapter, find one more concept important to you. · With every friend, explain a new idea you've just learned. · With every teacher, ask a question. · With yourself, keep a list of your goals, positive thoughts and actions. · Remember, you are what you think, you feel what you want. |
· ในทุกชั้นเรียน มองหาคนที่คิดในทางบวกเพื่อคบเป็นเพื่อน
· ในทุกการบรรยาย มองหาความคิดใหม่ๆสักหนึ่งรายการ
· ในทุกบทเรียน มองหาแนวคิดที่สำคัญสำหรับท่าน
· ในเพื่อนทุกๆคน อธิบายความคิดใหม่ที่ท่านได้เรียนรู้
· ในทุกครูที่เรียนด้วย ให้ถามอย่างน้อยสักคำถาม
· สำหรับตนเอง ให้ทำรายการเป้าหมาย ความคิดทางบวก และการจะทำ
· โปรดจำไว้ว่าท่านเป็นอย่างที่ท่านคิด ท่านรู้สึกเหมือนอย่างที่ท่านต้องการ
No comments:
Post a Comment