Sunday, February 23, 2014

ตาต่อตาจะจบลงด้วยทำให้คนทั้งโลกล้วนตาบอด - มหาตมะ คานธี

ตาต่อตาจะจบลงด้วยทำให้คนทั้งโลกล้วนตาบอด - มหาตมะ คานธี

An eye for an eye only ends up making the whole world blind. - Mahatma Gandhi

Keywords: การเมือง, politics, การปกครอง, government, ระบอบทักษิณ, Thaksinocracy, โจราธิปไตย, Kleptocracy, ความรุนแรง, violence, การก่อการร้าย, terrorism, จังหวัดตราด, ราชประสงค์


ภาพ การต่อสู้ให้คำนึงถึงสันตุภาพ และสันติสุขของสังคมในท้ายสุด

------------

Michael Yon - Do Not Threaten Shinawatra Family Children
อย่าข่มขู่เด็กๆของตระกูลชินวัตร

มีข้อความหลายแบบส่งกระจายไปทั่วเกี่ยวกับการข่มขู่เด็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ถ้าคุณเห็นการพูดแบบนี้ กรุณาช่วยโต้ตอบกลับ อย่าปล่อยให้ผู้คนข่มขู่เด็กๆแม้ว่าเด็กๆนั้นจะเป็นลูกของศัตรู นี่เป็นสิ่งผิด ผมคนหนึ่ง ที่จะหยุดสนับสนุน ถ้าคนไม่เริ่มที่จะตำหนิแนวคิดที่จะทำร้ายเด็กๆ ที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ผมรู้ว่าลูกของพ่อแม่คนหนึ่งโดนฆ่าจากการก่อการร้ายวันนี้ ใช่ ผมรู้ว่าเป็นไปได้มากที่สุดที่ผู้ก่อการร้ายสนับสนุนทักษิณ ผมเห็นเลือดที่ถนนวันนี้ โปรดช่วยดูภาพโปร์ไฟล์ผมที่เป็นภาพทหารอุ้มเด็กที่โดนฆ่าจากระเบิดพลีชีพในอิรัค นี่เป็นสิ่งที่ผมจริงจังมาก การข่มขู่ต่อเด็กๆ--รวมถึงเด็กๆที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ
มันทำให้เลือดในกายผมเย็นเชียบ

ทักษิณคือศัตรู ไม่ใช่เด็ก อย่าไปยุ่งกับพวกเค้า
-------------

ไมเคิล ยอน (Michael Yon) เป็นเพื่อนของเรา อยากรู้จักเขามากขึ้นให้ไปอ่านได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Michael_Yon

ผมเห็นด้วยกับคุณไมเคิล ยอน นักข่าวชาวสหรัฐผู้มีประสบการณ์จากทั้งเป็นทหารในหน่วยรบพิเศษ และติดตามสงครามโหดมาแล้วในอีรัก และมาทำข่าวติดตามการโค่นล้มระบอบทักษิณ เราไม่ควรข่มขู่เด็กๆของตระกูลชินวัตร แม้เราจะมีความเกลียดชังพ่อแม่ของเขา หรือเกลียดระบอบทักษิณ

การดำเนินการโค่นล้มระบอบทักษิณที่ใช้สันติวิธี สู้อย่างสงบ และไม่ใช้อาวุธนั้น นับว่าได้เดินมาถูกทางแล้ว ระบอบทักษิณอ่อนกำลัง แพ้ในทุกด้าน เพราะเขาแตกต่างกับมวลมหาประชาชนผู้ต่อต้านระบอบทักษิณในเกือบจะทุกด้าน เรามุ่งสันติภาพ แต่เขากล้าใช้ความรุนแรง แม้กับประชาชนเจ้าของประเทศที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง

ทักษิณและบริวารกำลังเข้าตาจน เหมือนหมาจนตรอก เขาย่อมจะใช้วิธีการรุนแรงอย่างอำมหิตที่สุด พวกเขาใช้การก่อการร้าย (Terrorism) เพื่อหวังให้ฝ่ายต่อต้านหันมาใช้ความรุนแรง แล้วเขาก็จะใช้อำนาจจากรัฐตำรวจ ใช้ความรุนแรงในการปราบปราม เราต้องไม่หลงกลเขาในเรื่องนี้

ทางที่ดี เราสู้อย่างสันติ อย่างมียุทธศาสตร์ หาทางป้องกันเหตุร้ายให้รอบคอบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ลดละที่จะโค่นล้มระบอบทักษิณ แล้วในที่สุดหาคนกระทำผิดมาลงโทษ ไล่จากตัวใหญ่ไปยังผู้ลงมือก่อเหตุ ใช้กระบวนการทางกฎหมายอย่างที่อารยชนและอารยประเทศพึงกระทำ เมื่อเราสู้อย่างอารยะ ก็อย่าไปตอบโต้เขาด้วยความรุนแรง

ขอให้ยืดหลักคำสอนของหลวงปู่พุทธอิสระ “หากจะเอาชนะคนเสื้อแดง ก็ต้องเอาชนะใจเขา ไม่ใช่ไปทำร้ายตอบโต้เขา” ชัยชนะสูงสุดคือการทำให้คนที่แม้เคยเป็นศัตรูได้พบเห็นสัจธรรม ตาสว่าง มองเห็นและเดินร่วมไปบนเส้นทางสันติธรรมในที่สุด

Saturday, February 22, 2014

วันนี้ขอพูดถึงสอง TIME คนละทวีป แต่เป็นเรื่องเดียวกัน

วันนี้ขอพูดถึงสอง TIME คนละทวีป แต่เป็นเรื่องเดียวกัน

Keywords: สื่อสารมวลชน, journalism, ธาม เชื้อสถาปนศิริ, Time Chuastapanasiri, สรยุทธ สุทัศนะจินดา, hate speech, ระบอบทักษิณ, Thaksinocracy,
 

ภาพ นายธาม เชื้อสถาปนศิริ


ภาพ นายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการสื่อสาธารณะ ที่วิจารณ์การทำงานของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักจัดรายการข่าวที่มีคนติดตามมากที่สุด และถูกวิจารณ์มากที่สุด

วันนี้จะพูดถึงเรื่องสอง TIME โดย Time แรก คือ นายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) ซึ่งใช้ชื่อใน Facebook ว่า Time Chuastapanasiri เขียนวิจารณ์นาย “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักจัดรายการข่าวและผู้อ่านข่าวในรายการที่มีคนติดตามมากที่สุดในประเทศไทย มีคนชอบมาก และก็มีคนเกลียดอย่างมากๆ เพราะอะไร? ต้องอ่านข้อเขียนอย่างสั้นๆของ “ธาม” ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าคณะวิชาด้านสื่อสารมวลชนของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย เขาสอนลูกศิษย์ลูกหาให้ยืดหลักการอะไร 

เพราะตามความเข้าใจของผม สื่อสารมวลชนต้องแสวงหาความเป็นจริง (Truth) ที่สำคัญและเป็นสารประโยชน์แก่ประชาชน และนำมาตีแผ่ให้คนได้เข้าใจในทุกแง่มุมอย่างรอบด้าน สื่อมวลชนไม่จำเป็นต้องเข้าข้างทางการเมืองใดการเมืองหนึ่ง แต่สื่อฯต้องยืดหลักการแสวงหาความจริงอย่างมุ่งมั่นราวกับเป็นศาสนา โดยยืดประโยชน์ของสังคมและมนุษยโลกเป็นที่ตั้ง

TIME ที่สอง คือนิตยสาร TIME ที่เป็นนิตยสารรายสัปดาห์ที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลก ผมเองบอกรับมานานเป็นสิบๆปี ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันกำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจและโยงไปถึงจริยธรรมความเป็นสื่อสากลงที่ขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะขอพูดถึงในช่วงต่อไปครับ – ประกอบ คุปรัตน์ (23 กุมภาพันธ์ 2557)

Shutdown Corruption - ปิดคอรัปชั่น 

ขอบคุณ คุณธาม เชื้อสถาปนศิริ ค่ะ หลังคำชี้แจงของ นายสรยุทธ ถูกถ่ายทอดออกมาไม่กี่ชั่วโมง นายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Time Chuastapanasiri" โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "เหยื่อของนักเล่าข่าว?" พร้อมระบุเนื้อหาว่า

"เห็นนักเล่าข่าวท่านหนึ่งโอดครวญว่าเป็นเหยื่อความขัดแย้งทางการเมือง นับว่าน่าเห็นใจ แต่ต้องบอกว่าคุณเข้าใจผิดไปมาก คุณไม่ใช่เหยื่อทางการเมืองหรอก "สังคมต่างหาก ที่เป็นเหยื่อของคุณ" เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าสิบปี ข่าวสารที่คุณให้กับสังคมนั้น มันไม่ตรงไปตรงมา ไม่เป็นธรรม เจือปนด้วยความคิดเห็นสอดแทรก และทัศนคติของคุณ คุณเลือกเอาเฉพาะแต่สิ่งที่ตัวคุณเชื่อ คุณชอบ มากล่อมเกลาประชาชนให้หลงเชื่อหลงชอบ คุณใช้เทคนิคแพรวพราว กลวิธีการเล่าข่าวคุยข่าวให้น่าสนใจ สนุกสนานจนละเลยข้อเท็จจริงที่สำคัญ คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับเนื้อแท้สาระข่าวสารที่จำเป็นสำหรับประเทศ เอาแต่เล่นข่าวเร้าอารมณ์ ดราม่า และเล่นกับอารมณ์คนดูให้เสพติดข่าวสารแบบความบันเทิงไร้สาระ คุณใช้วิธีการสร้างความสำคัญให้อีกฝ่ายที่คุณชอบ และลดความสำคัญของอีกฝ่ายที่คุณเกลียด และใช้ข่าวสารบิดเบี้ยวเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำร้ายวิชาชีพข่าว ลองมองให้ดี ประชาชนต่างหากที่เป็นเหยื่อของความคิดเห็นทางการเมืองเอนเอียงอคติ และความไร้จริยธรรมในวิชาชีพของคุณ! คุณใช้ความนิยมชมชอบของผู้คนมาบิดเบือนข่าวสารด้วยกลวิธีการทางภาษาให้คนเชื่อในความลวง "ใช้ความชอบ สร้างความเชื่อ ให้คนชัง จนคุ้นชิน หลงคิดไปว่ามันคือความจริง !" เราต่างหากที่เป็นเหยื่อ ! (หรือไม่ อย่างไร ?)
----------------

ข้อมูลส่วนตัวของสรยุทธ

ข้อมูลส่วนตัวของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” จาก Wikipedia มีดังนี้

สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ของประเทศไทยมีชื่อเสียงในการสัมภาษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยนำข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์มาอ่านในรายการโทรทัศน์ หรือที่เรียกว่าเล่าข่าว (News Talk) ผลงานที่เป็นที่รู้จักได้แก่ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ คุยคุ้ยข่าว และ ถึงลูกถึงคน


แต่ในฐานะนักสื่อสารมวลชน สรยุทธได้ทำงานอย่างผิดหลักวิชาชีพอย่างไม่น่าให้อภัย โดยมีการเสนอข่าวอย่างบิดเบือน เสนอข่าวอย่างเพียงบางแง่มุมแต่ไม่เสนอในอีกด้านหนึ่ง มีการเสนอข่าวเพียงด้านเดียวหลายๆครั้งอย่างซ้ำซาก เท่ากับเป็นการตอกย้ำความเชื่อความเข้าใจของผู้ติดตามข่าวส่วนหนึ่ง กล่าวโดยไม่อ้อมค้อม สรยุทธเป็นคนสำคัญที่เสนอข่าวที่เหมือนเป็นการตอกย้ำสร้างความยืดมั่นในระบอบทักษิณ และก็ได้ประโยชน์ทางตรงและทางลับจากระบอบนี้

รู้จักหลวงปู่พุทธอิสระ ด้วยการอ่านสิ่งที่ท่านพูด ...

รู้จักหลวงปู่พุทธอิสระ ด้วยการอ่านสิ่งที่ท่านพูด ...


ภาพ หลวงปู่พุทธอิสระ ณ เวทีแจ้งวัฒนะ


หลวงปู่พุทธอิสระ (Buddha Isara) รับหน้าที่เป็นผู้นำกปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ คุมพื้นที่เมืองราชการ กว้างใหญ่มหาศาล ด้วยกำลังคนน้อยนิด เสี่ยงที่สุดต่อการถูกโจมตีจากอันธพาลเสื้อแดงและอำนาจมืดระบอบทักษิณที่มีอิทธิพลในท้องที่นั้น แต่หลวงปู่ก็ฟันฝ่าอุปสรรค รักษาขวัญของผู้คนที่มีคนแก่เฒ่าเสียเป็นส่วนมาก คนที่ติดตามและสนับสนุนกปปส.ที่ไปร่วมในเวทีอื่นๆ และคนทั่วไป ยากที่จะรู้จักหลวงปู่ นอกจากจะติดตามอ่านสิ่งที่ปรากฏเป็นข้อเขียน ซึ่งขอแนะนำให้ตามได้ใน Facebook ที่มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ช่วยกันทำให้ เผยแพร่ความคิดและการทำงานในภารกิจกวาดบ้านล้างเมืองให้สะอาดนี้ – ประกอบ คุปรัตน์ (23 กุมภาพันธ์ 2557)

ต่อไปนี้เป็นบทความที่เรียบเรียงจากคำเทศน์ของหลวงปู่พุทธอิสระ ณ เวทีแจ้งวัฒนะ
------------

ถึง คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมต.ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์


ฉันอาจไม่ประเสริฐ ดีเลิศพร้อมเหมือนดังพวกคุณ แต่ฉันก็ไม่เคยเผาบ้านเผาเมือง ไม่เคยสั่งฆ่าสั่งอุ้มทำร้ายใคร ไม่เคยปลุกระดมมวลชนให้เผาให้ฆ่า ให้ทำร้ายใคร ไม่เคยให้ร้ายต่อตระกูลวงศ์โคตรเหง้าบรรพบุรุษไทย ไม่เคยเนรคุณแผ่นดิน ไม่เคยคิดจะล้มล้างเจ้า ไม่เคยโกงเงินชาวสวนยาง ไม่เคยขโมยลิขสิทธิ์เพลงใคร ไม่เคยชวนใครให้ออกมาสู้เพื่อคนที่โกงชาติขายชาติ ไม่เคยยอมก้มหัวให้แก่พวกทรราชที่ปล้นชาติปล้นแผ่นดิน เอาเปรียบคนไทย ไม่เคยโกงแม้แต่คนยากจน เช่น ชาวนาที่ไว้วางใจพวกคุณ ฉันไม่เคยใช้ลูกน้องไปลอบทำร้ายทำลายใคร ไม่เคยชั่วขนาดที่คนทั้งชาติยอมรับไม่ได้

ฉันอาจจะดูไม่ดีในสายตาของพวกคุณ แต่ฉันก็ภูมิใจว่าเกิดมาชาตินี้ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยความภูมิใจโดยมิได้มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน ภูมิใจที่ได้มีโอกาสตอบแทนคุณแผ่นดิน ภูมิใจที่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินไทยโดยไม่มีใครสาปแช่ง ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกไทยหลานไทยโดยไม่มีใจเป็นทรราช ภูมิใจที่ได้ทำสิ่งที่ทำได้สำหรับผู้ต่ำต้อยอย่างฉัน แม้การกระทำนั้นมันจะทำให้ฉันดูไม่ดี ในสายตาของพวกคุณ แต่ฉันภูมิใจเป็นสุขใจในสิ่งที่ได้ทำ เพราะฉันถือว่า ฉันกำลังเก็บกวาดเช็ดถูบ้านไทยให้สะอาดเพื่อให้ลูกไทยหลานไทยได้อยู่บ้านอย่างสะอาดในวันข้างหน้า

และการที่ฉันเรียกค่าเสียหาย เสียโอกาส เสียเวลา ที่โรงแรม (S.D. Avenue Hotel เอสดี อเวนิว, ธุรกิจของทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว) ปฏิเสธการให้เข้าไปพักทั้งที่มีการจองห้องเอาไว้ถึง 10 ห้อง ฉันก็ใช้สิทธิตามกฎหมาย ที่ฉันพึงได้รับความคุ้มครอง แล้วพวกคุณจะมาเดือดร้อนอะไรด้วย ทีเรื่องความทุกข์ยากเดือดร้อนของชาวนา ที่พวกคุณเป็นต้นเหตุ ทำไมไม่ออกมาโวยวายเรียกร้อง ทวงถามความยุติธรรม ให้แก่พวกเขา ทั้งที่เขาก็เป็นผู้เลือกพวกคุณเข้ามา แล้วพวกคุณไปเกี่ยวข้องอะไรกับโรงแรมนี้ หรือเพราะเจ้านายคุณเป็นเจ้าของ จึงเดือดร้อน ช่างน่าอนาถใจเสียจริง

และฉันก็บอกคุณว่าหากฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้บ้านเมืองนี้สะอาด ปราศจากโรคร้าย ที่เอาเปรียบคนไทย ให้สิ้นไปจากแผ่นดิน แม้ฉันจะแลดูไม่ดีในสายตาพวกคุณ อันนี้ฉันก็พอเข้าใจได้เพราะเป็นธรรมดาที่ ขยะจะตำหนิด่าว่าไม้กวาด และผ้าเช็ดพื้น

ยังไงฉันก็ขอขอบใจ ที่คุณสนใจ ใส่ใจ ในภารกิจของฉัน แสดงว่าคุณไม่รังเกียจฉัน แต่ยังไงก็อยากจะเตือนให้พวกคุณรู้ตัวเอาไว้ว่า พวกเจ้านายคุณที่ชุบเลี้ยงพวกคุณ เขากำลังหาทางลง หากคุณยังทำเป็นกระเบื้องแตก แก้วแตก เมื่อเจ้านายคุณก้าวท้าวลง เศษกระเบื้องเศษแก้วแตก จะทิ่มตำตีนของเจ้านายคุณ เดี๋ยวพวกคุณจะโดนตีนเจ้านายคุณเขี่ยทิ้ง เหมือนที่เขาพยายามทำมาแล้ว พวกคุณลืมไปแล้วหรือ บอกให้ตรงๆ ก็ได้ว่า พวกเจ้านายคุณพยายามติดต่อฉันมาเพื่อขอพูดคุย หากพวกคุณยังทำตัวน่ารำคาญอยู่เช่นนี้ เจ้านายคุณอาจไม่พอใจก็ได้นะ เดี๋ยวจะอยู่ไม่รอด บอกมาด้วยความหวังดี มิได้ประสงค์ร้าย


พุทธะอิสระ
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗