Thursday, January 31, 2013

ผู้หลบหนีการต้องโทษ (Fugitives)


ผู้หลบหนีการต้องโทษ (Fugitives)

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia, the free encyclopedia

Keywords: กฎหมาย, กฎหมายอาญา, กฎหมายแพ่ง, fugitive, runaway, สมชาย คุณปลื้ม, วัฒนา อัศวเหม, และทักษิณ ชินวัตร, Thaksin Shinawatra


ภาพ นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ


ภาพ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตนักการเมือง ผู้หลบหนีการจับกุม


ภาพ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องโทษและหลบหนี

สมชาย คุณปลื้ม, วัฒนา อัศวเหม, และทักษิณ ชินวัตร มีสถานะทางกฎหมายเหมือนกัน คือเป็นผู้หลบหนีการควบคุม หนีโทษตามการตัดสินของศาล เรียกว่าเป็นพวก Fugitive หรือ runaway ในภาษาอังกฤษ

Fugitive หรือ Runaway คือบุคคลที่หลบหนีการควบคุมตัว (Custody) ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเยี่ยงทาส (Private slavery) การจับกุมของรัฐบาล (Government arrest) การติดตามตัวเพื่อสอบปากคำ (Non-government questioning), หรือความรุนแรงจากศาลเตี้ย (Vigilante violence) เหล่านี้ เขาเรียกว่าเป็น Fugitive
การหลบหนีกระบวนการยุติธรรม บุคคลนั้นอาจถูกขึ้นศาลด้วยถูกลงโทษกระทำผิด หรือถูกกล่าวหา หรือหลบเลี่ยงกฎหมาย โดยหลบหนีไปอยู่ประเทศอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมในประเทศของตนเอง

และด้วยการที่กระทำผิดในประเทศหนึ่ง แล้วหลบหนีไปอยู่ในประเทศอื่น จึงมีองค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งมีหน้าที่ติดตามผู้หลบหนีแบบข้ามพรมแดนได้ ในยุโรปมี Europol หรือตำรวจของสหภาพยุโรปที่มีหน้าที่ติดตามผู้หลบหนีในยุโรป ด้วยมีความร่วมมือในการค้นหา ในสหรัฐอเมริกาที่มีรัฐต่างๆมาร่วมกันกว่า 50 รัฐ ก็มีหน่วยงานกลาง คือ U.S. Marshals Service ที่มีหน้าที่ติดตามคนร้ายที่หลบหนีแบบข้ามรัฐได้ ไม่จำกัดว่าจะเป็นรัฐไหนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งนี้เป็นการมีอำนาจ ที่นอกจากจะมีหน่วยงานสอบสวนกลาง Federal Bureau of Investigation หรือ FBI ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว

ในทางกระบวนการศาล ผู้หลบหนีจะเสียสิทธิในการอุทธรณ์ หรือคำตัดสินที่มีเกี่ยวกับตน เพราะการหลบหนีถือเป็นการหมิ่นอำนาจศาล เมื่อเร็วๆนี้ ผู้หนีโทษข้อหาข่มขืน Andrew Luster ผู้หลบหนีการจับกุมเป็นเวลาถึง 6 ปี ได้ยืนขอสิทธิการต่อสู้คดี แต่ได้รับการปฏิเสธจากศาล ด้วยเหตุที่เขาได้หลบหนีไปนานถึง 6 ปี และการพิจารณาคดีได้กระทำไปแล้ว โดยไม่มีจำเลยเข้าร่วมในกระบวนการพิจารณา (Convict in Absentia) การหลบหนีไม่ยอมรับกระบวนการศาล ถือว่าหมิ่นศาล ทำให้ไม่มีสิทธิรับการลดหย่อนโทษ จะต่างจากคนที่เข้าสู่กระบวนการศาลตามปกติ ที่มีสิทธิรับการพิจารณาลดหย่อนโทษ

กบฏเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1932 (June Rebellion) ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส

กบฏเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1932 (June Rebellion) ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส


ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia, the free encyclopedia

Keywords: ประวัติศาสตร์, ฝรั่งเศส, การลุกฮือ, กบฏมิถุนายน, June Rebellion, uprising, Victor Hugo, Les Misérables 2012


ภาพยนตร์ Les Miserables ปี ค.ศ. 2012 มีฉากสงครามกลางเมือง ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1832

หากใครชมภาพยนตร์เรื่อง Les Misérables ตามบทประพันธ์นิยายของ Victor Hugo จะพบว่ามีฉากที่เกี่ยวกับการต่อสู้ในการก่อการกบฎของนักศึกษาและชาวปารีสในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1832

กบฏมิถุนายน หรือ “การลุกฮือในปารีสปี ค.ศ. 1832” เป็นการลุกฮือต่อต้านสถาบันกษัตริย์ (Anti-monarchist insurrection) ของฝ่ายนิยมสาธารณรัฐในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นำโดยชุมนุมนักศึกษา และเป็นการต่อสู้ขั้นรุนแรงใช้อาวุธในช่วงสั้นๆของวันที่ 5-6 ของเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1832 คนชมภาพยนตร์หรือละครเพลง Les Misérables อาจสับสนในฉากสงครามกลางเมือง อาจคิดว่าเป็นช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1789 แต่ไม่ใช่ มันเป็นฉากอันเกี่ยวกับกบฏนักศึกษา ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1832 หรือ 43 ปีให้หลัง

ฝ่ายกบฏผู้นิยมระบบสาธารณรัฐ (Republicans) ได้พยายามลุกขึ้นต่อต้านในช่วงปี ค.ศ. 1830 เป็นการต่อต้านฝ่ายกษัตริย์ของหลุยส์ ฟิลิปเป (Louis-Philippe) หลังการเสียชีวิตของหัวหน้าฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์ โดยประธานสภา (President of the Council), ชื่อ Casimir Pierre Périer นักการเมืองและรัฐบุรุษผู้สวามิภักดิ์ต่อสถาบันกษัตริย์ ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1832 นับเป็นการลุกฮือและใช้ความรุนแรงครั้งสุดท้ายที่เกี่ยวกับการปฏิวัติเดือนกรกฎาคม (July Revolution) และจบลงด้วยการต่อสู้โดยใช้อาวุธในวันที่ 5-6 มิถุนายน ค.ศ. 1932

กบฏเดือนมิถุนายน
June Rebellion
วันที่
Date
5-7 มิถุนายน ค.ศ. 1832
5–7 June 1832
สถานที่
Location
กรุงปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส
ผล
Result
ฝ่ายนิยมกษัตริย์ (Orléanist victory) ได้รับชัยชนะ, ฝ่ายกบฏถูกบดขยี้
ฝ่ายเข้าร่วมสงคราม
Belligerents
Description: France ฝ่ายนิยมกษัตริย์
July Monarchy
Description: Red flag.svg ฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ
Republicans
ผู้คุมกองทัพและผู้นำ
Commanders and leaders
Description: Red flag.svg แต่ละส่วนมีผู้นำของตน
Each section had its own leaders
ความแข็งแกร่ง
Strength
30,000 คน
3,000 คน
ความสูญเสีย
Casualties and losses
ตาย 73 คน, บาดเจ็บ 344 คน
ตาย 93 คน, บาดเจ็บ 291 คน

พรรคฝ่ายนิยมกษัตริย์ในยุคนั้นเรียกว่า Orléanists เป็นพรรคฝ่ายขวา และขวากลาง (Right-wing/center-right) ที่เกิดขึ้นหลักการปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) ในปี ค.ศ. 1789 ซึ่งมีการสังหารราชวงศ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และตามมาด้วยความรุนแรงและสับสนในสังคมฝรั่งเศส จึงได้เกิดการฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์อีกครั้ง โดยเรียกว่า July Monarchy ของกษัตริย์ Louis Philippe ซึ่งมองว่าเป็นการเปลี่ยนผ่าน โดยฝ่ายชนชั้นกลางและกลุ่มอนุรักษ์เข้ามามีอำนาจ ยึดแนวคิดที่เรียกว่า “ลัทธิออลินส์” (Orleanist Doctrine) ในทางเศรษฐกิจและนโยบายการต่างประเทศ ผู้นำของฝ่ายนี้รวมถึงนายกรัฐมนตรี François Guizot ซึ่งกลุ่มนี้ต้องลี้ภัยทางการเมือง หลังนโปเลียนที่สาม (Emperor Napoleon III) ได้ครองอำนาจ และกลุ่มต้องสลายลงเมื่อเกิดยุคสาธารณรัฐที่สามในปี ค.ศ. 1870

ทัศนะต่อการจับกุมกำนันเป๊าะ


‎ทัศนะต่อการจับกุมกำนันเป๊าะ

วัชรินทร์ สอนพูด

พื้นที่ข่าว และการกล่าวขานกันมาก ณ นาทีนี้ก็คงหนีไม่พ้นคดีของ "กำนันเป๊าะ" ที่บินเหนือเมฆมาตลอดเกือบ ๖ ปี ได้รูดม่านปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อย

การฉลองวันเกิดปีที่ ๗๒ Phone in กันครึกโครม : และวันเกิดปีที่ ๗๔ ที่ปรากฎตัวในบ้านใหญ่เมืองชล ด้วยตำรวจจะกลัวหรือกล้าๆกลัวๆอิทธิพลของเจ้าพ่อจึงไม่มีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์รายใดกล้าหาญแตะต้องผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก ที่มีบุตรชายเป็นถึงเสนาบดีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ ! กรรมก็ตามกรรม"

ผมเลยอดไม่ไม่ได้ที่จะโยงไปถึงวัฒนา อัศวเหม "เจ้าพ่อเมืองปากน้ำ" ที่มีอดีตที่ยิ่งใหญ่ในแวดวงการเมืองไทยอีกราย ซึ่งมีคดีทุจริตที่ดินคลองด่าน ที่ศาลมีคำพิพากษาเมื่อ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ ลงโทษจำคุก ๑๐ ปี นี่ก็เคยปรากฏตัวยิ่งใหญ่เมื่อ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่วัดเหมอัศวาราม เมืองลั่วหยาง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ควักเงินส่วนตัวถึง ๒๐๐ ล้านบาทเพื่อสร้างวัดนี้ ......

ครับทุกสิ่งในโลกย่อมเป็นไปตามกรรม (กมมุนา วตตี โลโก) ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) ทำไม ? และทำไม ? ถึงกล้าหาญขนาดนี้ บังอาจตบหน้าตำรวจทั้งเมืองชลที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนเดือนละหลายสิบล้านบาทบุกจับกุมสุดยอดเจ้าพ่อเมืองไทยชานมหาครกรุงเทพมหานครที่กำลังอยู่ในห้วงการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ หรือผบช.ก.ได้รับการบัญชาจากรองนายกเฉลิม อยู่บำรุง ก็หาทราบไม่ ทั้งที่ภาพลักษณ์ของตำรวจยุคนี้ก็มุ่งหวังสร้าง"รัฐตำรวจ"( State Police) และพฤติการณ์ทางสังคมที่มีความชัดเจนต่อการทำตนเป็นหนึ่งในเครื่องมือของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล จนมีวาทกรรมในปีที่แล้วที่ดังกึกก้องในใจผู้คนว่า "มีวันนี้เพราะพี่ให้"

เราๆท่านๆบนโลกออนไลน์ในเมืองไทยและทั่วโลก อยากจะเห็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่กล้าหาญทางจริธรรมและทีมกองปราบปรามที่เป็นอัศวินในหัวใจประชาชนเช่นนี้เต็มบ้านเต็มเมือง ขอให้ชาวFace ช่วยกัน Like หรือ Share เพื่อส่งกำลังใจให้ตำรวจไทยดีๆทำดีต่อไป

เพราะความดีไม่มีวันพ่ายแพ้

Wednesday, January 30, 2013

อาหารเพื่อการมีชีวิตรอด ที่ดีที่สุด 10 รายการที่หาซื้อได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต


อาหารเพื่อการมีชีวิตรอด ที่ดีที่สุด 10 รายการที่หาซื้อได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงจาก “10 Best Survival Foods At Your Local Supermarket.” Activist Post, Monday, October 1, 2012

Keywords: บรรเทาสาธารณภัย, disaster management, แผ่นดินไหว, earthquake, หิมะถล่ม, avalanche, หิมะตกหนัก, heavy snow, น้ำท่วม, flood, จลาจล, riot, สงครามกลางเมือง, civil war, ทอร์นาโด, tornado, เฮอริเคน, hurricane, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, supermarket, Survival Foods, กิจกรรมลูกเสือ, boy scouts, เนตรนารี, girl scouts, การฝึกทหาร, military training

ความนำ

ในโลกที่เราอยู่มีความไม่แน่นอนด้านดินฟ้าอากาศ เราอาจประสบภัยพิบัติ อันมาจากพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือการจลาจล หรือศึกสงคราม ที่ทำให้เกิดวิกฤติ ระดับขาดแคลนอาหารกันทั้งชุมชน ดังนั้นแต่ละบ้านจึงควรมีอาหารที่จำเป็นสำรองเอาไว้ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้สัก 3 วันเป็นอย่างน้อย
ภาพ สภาพอากาศที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆในสถานที่ๆมีอากาศหนาวจัด และหิมะตกหนัก ดังในรัฐเมน ฤดูหนาว
ภาพ น้ำท่วมใหญ่ในภาคกลาง และกรุงเทพฯบางส่วน ทำให้มีผู้คนอยู่ในสภาพขาดการติดต่อ ต้องมีอาหารสำรองไว้ใช้บริโภค
อาหารที่สำรองนี้ก็เป็นอาหารที่หาซื้อได้ง่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ของที่เขาแนะนำนี้ นับเป็นความจำเป็น และเป็นของที่ไม่แพง หาซื้อได้ง่ายทั่วไป และเราก็ใช้กันอยู่เป็นประจำ เป็นการหมุนเวียนนำมาใช้ได้อยู่แล้ว แต่คุณสมบัติสามารถจัดเก็บได้นานวัน และนำมาประกอบอาหารได้ง่าย ไม่ซับซ้อน นับว่าเป็นความจำเป็น
อาหารที่ควรเก็บสำรองเอาไว้ 10 รายการมีดังนี้

1.  ข้าว (Rice)

ข้าว (Rice) ในอเมริกามีขายอยู่ทั่วไป เขาบรรจุถุงขนาด 10 ปอนด์ ราคาประมาณ US$ 5 ข้าวที่มีขายนี้ เขาทำผ่านกระบวนการที่มีความชื้นต่ำ หากจัดเก็บอย่างถูกวิธี จะยังคงสภาพที่ดีได้ถึง 10 ปี
1 กิโลกรัม = 2.2 ปอนด์


ภาพ ข้าว ที่มีขายในตลาด แบบบรรจุสูญญากาศ เก็บได้นาน

2.  ถั่ว (Beans)

ถั่ว (Beans) นับเป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการมีชีวิตรอด เพราะมีโปรตีนสูง เมื่อมีการจัดเก็บในห่อที่มีความชื้นต่ำ จะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี ทั้งนี้ให้เก็บในที่เย็นและแห้ง โดยทั่วไปตามร้านเขาขายถั่วที่ขนาดถุง 4-5 ปอนด์ ส่วนถั่วนั้น จะเป็นถั่วดำ (Black beans), ถั่วแดง (Red beans), ถั่วพินโต (Pinto beans), ถั่วเลนทิล (Lentils) เหล่านี้ล้วนเป็นอาหารโปรตีนและอาหารพลังงานที่ใช้ประโยชน์ยามขัดสนได้อย่างดี


ภาพ ถั่วทุกชนิดเป็นแหล่งโปรตีนและพลังงานที่ดี


ภาพ ถั่วที่บรรจุถุง ที่มีขายในตลาด หากต้องการจัดเก็บ ต้องใส่ภาชนะที่ป้องกันอากาศภายนอก ที่จะทำให้อาหารอยู่ได้ไม่คงทน

3.  ข้าวโพดป่น (Cornmeal)

ข้าวโพดป่น (Cornmeal) เป็นข้าวโพดที่เขาป่น เตรียมไว้ทำอาหาร แต่ไม่ใช่แป้งข้าวโพด (Corn starch) ซึ่งเป็นลักษณะป่นจนละเอียด ข้าวโพดป่นนี้เขาจะใส่ถุงขนาด 5 ปอนด์ ราคาในตลาดประมาณ US$ 10-15 การจัดเก็บก็ทำอย่างเดียวกับพวกถั่ว แต่จะมีอายุคงสภาพและคุณภาพได้ระหว่าง 8 เดือน ถึง 2 ปี


ภาพ ข้าวโพดป่น (Cornmeal)

4.  น้ำมันหมู (Lard)

น้ำมันหมู ความจริงดูไม่เป็นอาหารที่ถูกสุขภาพสำหรับคนรักสุขภาพทั้งหลาย แล้วก็ดูจะไม่อร่อย น้ำมันหมูที่พูดุถึงนี้ เขาทำให้เป็นไขแข็ง (Hydrogenated lard) น้ำมันหมูนี้ จะสามารถเก็บรักษาไว้ได้ยาวนานกว่าน้ำมันพืชที่มีขายทั่วไป


ภาพ น้ำมันหมู ในรูปที่เป็นไขแข็ง (Hydrogenated lard) ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ ต้องเก็บในตู้เย็น


ภาพ น้ำมันหมู่ (Lard) ที่บรรจุในกระป๋อง สะดวกในการเก็บในห้องอุณหภูมิปกติ
 แต่เมื่อเปิดฝาแล้ว ต้องใช้ให้หมดภายในเวลา

เขาแนะนำให้เลือกซื้อขนาด 6 ปอนด์ ราคาประมาณ US $ 12 หากจัดเก็บให้ดี จะคงสภาพไว้ได้นานถึง 2-3 ปี

5.  เกลือ (Salt)

เกลือนี้ นับเป็นของจำเป็นที่สุด เพราะสามารถใช้เก็บพวกเนื้อสัตว์ ในยามที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตู้เย็นที่ต้องใช้ไฟฟ้าไม่ทำงาน เกลือสามารถนำมาช่วยเก็บรักษาอาหาร โดยทำเป็นเนื้อเค็ม หมูเค็ม ไก่เค็ม ปลาเค็ม ฯลฯ เกลือเป็นอาหารที่จะสามารถเก็บไว้ได้ตลอดไป ไม่มีวันเสื่อมอายุ ดังนั้นเมื่อมีการจ่ายตลาด ก็หาซื้อสำรองไว้สักหน่อย ไม่เป็นการเปลืองที่เก็บแต่อย่างใด


ภาพ เกลือ (Salt)

6.  ผักและผลไม้กระป๋อง (Canned Fruit & Vegetables)

ปกติเราจะแนะนำให้คนกินผักสด ผลไม้สด แต่เพื่อการสำรองยามขัดสน จึงให้มีการสำรองผลไม้และผักกระป๋อง (Canned Fruit & Vegetables) ซึ่งของพวกนี้สามารถเก็บไว้ได้นาน 5 ปีขึ้นไป อาหารพวกนี้เราไม่ได้ต้องให้เก็บกันยาวนานจนหมดอายุ หรือรอให้ใกล้เสียก่อน ทางที่ดีคือเรานำมันมาหมุนเวียนใช้ทำอาหาร แล้วไปซื้อของใหม่มาจัดเก็บเอาไว้ ให้มันทำหน้าที่เป็นอาหารสำรองยามขัดสน


ภาพ ผักและผลไม้ในรูปบรรจุกระป๋อง

7.  เนื้อกระป๋อง (Canned Meat)

อาหารประเภทเนื้อกระป๋องมีได้หลายแบบ เช่น พวกแฮม (Ham), ปลาทูน่า (Tuna), เนื้อกระป๋อง (corned beef) ไก่ตุ๋นกระป๋อง (Canned chicken) อาหารพวกนี้เป็นโปรตีนที่ใช้ได้ทันที สามารถจัดเก็บได้นาน 6-10 ปี ในบางสถานการณ์ การจะหาสัตว์หรือล่าสัตว์ในป่ามาทำอาหาร ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆในบางสถานที่


ภาพ ปลากระป๋อง (Canned sardine)


ภาพ ปลาทูน่ากระป๋อง (Canned tuna)


ภาพ เนื้อกระป๋อง (Corned beef) เมืองไทยไม่ค่อยมีกินกัน แต่ในอเมริกา มีเนื้อกระป๋อง นำเข้าจากอเมริกาใต้มากมาย

ภาพ แฮมกระป๋อง (Canned ham)

8.  น้ำตาล (Sugar)

น้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลทรายแดงมีประโยชน์ยามขัดสน เพราะเป็นตัวปรุงรสทำให้อาหารมีรสชาติดี และให้พลังงานได้ ในด้านการจัดเก็บ หากมีภาชนะบรรจุที่ดี ในสภาพอุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไป และไม่ชื้นมาก ก็จะเป็นอาหารที่เก็บไว้ได้นาน


ภาพ น้ำตาลบรรจุในถุง สามารถเก็บไว้ได้นาน หากไม่ให้อยู่ในที่ชื้น และปลอดจากแมลง

9.  พาสต้า (Pasta)

พาสต้า (Pasta) อาหารพวกแป้งที่ทำเป็นเส้น ไม่ว่าจะเป็นเส้นกลม เส้นแบน เส้นเล็ก หรือเส้นใหญ่ และรวมถึงพวกบะหมี่สำเร็จรูป เส้นก๋วยเตี๋ยวแบบจีนแบบสำเร็จรูป ของพวกนี้มีประโยชน์ตรงที่ปรุงเป็นอาหารได้ง่าย แต่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ เมื่อเทียบกับพวกข้าวสาร เมล็ดถั่ว หรือข้าวโพดป่น แต่การมีไว้บ้างจะเป็นความสะดวก เมือจะต้องนำไปทำเป็นอาหารที่ทำได้เร็ว


ภาพ พาสต้า (Pasta) อาหารพวกเส้น

10.  เนยถั่ว (Peanut Butter)

เนยถั่ว (Peanut Butter) เป็นอาหารที่เยี่ยมยอด เพราะเป็นแหล่งโปรตีน ไขมัน และแคลอรี่ แถมยังมีรสชาติดี สามารถทำเป็นอาหารได้สะดวก เนยถั่วที่เขาบรรจุขวดจะสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน 5 ปี ของเหล่านี้สามารถสำรองจัดเก็บไว้ได้ ไม่เปลืองที่ และสามารถนำมาหมุนเวียนใช้ได้ตลอดเวลา

ภาพ เนยถั่ว (Peanut Butter) ที่ทำจากถั่วลิสง


ภาพ เนยถั่ว (Peanut Butter) ตรา Peter Pan


ภาพ เนยถั่ว (Peanut Butter) ที่ทำจากถั่วลิสง

วิธีการเก็บ

ส่วนของทั้งหลายที่ได้ซื้อมาจัดเก็บสำรองนี้ เขาแนะนำให้ติดป้ายบอกวันที่เริ่มจัดเก็บ เอาไว้ จะได้รู้การบริหารจัดเก็บ และนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่ต้องเสียของ

การจัดเก็บอาหาร โดยใส่ภาชนะที่มีฝาปิด เช่นกระป๋อง ขวดโหล ปี๊ปที่มีฝาปิด แล้วใส่ “น้ำแข็งแห้ง” (Dried ice) ช่วยรักษาคุณภาพอาหาร


ภาพ น้ำแข็งแห้ง (Dried ice)

 น้ำแข็งแห้งจะเป็นตัวป้องกันพวกแมลงที่เข้ามากินอาหาร เช่น พวกเมล็ดธัญพืช ข้าว ถั่ว เพราะเป็นการไปไล่พื้นที่ของออกซิเจน แล้วมีคาร์บอนไดออกไซด์แทนที่ ในขณะเดียวกัน มันทำหน้าที่ป้องกันให้อาหารพวกที่มีน้ำมันหรือไขมัน ทำให้ไม่เหม็นหืน (Rancid)

เนยแข็งโกด้า (Wheels of Gouda) อันมีชื่อเสียงของเนเธอร์แลนด์


เนยแข็งโกด้า (Wheels of Gouda) อันมีชื่อเสียงของเนเธอร์แลนด์

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia และอื่นๆ
Keywords: อาหาร, food, dairy products, cheese, เนยแข็งโกด้า, Gouda, เนเธอร์แลนด์, Netherlands,

Gouda (Description: Listeni/ˈɡdə/[1] or Description: Listeni/ˈɡdə/;[2]Dutch: [ˈɣʌu̯.da] (Description: http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/21/Speaker_Icon.svg/13px-Speaker_Icon.svg.png listen); Dutch: Goudse kaas[ˈɣʌu̯t.sə ˈkaːs] "เนยแข็งจากเมือง Gouda")

เนยแข็งโกด้า (Wheels of Gouda) เป็นชื่อเนยแข็งสีเหลืองของชาวดัช ทำมาจากนมวัว (Cow's milk)
เนยแข็งนี้ตั้งชื่อตามเมืองโกด้า (Gouda) ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ต้นกำเนิดของการผลิต ชื่อนี้ไม่ได้รับการปกป้อง เป็นการเรียกชื่อตามเนยแบบนี้ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ปัจจุบันเนยแข็งโกด้า เป็นชื่อที่เรียกเนยแข็งที่ผลิตมาคล้ายๆกัน ไม่ว่าจะผลิตจากประเทศใด หรือเมืองใด


ภาพ เนยแข็งโกด้า (Gouda Cheese)


ภาพ เนายแข็งโกด้า (Gouda Cheese) ที่มีการวางขายกันในตลาดกลางแจ้ง

ส่วนขนาดและน้ำหนักเมื่อเป็นผลผลิตสำเร็จ ก็จะมีความแตกต่างกันตามกระบวนการ และแม่แบบในการผลิต ซึ่งก็ต้องมีการชั่งขายกัน

ประวัติความเป็นมา
History

ในประเทศเนเธอร์แลนด์นี้มีการกล่าวถึงการผลิตเนยแข็งโกด้ากันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1184 ซึ่งนับว่านานที่สุดเท่าที่มีการบันทึกประวัติศาสตร์ของเนยแข็งจนถึงปัจจุบัน

เนยแข็งโกด้านี้ได้ชื่อมา มิใช่เพราะผลิตที่นี่ Dutch city of Gouda หรือเมืองใกล้เคียง แต่เพราะโดยประวัติศาสตร์แล้วมันมีการซื้อขายกันที่เมืองนี้ เมืองโกด้า (Gouda) เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในการซื้อขายเนยแข็งที่มีชื่อเสียงนี้

ในยุคกลางของยุโรป (Middle Ages) บรรดาเมืองต่างๆของชาวดัชสามารถขอสิทธิจากเจ้าผู้ปกครองที่จะได้สิทธิผูกขาดการซื้อขายสินค้าบางชนิด ในเขตต่างๆของฮอลแลนด์ (County of Holland) เมืองโกด้าได้สิทธิขาดในการมีตลาดผลิตผลที่ชาวนาสามารถนำเนยแข็งมาขายได้ และที่นี่เท่านั้นที่เนยแข็งทั้งหมดจะมีการมาวางขายในตลาดที่เป็นรูปจัตุรัส (Market square)

ที่ตลาด จะมีพนักงานเข็นรถเข็น (Barrow) ที่บรรทุกเนยแข็งออกมาขาย ซึ่งโดยทั่วไปจะบรรทุกครั้งละ 160 กิโลกรัม แล้วคนซื้อ ก็จะเลือกชิมเนยแข็ง แล้วต่อรองราคา โดยมีประเพณีที่เรียกว่า handjeklap  ฝ่ายคนซื้อและคนขายจะปรบมือแล้วขานราคา และเมื่อได้ราคาตามที่ตกลงกันแล้ว พนักงานเข็นจะเข็นเนยไปชั่ง นับการขายได้ถือว่าจบลง จนถึงปัจจุบันนี้ชาวนาโดยรอบของภูมิภาค ยังมาออกันที่เมืองโกด้าทุกเช้าวันพฤหัสบดีระหว่างเวลา 10:00 น. ถึงเวลา 12:30 น. ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม ที่จะมีการชั่งเนยแข็ง มีการชิมกัน และกำหนดราคา

ปัจจุบัน เนยแข็งของโกด้าจะผลิตด้วยวิธีการอุตสาหกรรม แต่ยังมีเกษตรกรชาวดัชที่ยังใช้กระบวนการผลิตตามประเพณีดั่งเดิม ที่ใช้นมที่ไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ (unpasteurized milk) ในทุกวันนี้ ภรรยาของชาวนาจะสอนวิธีการทำเนยแบบดั่งเดิมนี้ แล้วส่งต่อวิธีการนี้ไปยังลูกสาวของเขาต่อไป

กระบวนการผลิต
Process

เนยแข็งโกด้า จะอธิบายได้ดีที่สุดด้วยกระบวนการผลิต มากกว่าจะจำแนกตามประเภท โดยสำคัญที่สุด คือระยะเวลาในการบ่ม เนยแข็งชนิดนี้ทำจาก นมเปรี้ยว (Cultured milk) ที่จะร้อนขึ้น จนกระทั่งแยก “ลิ่มนม” ที่มีลักษณะคล้ายเต้าหู้ (Curds) ออกจากส่วนที่เป็นหางนม (Whey) ส่วนของหางนมนี้จะถูกแยกออก แล้วเติมน้ำเพื่อล้างลิ่มนม กระบวนการนี้เรียกว่าล้างลิ่ม (Washing the curd) ทำให้ได้เนยที่หวาน เพราะการล้างจะทำให้ชะกรดแลคติค (Lactic acid) อันเป็นตัวทำให้ได้รสเปรี้ยวออกไป จากปริมาณนม 100 ส่วน จะได้ส่วนที่เป็นลิ่ม 10 ส่วน ที่จะถูกนำเข้าแม่พิมพ์ (Molds) ที่ปล่อยทิ้งไว้หลายชั่วโมง จนเนยมีลักษณะเป็นมวลสารที่แน่นขึ้น และแม่พิมพ์ที่มีลักษณะทรงกลมเหมือนล้อนี้เป็นเบื้องหลังของรูปร่างของเนยแข็งโกด้า เนยแข็งนี้จะถูกแช่ในน้ำเกลือ (Brine solution) ทำให้เนยนี้มีรสชาติที่มีลักษณะเฉพาะ

ภาพ เนยแข็งโกด้า (Gouda) ที่วางขายในตลาด

ในก้อนเนยกลมนี้ เขาจะปล่อยให้เนยแข็งได้แห้งสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะเคลือบด้วยสีเหลือง เพื่อป้องกันการแห้งเพิ่มขึ้นอีก หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงของการบ่ม (Aged) จากการที่เนยเป็นกึ่งแข็งเป็นแข็ง (Semi-hard to hard) ชาวดัชมีการแบ่งเกรดของเนยแข็งนี้ตามระยะเวลาของการบ่ม

Jonge kaas (4 สัปดาห์)
Jong belegen (8-10 สัปดาห์)
Belegen (16-18 สัปดาห์)
Extra belegen (7-8 เดือน)
Oude kaas (10-12 เดือน)
Overjarige kaas (18 เดือน และนานกว่า)

ตามระยะเวลาของการบ่ม เนยแข็งจะพัฒนาเป็นคาราเมลที่หวาน (Caramel sweetness) และมีส่วนที่เป็นความกรอบเล็กน้อย (Slight crunchiness) อันเป็นผลมาจากสิ่งที่คล้ายเกลือ คือ calcium lactate หรือเกร็ดไทโรซีน (tyrosine crystals) เนยยิ่งเก่า ก็จะมีรสชาติและกลิ่นที่เปลี่ยนไป

เนยแข็งโกด้าที่อายุน้อย จะใช้ประกอบอาหารทำแซนด์วิช โดยจะทำเป็นแบบเย็นหรือจะทำร้อนให้เนยแข็งละลายก็ได้ ในประเทศเนเธอร์แลนด เขาจะกินเนยแข็งโกด้าที่อายุยบ่มน้อยนี้เป็นของว่าง โดยกินกับมัสตาร์ดแบบดัช (Dutch mustard) แล้วบางทีหยอดด้วยน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมแอปเปิล (Apple syrup) สำหรับเนยแข็งมีอายุ จะกินเป็นเครื่องแกล้มกับเบียร์จืด (Pale beer) เช่น Tripels, Dubbel,Trappist, Oud bruin และ Witbier

การปกป้อง
Protection

เนยแข็งโกด้านี้ ชื่อ “โกด้า” ไม่ได้มีการรักษาสิทธิของดัชเอาไว้ ไม่เหมือนแชมเปญ (Champagne) ของฝรั่งเศส ที่คนอื่นเอาชื่อแชมเปญไปใช้ไม่ได้ ยกเว้นเนย ชื่อ Noord-Hollandse Gouda" และ "Boerenkaas” ที่ได้รับการปกป้องโดยสหภาพยุโรปตามภูมิประเทศ โดยเนยแข็งสองรายการนี้ที่จะต้องเป็นผลิตผลที่ผลิตตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ และเป็นผลิตผลจากวัวนมของดัช (Dutch cows) เท่านั้น

การอ้างอิง
References

1.    ^ Oxford English Dictionary, Second Edition. 1989.
3.    ^ "European commission confirms protection for Gouda Holland". DutchNews.NL. 7 October 2010. Retrieved October 7, 2010.
4.    ^ Website der CMA [[[:Template:WBA]] Geschichte des Käses]
5.    ^ Alkmaar cheese market - Cheese Bargaining. kaasmarkt.nl; VVV, NL.
6.    ^ Gouda Cheese Market event information. Stichting Goudse Kaas foundation, 2010.
7.    ^ McGee, Harold (2004). On Food and Cooking. Scribner. p. 63. ISBN 978-0-684-80001-1.
8.    ^ "Kwaliteit Goudse kaas brokkelt af" (in Dutch). Nieuwsblad.be (Brussels). Retrieved 2007-12-11.
9.    ^ "Noord-Hollandse Gouda". Agriculture Quality Policy. European Commission. Archived fromNoord-Hollandse the original on 2008-03-03. Retrieved 2007-12-11.

Tuesday, January 29, 2013

Toyota ได้กลับเป็นบริษัทที่ขายรถยนต์ได้มากคันที่สุดในโลก


Toyota ได้กลับเป็นบริษัทที่ขายรถยนต์ได้มากคันที่สุดในโลก

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia และอื่นๆ

Keywords: การขนส่ง, การเดินทาง, transportation, ยานพาหนะ, vehicle, รถยนต์, cars, Toyota, GM สหรัฐ, Volkswagen เยอรมนี, Toyota ญี่ปุ่น, Hyundai Motor เกาหลีใต้, Ford สหรัฐ, Nissan ญี่ปุ่น, PSA ฝรั่งเศส, Honda ญี่ปุ่น, Renault ฝรั่งเศส, Suzuki ญี่ปุ่น, Fiat อิตาลี, Chrysler สหรัฐ, BMW เยอรมนี, Daimler AG เยอรมนี, Mazda ญี่ปุ่น, Mitsubishi ญี่ปุ่น, Dongfeng Motor จีน, Tata อินเดีย, Geely จีน, Beijing Automotive จีน, Chang'an Automobile จีน, Saipa อิหร่าน, Chery จีน, AvtoVAZ รัสเซีย, FAWจีน, Fuji ญี่ปุ่น, Great Wall จีน

ข่าว “Toyota reclaims global auto sales crown” NEW YORK (CNNMoney), โดย Chris Isidore @CNNMoney January 28, 2013: 11:33 AM ET

Toyota กลับมาเป็นอันดับหนึ่ง

เมื่อผลประกอบการของปี ค.ศ. 2012 ประกาศออกมา Toyota บริษัทผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้ขึ้นมาเป็นบริษัทที่มียอดขายรถยนต์มากที่สุดในโลก โดยเลยหน้าบริษัท General Motors ของอเมริกา และ Volkswagen ของเยอรมัน

จากการประกาศของ Fortune 500 บริษัท General Motors มียอดขาย 9.29  ล้านคัน Toyota มียอดขาย 9.75 ล้านคัน และบริษัท Volkswagen Group (VLKAY) มาเป็นอันดับสาม โดยมียอดขาย 9.09  ล้านคัน

บริษัท Toyota ซึ่งถูกปัญหารถยนต์ถูกเรียกกลับในปี ค.ศ. 2011 และผลจากแผ่นดินไหวและสึนามิ แต่ในปี ค.ศ. 2012 การขายได้ดีดตัวกลับขึ้นมาร้อยละ 35

เฉพาะตลาดในสหรัฐ อันดับหนึ่งเป็นของ GM ผู้เป็นเจ้าบ้าน และตามด้วย Ford เป็นอันดับสอง ส่วน Toyota มาเป็นอันดับสาม

ภาพ Toyota บริษัทผู้ผลิตรถยนต์มากที่สุดอันดับ 1 ในปี ค.ศ. 2012
  

ภาพ สัญลักษณ์ของ GM ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกา และเป็นอันดับสองในโลก


ภาพ ตราสัญลักษณ์ของ Volkswagen - VW บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดของเยอรมัน และเป็นอันดับที่ 3 ของโลก

ทั้งสามบริษัทนี้มีปริมาณการผลิตรถยนต์ออกสู่ตลาดมากในอัตราไม่ห่างกันมากนัก และในอนาคต ขึ้นภูมิภาคที่กำลังเติบโตได้ ดังในเอเซีย จีน อินเดีย เอเซียตะวันออกเฉียงใต้

ข้อน่าสังเกตคือบริษัท Hyundai ของเกาหลีกำลังตามมาติดๆ ที่ 6.6 ล้านคันต่อปี

ส่วนบริษัทของจีนมีมากบริษัท แต่โดยรวมจีนคือประเทศผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่สุดของโลก และกำลังเติบโตต่อไปมากที่สุด และยิ่งกว่านั้นคือ ความสามารถในการร่วมทุน การมียุทธศาสตร์หุ้นส่วนกับประเทสอื่นๆ ดังในยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ข้อมูลรถยนต์ที่ผลิตในปี ค.ศ. 2010 จำแนกตามบริษัท


อยู่กับยุทธศาสตร์ของแต่ละบริษัท เพราะเขาสามารถเปิดตลาดผลิตใน
โดยนับจนถึงวันสิ้นสุดปี เป็นข้อมูลจากองค์การผู้ผลิตรถยนต์นานาชาติ (International Organization of Motor Vehicle Manufacturers - OICA) ข้อมูลนี้ยังไม่ได้สะท้อนถึงการควบรวมบริษัท

ลำดับที่
บริษัท
จำนวนรถที่ขาย
ในปี
2010
1.     
GM
สหรัฐ
9,146,340
2.     
Volkswagen
เยอรมนี
8,157,058
3.     
Toyota
ญี่ปุ่น
8,050,181
4.     
Hyundai Motor
เกาหลีใต้
6,616,858
5.     
Ford
สหรัฐ
4,873,450
6.     
Nissan
ญี่ปุ่น
4,631,673
7.     
PSA
ฝรั่งเศส
3,582,410
8.     
Honda
ญี่ปุ่น
2,909,016
9.     
Renault
ฝรั่งเศส
2,825,089
10.  
Suzuki
ญี่ปุ่น
2,725,899
11.  
Fiat
อิตาลี
2,399,825
12.  
Chrysler
สหรัฐ
2,004,514
13.  
BMW
เยอรมนี
1,738,160
14.  
Daimler AG
เยอรมนี
1,528,008
15.  
Mazda
ญี่ปุ่น
1,165,591
16.  
Mitsubishi
ญี่ปุ่น
1,140,282
17.  
Dongfeng Motor
จีน
(1,095,065) - Under review, see note.
18.  
Tata
อินเดีย
1,061,229
19.  
Geely
จีน
(902,824) - Under review, see note.
20.  
Beijing Automotive
จีน
(689,635) - Under review, see note.
21.  
Chang'an Automobile
จีน
(681,719) - Under review, see note.
22.  
Saipa
อิหร่าน
669,538
23.  
Chery
จีน
(637,423) - Under review, see note.
24.  
AvtoVAZ
รัสเซีย
635,860
25.  
FAW
จีน
(621,271) - Under review, see note.
26.  
Fuji
ญี่ปุ่น
580,261
27.  
Great Wall
จีน
(486,562) - Under review, see note.

จำนวนยานพาหนะที่ผลิตในปี ค.ศ. 2010 จำแนกตามประเภทยานพาหนะ
นับจนถึงวันสิ้นปี

ทั้งหมด
Total
78,799,483
รถยนต์
Cars
61,703,020
ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ขนาดเบา
Light Commercial Vehicles
13,637,299
ยานพาหนะหนัก
Heavy Commercial Vehicles
3,111,908
รถโดยสารขนาดใหญ่
Heavy Buses
347,256