Tuesday, July 28, 2015

สุภาษิตเยอรมัน – หาเข็มในกองฟาง

สุภาษิตเยอรมัน – หาเข็มในกองฟาง

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สุภาษิตเยอรมัน, German proverbs, การจัดการ, Management, เข็ม, needle, กองฟาง, กองหญ้าแห้ง, haystack, งานก่อสร้าง, construction,

 Updated: Tuesday, July 22, 2015

มีสุภาษิตเยอรมันบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “Eine Stecknadel im Heuhaufen suchen.” ตรงกับในภาษาอังกฤษว่า “Looking for a needle in a haystack.” หรือ การหาเข็มในกองฟาง ซึ่งเป็นเรื่องที่แสนยาก ในกองฟางที่ใหญ่ เราพกเข็มไปตกอยู่ในกองฟาง ก็เหมือนความยากที่จะค้นพบเข็มได้


ภาพ งานก่อสร้างอาคารอย่างเร่งรีบในประเทศบังคลาเทศ ที่ทำให้เกิดปัญหาอาคารถล่ม


ภาพ งานสร้างถนนในประเทศไนจีเรีย สร้างเสร็จใหม่ๆก็เกิดหลุมบ่อ


ภาพ งานก่อสร้างในประเทศจีน ทีทำให้เกิดอาคารถล่ม


ภาพ งานสร้างเขื่อนและถนนในประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำให้เกิดทะเลสาปน้ำจืดขนาดใหญ่ ยาวกว่า 30 กิโลเมตร ต้องมีความประณีตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ

คนโบราณเตือนเอาไว้ว่าในสถานการณ์บางอย่าง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ก็เป็นการยากที่จะค้นหาสาเหตุ หรือวิธีการที่จะแก้ไขก็จะยุ่งยาก ทางที่ดีต้องหาทางไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนั้นได้

ตัวอย่างเช่น งานก่อสร้างไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ เราต้องการงานสร้างที่ตรงไปตรงมาตามหลักวิชา หากเราปล่อยให้กระบวนการเลยช่วงที่จะตรวจสอบได้อย่างสะดวก การติดตามตรวจสอบในภายหลัง แม้กระทำได้ แต่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ขั้นตอนของการก่อสร้างที่ดี คือ เริ่มตั้งแต่การเลือกสถาปนิกนักออกแบบที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานอย่างรับผิดชอบ ได้ฝ่ายวิศวกรที่ต้องคำนวณการใช้วัสดุ โครงสร้าง และเทคโนโลยีที่เหมาะสม และปลอดภัย ในด้านการได้ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ดีก็สำคัญ เราได้คนรับงานที่มีความรับผิดชอบ มีผลงานที่ดี แม้ค่าก่อสร้างจะสูงกว่ารายอื่นๆบ้าง แต่เขามีประวัติความรับผิดชอบในงานที่ทำ เขามีส่วนกำไรพอที่จะไม่มาเสี่ยงทุจริต

ในด้านวิศวกรผู้ควบคุมงาน ต้องแยกออกจากผู้รับทำงานก่อสร้าง วิศวกรตรวจงานต้องรายงานต่อเจ้าของโครงการโดยตรง หากพบว่ามีความบกพร่องใดๆ เริ่มตั้งแต่ฐานราก ต้องแจ้งให้ผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการรับทราบ เพื่อการแก้ไขให้ถูกต้องทันที หากปล่อยให้เลยขั้นตอนที่เหมาะสมไปแล้ว แม้งานจะเสร็จและดูไม่มีอะไรบกพร่อง แต่เมื่อก็เสี่ยงที่จะเกิดปัญหา แบะเมื่อเกิดปัญหาและต้องสอบหาสาเหตุ ก็เป็นเรื่องยุ่งยากมากที่จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในอีกด้านหนึ่งเรื่องการบริหารความปลอดภัย ต้องมีระบบเตือนภัย และป้องกันไม่ให้คนหลงเข้าไปในป่า หรือ ทะเลทราย เพราะเมื่อหลงเข้าไปแล้ว การจะติดตามค้นหานั้นต้องใช้กำลังคนและทำการในช่วงเวลาที่จำกัดด้วยความเป็นความตาย

ทางที่ดี ต้องระลึกถึงเสมอ ต้องป้องกันอย่าให้เกิดสถานการณ์ “หาเข็มในกองฟาง”

วิดิโอ ปัญหางานก่อสร้างที่ขาดมาตรฐานในประเทศจีน https://www.youtube.com/watch?v=QRqrgxU_I98 

Thursday, July 23, 2015

Federal DRIVE Act ภาษีจากรัฐบาลกลางที่เก็บจากรถยนต์ รวมรถยนต์ไฟฟ้า


ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สหรัฐอเมริกา, The United States, USA, การขนส่ง, Transportation, ภาษี, tax, Federal DRIVE Act

เก็บความจากข่าว “Federal DRIVE Act would charge EV drivers a new fee.” โดย Danny King, Autoblog, Jul 23rd 2015 at 1:58PM


ภาพ ทาง Interstates ทางหลวงด่วนชั้นหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา ได้รับการสนับสนุนโดยอ้อม ทำให้คนอเมริกันพึ่งพาการใช้รถนต์ส่วนตัวมากเกินไป


ภาพ รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ดังในภาพ ในอนาคตก็ต้องเสียภาษีการใช้ทางด้วย

รัฐบาลกลางสหรัฐกำลังหาทางเก็บภาษีจากผู้ใช้ถนนทุกราย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาถนนหลวงสายต่างๆ ของรัฐบาลกลาง รวมถึงถนน Inter-State Highways

รัฐสภาสหรัฐกำลังเตรียมออกกฎหมาย เรียกว่า DRIVE Act ซึ่งจะต้องรวมถึงให้เจ้าของยานพาหนะ รวมรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles – Evs) ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม กฎหมายนี้มีความหนา 1030 หน้า

รัฐบาลกลางกำลังเตรียมจัดหางบประมาณเพื่อรองรับอนาคตของทางหลวง ซึ่งกองทุนเพื่อดูแลทางเหล่านี้กำลังจะหมดไปในปีงบประมาณนี้ ฝ่ายวุฒิสมาชิกผู้ออกกฎหมาย กำลังผลักดันโครงสร้างภาษีผู้ใช้ถนน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แม้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ก็ต้องรับผิดชอบต่อค่าบำรุงรักษาทางหลวงนี้ เงินที่ได้จากภาษีนี้คาดว่าจะใช้เพื่อการซ่อมแซมถนนในช่วง 6 ปีข้างหน้า

สิ่งที่เขาต้องคิดกัน คือ ในอนาคต คนจะหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือพลังงานทางเลือกอื่นๆที่ไม่ใช่น้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียภาษีน้ำมัน คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่เก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้า เงินรายได้ของรัฐบาลกลางก็จะหายไปร้อยละ 20 หรือมากกว่า ภาษีที่จะจัดเก็บจากเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้านี้ในรัฐวอชิงตันได้เก็บภาษีนำร่องไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012เป็นปีละ USD100 หรือประมาร 3,400 บาท/ต่อคัน ซึ่งเป็นการเก็บรถยนต์ที่ตีทะเบียนภายในรัฐเอง ส่วนรัฐบาลกลางเองที่รับผิดชอบถนนระหว่างรัฐ (Inter-State Highways) ก็ต้องมีการจัดเก็บภาษีการใช้รถยนต์เพื่อรองรับถนนเหล่านี้

ภาษีที่เพิ่มมากขึ้นนี้นับว่าไม่ใช่วิถีปฏิบัติของอเมริกัน ที่คุ้นเคยกับภาษีน้ำมันปิโตรเลียมต่ำ ภาษีการใช้ถนนหลวงต่ำ เพราะได้รับการอุดหนุนจากรัฐจนเคย และเป็นเหตุที่ทำให้การขนส่งระบบรางที่เอกชนต้องดูแลระบบรางของตนเอง จึงไม่ก้าวหน้าเหมือนในยุโรป ที่เขาเก็บภาษีน้ำมันและการใช้ถนนสูง แล้วนำเงินรายได้ไปสนับสนุนการขนส่งสาธารณะระบบราง คนในยุโรปจึงใช้รถยนต์น้อยกว่า และคันเล็กกว่า และหากไม่จำเป็นเขาก็ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว แต่ไปเช่าใช้รถเป็นเฉพาะกิจเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น


ภาพ อเมริกากำลังให้ความสนใจการสร้างการขนส่งระบบรางที่ทันสมัยความเร็วสุงมากขึ้น โดยมีการไปดูงานในประเทศอื่นๆ


ภาพ การขนส่งระบบรางความเร็วสูง (High Speed Rail System) ในสหรัฐอเมริกา ยังไม่พัฒนา เพราะระบบภาษีไปเกื้อหนุนให้คนใช้ระบบชนส่งส่วนตัว คือ รถยนต์มากเกินไป

ข้อมูลพื้นฐาน

สถิติจากสำนักสถิติยานพาหนะของสหรัฐ ในปี ค.ศ. 2012 มียานพาหนะ (Vehicles) 254,639,386 คัน 183,171,882 คันเป็นพวกยานพาหนะขนาดเบา (Short wheel base) เช่น รถยนต์นั่ง รถบรรทุกเล็ก 50,588,676 คันเป็นรถใช้งานเบาแบบช่วงล้อยาว (Long wheel base) อีก 8,190,286 คันเป็นรถใช้เพลา 2 แกน และใช้ 6 ล้อหรือมากกว่า ส่วนอีก 2,469,094 คัน เป็นรถบรรทุกหรือรถลากตู้ Containers (Truck, combination) 8,454,939 คันเป็นจักรยานยนต์ และอีก 764,509 คัน เป็นรถโดยสาร (Buses) ส่วนจักรยาน (Bicycles) ไม่ต้องจดทะเบียน ไม่ต้องเสียภาษี


ในปี ค.ศ.2014 สหรัฐอเมริกามีประชากร 318.9 ล้านคน จากแนวโน้มการมีระเบียบสังคมใหม่ ชาวอเมริกันควรต้องหันไปใช้ยานพาหนะทางเลือกที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น และใช้พลังงานจากพวกปิโตรเลียม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน หรือดีเซลให้น้อยลง ใช้ระบบขนส่งมวลชนในแต่ละชุมชนและระหว่างชุมชนให้มากขึ้น รวมถึงรถไฟ รถไฟความเร็วสูง สำหรับยานพาหะนะส่วนตัว คนก็ต้องหันไปใช้รถจักรยาน และรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น

Wednesday, July 22, 2015

Dutch Treat – งานเลี้ยงแบบต่างคนต่างจ่าย

Dutch Treat – งานเลี้ยงแบบต่างคนต่างจ่าย

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สังคม, วัฒนธรรม, งานเลี้ยง, ชาวดัช, Dutch, อเมริกัน, American, Dutch treat

หากเป็นงานเลี้ยงแบบไทยๆ นึกเปรี้ยวปาก อยากไปหาอาหารอร่อยรับประทานในบรรดาพรรคพวก มีชวนกันไป กินกันสนุกสนาน แต่พอถึงเวลาจ่ายมักจะเกิดเหตุการณ์แย่งกันจ่าย หรือเกี่ยงกัน นั่งเงียบๆ แล้วมักจะมีคนอดรนทนไม่ไหว ควักสตางค์จ่ายแทนคนอื่นๆ


ภาพ ร้านอาหารที่ให้บริการแบบ Buffet คิดค่าบริการตามรายหัว แต่กิได้ไม่จำกัด

บางทีเป็นเรื่องธรรมเนียม ผู้อาวุโสสูงสุด เป็นผู้ใหญ่ เป็นเจ้านายเขา มีสถานะทางการเงินดีกว่าคนอื่นๆ ถูกคาดหวังให้เป็นคนจ่าย หรือบางที่ก็ชัดเจน คือเป็นการเชิญมาเลี้ยงแสดงความยินดี โดยลูกๆหลานๆ หรือผู้คนจัดงานเลี้ยง แล้วเชิญผู้ใหญ่มาร่วมงาน ดังนี้ผู้ใหญ่ หรือผู้มีสถานะพิเศษ ไม่ต้องเป็นคนจ่าย คนอื่นๆเขาไปมีวิธีการเรียกเงินค่าใช้จ่ายกันเอง

งานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนทั้งกลุ่มศิษย์เก่าเทพศิรินทร์ 04-06 และที่ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผมคุ้นเคย ทุกคนมีสถานะเท่าๆกัน เป็นเพื่อนกัน เขาต่างก็ใช้ธรรมเนียมที่เรียกว่า Dutch Treat แต่บางทีคนไทยเราคุ้นกับฝรั่งแบบอเมริกัน เราเรียกคล้ายๆกันว่า American Share คือแบ่งค่าใช้จ่ายกันแบบอเมริกัน

Doing Dutch – ทำตามแบบชาวดัช หรือชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นคำที่แสดงถึงแต่ละคนที่ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ต่างคนต่างจ่ายในส่วนของตนเอง แทนที่จะให้มีคนใดคนหนึ่งเสียสละจ่ายแทนให้คนอื่นๆ ที่พบกันมากๆ คือเมื่อไปกินอาหารในภัตตาคารแล้วมีใบเรียกเก็บเงินมา ก็นำค่าใช้จ่ายตามบิลนั้นมาหารตามจำนวนคน วิธีการแบบนี้อาจเรียกว่า Dutch date หรือ Dutch treat ซึ่งแปลได้ว่า ปฏิบัติตามแบบชาวดัช


ปฏิบัติตามแบบชาวดัช (Dutch treat) หมายถึงแต่ละคนจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนที่ตัวเองสั่งมากิน หรือนำบิลทั้งหมดมาแล้วหารด้วยจำนวนคนที่เข้าร่วม ถ้าปฏิบัติตามอย่างชาวดัชแท้จะเป็นในอย่างแรก คือจ่ายตามค่าใช้จ่ายในส่วนที่ตนเองสั่งมา เช่น เวลาไปรับประทานอาหารตามภัตตาคาร บางคนสั่งน้ำเปล่า เพราะไม่ดื่มแอลกอฮอล แต่บางตนสั่งไวน์ราคาแพง ดังนี้หากใครสั่ง ไวน์พิเศษ ก็ต้องจ่ายในส่วนที่ตนเองสั่งมา แต่หากจะหลวมๆหน่อย ไม่คิดละเอียด แต่ละคนมีค่าใช้จ่ายไม่ต่างกัน เช่นไปรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ (Buffet) รับประทานได้อย่างไม่จำกัด เขาคิดเป็นรายหัวอยู่แล้ว ได้บิลค่าใช้จ่ายมา ก็จ่ายไปโดยเอาค่าใช้จ่ายทั้งหมด หารด้วยจำนวนคน ออกมาเป็นค่าใช้จ่ายที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบ

Tuesday, July 21, 2015

สุภาษิตเยอรมัน – ตบทีเดียวได้แมลงวัน 2 ตัว

สุภาษิตเยอรมัน – ตบทีเดียวได้แมลงวัน 2 ตัว

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สุภาษิตเยอรมัน, German proverbs, การจัดการ, Management, แมลงวัน, flies, นก, birds

 Updated: Tuesday, July 22, 2015

สุภาษิตเยอรมันบทหนึ่ง “Zwei Fliegen mit einer Klappe schlagen.” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “To hit two flies with one swatter.” หรือ “ตบแมลงวันสองตัวได้ด้วยออกแรงเพียงครั้งเดียว ซึ่งในภาษาอังกฤษก็มีคำกล่าวที่คุ้นหูว่า “To kill two birds with one stone.” หรือ ฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว
มีวิถีชีวิตของชาวยุโรปตะวันตกหลายอย่าง ที่แสดงออกในลักษณะนี้ เช่น


ภาพ บ้านในชนบทในยุโรป อาจอยู่ในแถบภูเขา การคมนาคมไม่สะดวก บ้านส่วนบนเป็นที่พักอาศัยของคน ด้านล้างเป็นที่พักของสัตว์พวกวัว โดยเฉพาะวัวนม

สร้างบ้านในเขตหนาว โดยใช้ใต้ถุนเป็นที่เก็บฝูงวัวซึ่งมักจะเป็นวัวนม แทนที่จะแยกคอกวัวออกจากส่วนคนอาศัย ฝูงวัวจะเป็นแหล่งให้ความอบอุ่นแก่ผู้อาศัยบนบ้าน พื้นบ้านจะอุ่นอยู่ตลอดเวลาด้วยไออุ่นจากตัววัว ส่วนวัวพวกนี้ก็เรียกว่า House cows เป็นการเลี้ยงจำนวนไม่มาก เลี้ยงในย่านภูเขา นมวัวที่รีดได้ ก็ใช้บริโภคภายในบ้านหรือหมู่บ้าน ส่วนที่เหลือก็ทำเป็นเนยหรือเนยแข็งเพื่อเก็บรักษาและขายเป็นรายได้เสริม


ภาพ การออกแบบห้องน้ำ ที่น้ำใช้จากอ้างล้้างหน้า จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในการทำความสะอาดส้วม โดยบริเวณใต้อ่างล้างหน้าจะเป็นถังขนาดเล็กไว้เก็บน้ำที่ใช้แล้ว

ในประเทศฝรั่งเศสตอนกลาง น้ำขาดแคลน เขาออกแบบโถส้วมโดยให้อ่างล้างหน้าและแปรงฟันอยู่ข้างบัน ใช้น้ำข้างบนเสร็จแล้ว ก็จะไหลมาอยู่ในถังชักโครก ใช้น้ำที่ใช้แล้วนี้อีกครั้งในการชะล้างส้วมด้วย

ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ดินแดนของคนขยันที่ไม่ยอมแพ้สิ่งแวดล้อม เขามีสิ่งประดิษฐ์ 1 อย่างแต่ใช้ประโยชน์ได้หลายสถาน


ภาพ งานก่อสร้างใหญ่ ออฟสไลเยค (Afsluitdijk) ในเนเธอร์แลนด์ เป็นเขื่อนและถนน

ออฟสไลเยค (Afsluitdijk) เป็นเส้นทางหลักแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ สร้างในระหว่างปี ค.ศ. 1927 และปี 1937 เป็นเส้นทางจากเมืองเดน ฮูเวอร์ (Den Oever) บนบริเวณ เวียริงเงน (Wieringen) ทางจังหวัดของฮอลแลนด์เหนือ ไปยังหมู่บ้านที่ซูริช (Zurich) ในจังหวัดฟรีสแลนด์ (Friesland) มีความยาว 32 กิโลเมตร กว้าง 90 เมตร มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 7.25 เมตร

Afsluitdijk เป็นผลงานส่วนหนึ่งของโครงการระดับใหญ่ซาวเดอร์ซี (Auiderzee Works)

Afsluitdijk เป็นงานวิศวกรรมใหญ่ที่ให้ประโยชน์หลายๆด้านไปพร้อมๆกัน (1) ส่วนหนึ่งที่เป็นเขื่อนกันน้ำเค็มของทะเลเหนือ  กับ (2) อีกด้านหนึ่งกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดไอโซเมียร์ (IJsselmeer) เก็บกักน้ำเอาไว้ใช้เพื่อการเกษตร ป้องกันน้ำท่วม และ (3) อีกส่วนหนึ่งใช้เป็นเส้นทางมอเตอร์เวย์ความเร็วสูง รถสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดในเนเธอร์แลนด์

ดังนั้น หากจะคิดทำอะไรไม่ว่าจะคิดใหญ่หรือคิดเล็ก ก็คิดอย่างรอบคอบ คิดอย่างเยอรมัน คือ “ตบทีเดียวได้แมลงวัน 2 ตัว”


ภาพ  Afsluitdijk ใช้เวลาในการก่อสร้าง 10 ปี เป็นดินเหนี่ยวและดินปนทราย ขุดลอกจากในทะเล ทำฐานที่กว้างพอ ระดับพ้นน้ำกว้างกว่า 90 เมตร บริเวณที่มีคลื่นปะทะ ใช้หินก้อนขนาดกลางถมไว้กันดินละลายไปกับคลื่นของทะเลเหนือ


ภาพ อนุสาวรีย์ ขอบคุณคนงานที่ได้มีส่วนก่อสร้างโครงการ  Afsluitdijk

Monday, July 20, 2015

สุภาษิตเยอรมัน – นกกระจอกในมือ ยังดีกว่านกพิราบบนหลังคา

สุภาษิตเยอรมัน – นกกระจอกในมือ ยังดีกว่านกพิราบบนหลังคา

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สุภาษิตเยอรมัน, German proverbs, การจัดการ, Management, การบริหารการเงิน,
Updated: Tuesday, July 21, 2015


ภาพ - นกกระจอกในมือ ยังดีกว่านกพิราบบนหลังคา

มีสุภาษิตเยอรมันบทหนึ่งกล่าวว่า “Lieber ein Spatz in der Hand als eine Taube auf dem Dach.” ในภาษาอังกฤษเขาแปลว่า “Better a sparrow in the hand than the pigeon on the roof.” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “นกกระจอกในมือ ยังดีกว่านกพิราบบนหลังคา”

ผมถามคนทำงานด้านตรวจสอบบัญชีธุรกิจท่านหนึ่งว่า ในยามธุรกิจฟืดเคือง นักธุรกิจบริหารการเงินอย่างไร

เขานึกสักพัก แล้วเรียบเรียงตอบมาว่า การค้ายามนี้อย่าไปเน้นการขายให้ได้เงินมาก แต่ให้เน้นการมีรายได้เหนือ หรือเพียงพอกับรายจ่าย ขายอะไรหากขายเป็นเงินสด แล้วมีส่วนลด ให้ได้เงินสดสำหรับหมุนเวียน ดีกว่าขายแบบปล่อยเงินผ่อน หรือรอเก็บเงินอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะจะมีธุรกิจที่มีอาการร่อแร่หนัก สั่งซื้อของแล้วจ่ายเช็คล่วงหน้าไว้ แต่พอถึงเวลาเก็บเงินจริง เราก็ไปขึ้นเงินไม่ได้ จะไปฟ้องร้องกันก็เป็นเรื่องยุ่งยาก ทางที่ดีคือลดความเสี่ยง อดทนที่จะอยู่ในธุรกิจให้ได้ ลดค่าใช้จ่ายลง ในด้านกำลังคน ให้เก็บรักษาลูกน้องเอาไว้ แล้วเมื่อสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัว เราก็จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไม่เสียจังหวะ


อย่าลืมสุภาษิตง่ายๆครับ “นกกระจอกในมือ ยังดีกว่านกพิราบบนหลังคา” 

เศรษฐกิจประเทศไทย (Thailand: Economy) ปี 2558

เศรษฐกิจประเทศไทย (Thailand: Economy) ปี 2558

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: เศรษฐกิจ, economics, ประเทศไทย, Thailand, อาเซียน, ASEAN


ภาพ เศรษฐกิจไทยในปี 2015 คาดการโดย ADB

อ่านข่าวเศรษฐกิจจากหนังสือพิมพ์ไทยแล้วไม่ค่อยจะวางใจ เลยลองอ่านข่าววิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจไทยจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank – ADB) ADB เขาเขียนวิเคราะห์และทำนาย ไม่ใช่จะเชื่อเขาเสียทีเดียว แต่ต้องนำข้อมูลหลายๆด้านมาประกอบกัน นอกจากไปถมพ่อค้าแม่ขายที่เขาจะบ่นว่าค้าขายฝึดเคือง

บทสรุปสั้นๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย เขาเขียนเอาไว้ดังนี้ครับ

เศรษฐกิจประเทศไทยจะฟื้นตัวอย่างระมัดระวัง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 และคาดว่าจะส่งแรงขับเคลื่อน (Momentum) อย่างช้าๆ และจะขยับไปข้างหน้าด้วยการลงทุนขนาดใหญ่ สภาพการเมืองที่สงบลง อนาคตตลาดส่งออกที่สดใสขึ้น และราคาน้ำมันที่ลดลง ดรรชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (Consumer Price Index) เปลี่ยนแปลงน้อยมาก ก่อนที่จะขยับเพิ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2016 การลงทุนภาครัฐที่ลงไปยังรัฐวิสาหกิจอย่างมาก จะทำให้ต้องมีการปฏิรูประบบเหล่านั้น

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ของไทยในปี 2015 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.6 และในปี 2016 จะเพิ่มเล็กน้อยเป็น 4.1 ส่วนค่าเงินเฟ้อ (Inflation) ในปี 2015 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ซึ่งเกือบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนในปี ค.ศ. 2016 จะเป็น 2.0

ดรรชนีเศรษฐกิจประเทศไทย (%)
2015
2016
อัตรากากรเติบโต
GDP Growth
3.6
4.1
อัตราเงินเฟ้อ
Inflation
0.2
2.0
สภาพงบดุล
Current Account Balance (share of GDP)
4.0
1.5
Notes: ข้อมูลประมาณการของ ADB

ผลการดำเนินการทางเศรษฐกิจ
Economic performance

ผลิตภัณฑ์มวลรมของคนในชาติ (GDP) หดตัวในไตรมาศแรกของปี 2014 และตามด้วยการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและทำให้เกิดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ความไม่สงบทางการเมืองและการต่อต้านรัฐบาลได้ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักในช่วงครึ่งปีแรกของ ค.ศ. 2014 และตามมาด้วยการทำรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 ความไม่สงบทางการเมืองตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 หรือเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 2.9 ต่อปี

คาดการณ์เศรษฐกิจ
Economic prospects

เศรษฐกิจในปีนี้ (2015) คาดว่าสภาพแวดล้อมทางการเมืองจะสงบ จะมีการลงทุนภาครัฐ มีการส่งออกที่ดีขึ้นในบางอุตสาหกรรมหลัก ราคาน้ำมันที่ถูกลงจะทำให้ต้นทุนการดำเนินการทางธุรกิจลดลง รวมสิ่งเหล่านี้คาดการว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตที่ร้อยละ 3.6 และ 4.1 ในปีถัดไป


โดยเฉพาะ การลงทุนภาครัฐจะเพิ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2015 หลังจากที่ลดลงในในปี 2014 แต่ในปี ค.ศ. 2016 จะมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลรักษาการณ์ในปัจจุบันได้อนุมัติแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีมูลค่า USD 95,000 ล้าน หรือ 3,135,000 ล้านบาทในช่วง 8 ปี ซึ่งจะเป็นไปในด้านระบบรางรถไฟ ถนน ท่าเรือ สนามบิน และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในปีนี้การลงทุนภาครัฐจะจำกัดอยู่แต่ในการลงทุนภาครัฐขนาดเล็ก ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่จะมีผลในปี ค.ศ. 2016 รัฐบาลวางแผนเปิดทำสัญญาก่อสร้างในระบบขนส่งทางด่วนระบบราง (Mass Rapid Transit) ในเขตกรุงเทพฯ และรถไฟรางคู่ทั่วประเทศ

Saturday, July 18, 2015

สุภาษิตเยอรมัน – ซื้อแมวที่ใส่มาในถุง

สุภาษิตเยอรมัน – ซื้อแมวที่ใส่มาในถุง

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สุภาษิตเยอรมัน, German proverbs, การจัดการ, Management, ความเป็นผู้นำ, leadership,
Dated: Sunday, July 19, 2015


ภาพ โรงงานขนาดยักษ์ของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่เรียกว่า Gigafactory ทำไมจึงเลือกตั้งโรงงานที่รัฐเนวาดา ที่มีพื้นที่เป็นทะเลทราย ทางฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา ทำไมไม่เป็นที่อื่นๆที่มีผู้คนหนาแน่นกว่านี้ มีพื้นฐานอื่นๆที่ดีกว่านี้

มีสุภาษิตเยอรมันบทหนึ่งกล่าวว่า “Die Katze im Sack kaufen.” แปลเป็นไทยได้ว่า “ซื้อแมวที่ใส่มาในถุง” เป็นคำเตือนของคนในสมัยก่อนๆในยุโรปว่าการซื้อสิ่งของใดๆที่ไม่ได้มีการพิจารณาสินค้าและบริการอย่างถี่ถ้วนนั้น เป็นสิ่งไม่พึงกระทำ

มีคำกล่าวในภาษาอังกฤษที่มีความหมายใกล้เคียงกัน คือ “Buying a pig in a poke” แปลได้ว่า “ซื้อหมู (หมูเป็นตัว) ที่อยู่ในถุง”

คนในยุคเก่าเตือนเราว่า ซื้อสิ่งของอย่างที่ไม่ได้มีการตรวจสอบมาก่อน ซื้อด้วยความเชื่อใจ เช่นซื้อสินค้าที่โฆษณาทางโทรทัศน์และสั่งซื้อทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ แล้วโอนเงินเข้าบัญชี ดังสินค้าประเภท เครื่องเล่นออกกำลังกาย ยาที่โฆษณาด้วยสรรพคุณต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำได้กับของที่ยังไม่มีค่างวดนัก จริงๆแล้วผู้บริโภคไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเหล่านั้นมากนัก ซื้อเพราะได้ยินบ่อยๆ ซื้อเพราะคำโฆษณา เป็นต้น แต่เวลาจ่ายเงิน ต้องจ่ายด้วยเงินจริงๆที่ต้องหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง

เราสั่งซื้อหนังสือ นิตยสาร สิ่งพิมพ์แบบออนไลน์ได้ ก็เพราะเราได้ไปอ่านดูจากร้านหนังสือ หรือบทความวิจารณ์หรือแนะนำหนังสือนั้นๆ เพราะไม่ยากที่จะรู้ว่าสิ่งที่เราสั่งซื้อนั้นเป็นเช่นไร เรารู้บริษัทผู้จัดพิมพ์ ประวัติผู้แต่ง เราได้เคยอ่านผลงานของเขามาก่อนหน้านี้ เป็นต้น

ในอีกด้านหนึ่ง ในสินค้าที่มีมาตรฐาน แม้ว่ามีราคาสูง เช่น รถยนต์ ในปัจจุบันมีการสั่งซื้อได้ทางออนไลน์ เพราะรถยนต์ดังกล่าวไม่มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ที่เมืองนั้นๆ เราได้ศึกษาแล้วว่าเราจะได้รับสิทธิและหลักประกันสินค้าอย่างไร รถเสียหรือต้องการบำรุงรักษา ตลอดจนคำแนะนำการใช้รถยนต์ สิ่งเหล่านี้ฝ่ายขายต้องอธิบายให้ผู้จะซื้อได้รับทราบรายละเอียด

 แต่ถ้าเราจะทำธุรกรรมขนาดใหญ่กับบริษัทที่เราไม่มีข้อมูล ไม่รู้จักก็จะมีความเสี่ยงสูง เราก็ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้นๆให้ได้มากที่สุด ทั้งในแนวลึกและแนวกว้าง การสรรหาและคัดเลือกผู้บริหารหน่วยงานขนาดใหญ่ นอกจากเราต้องดูประวัตการศึกษาและการทำงานของเขาแล้ว หากเราเป็นเจ้าของหรือกรรมการบริหารองค์การ เราควรได้ฟังเขานำเสนอวิสัยทัศน์ (Visions)  และแผนยุทธศาสตร์คร่าวๆว่า เมื่อเขารับตำแหน่ง เขามีความคิดและแผนงานที่จะทำอะไร

การซื้อขายหรือเช่าที่ดิน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมีการตรวจสอบกันอย่างละเอียด ตามหลักของการบริหารอสังหาริมทรัพย์ ฝ่ายผู้ซื้อมักจะต้องมีตัวแทนของตนในการจัดหาที่ดิน ซึ่งเรียกว่านายหน้า (Brokers) หรือที่ปรึกษาการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และยังต้องมีการศึกษาด้วยตนเองโดยอิสระ เพราะที่ดินบางแห่งมีมูลค่าสูง และที่สำคัญกิจการที่เราจะพัฒนานั้น ต้องได้ที่ดินที่เหมาะสม เพราะการลงทุนก่อสร้างไปแล้ว มาพบที่หลังว่าที่ดินไม่เหมาะสม เสี่ยงต่อน้ำท่วม การต่อต้านจากท้องถิ่น การไม่มีการขนส่งที่ดี ระบบน้ำประปา ไฟฟ้าไม่สมบูรณ์ มีความขาดแคลนกำลังคน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นผลทางลบและมีผลกระทบต่อๆกันเป็นลูกโซ่ได้

สิ่งเหล่านี้คนยุคก่อนเขาบอกเตือนว่า เหมือน “ซื้อแมวที่ใส่มาในถุง” หรือ การสั่งซื้อหรือใช้บริการใดๆ ถ้ายิ่งมีขนาดใหญ่โต มีผลแระทบมาก ก็ต้องระวังให้ดี ต้องมีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน อย่ากระทำเพียงเพราะความเชื่อใจ และตัดสินใจไปอย่างง่ายๆ เพราะผลเสียที่จะตามมา อาจมากมายมหาศาล

คำเฉลยภาพ - รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ที่จะเปิดตัวใหม่ของบริษัท แต่เมื่อเปิดตัวในกลางปี ค.ศ. 2559 (2016) นี้ มีคนเชื่อมั่นในผลงานของบริษัท สั่งจองรถล่วงหน้าเกือบ 300,000 คันในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ทั้งนี้เป็นเพราะผลงานของบริษัทที่ได้ผลิตรถมีคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง

โรงงานยักษ์ Gigafactory คือโรงงานขนาดใหญ่ที่เป็นความร่วมมือของ Tesla กับ Panasonic ผู้นำด้านอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โรงงานนี้เปรียบเสมือนเครื่องยืนยันว่า จะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดได้เป็นจำนวนมาก อาจระดับ 500,000 คัน/ปี และเพราะผลิตมาก จึงทำให้รถยนต์ Tesla Model 3 ตั้งราคาถูกลงมากว่ารุ่นก่อน คือ Tesla Model S ถึงครึ่งหนึ่ง คือที่ US$ 35;000 หรือ 1.22 ล้านบาท

Wednesday, July 15, 2015

รัฐสภากรีกออกเสียงผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ

รัฐสภากรีกออกเสียงผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: ยุโรป, Europe, กรีก, Greece, สหภาพยุโรป, European Union, เยอรมนี, Germany, Country in Europe,เศรษฐกิจ, วัฒนธรรม, วิกฤติเศรษฐกิจของกรีก 2015, austerity plan, แผนรัดเข็มขัด,

ศึกษาและเรียบเรียงจาก “Greece votes 'Yes' on reforms needed for bailout.” โดย Alanna Petroff @AlannaPetroff, CNN

กรีกคือแบบอย่างของเศรษฐกิจและการเมืองแบบประชานิยม (Populism policy) ที่เราควรได้เรียนรู้ไว้ ความจริงปัญหาเศรษฐกิจแบบยืมเงินมาใช้ก่อน จนลืมไป ใช้อย่างคิดว่าได้มาฟรีๆ ฝ่ายนักการเมือง ข้าราชการต่างก็ชงเรื่องผลาญเงินของชาติไปในโครงการที่ได้คะแนนเสียง แต่กลับไปสร้างความไม่มีวินัยทางเศรษฐกิจ

หากวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” หรือวิกฤติเศรษฐกิจแห่งเอเชียที่รุกลามไปทั่วในปี ค.ศ. 1997 (1997 Asian financial crisis) หรือ 18 ปีนานไป อาจนานไปจนทำให้ลืม ก็ให้ศึกษาจากประเทศกรีกในวันนี้


ภาพ การวิเคราะห์จำแนกหนี้สินของกรีก USD 315,000 ล้าน 



ภาพ รัฐสภากรีกได้ผ่านความเห็นชอบในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่เรียกว่าต้องรัดเข็มขัดกันทั้งประเทศ


ภาพ ใครบ้างที่เป็นเจ้าหนี้ของกรีก

ชาวกรีกเป็นอันมาจะหัวเสีย หลังจากที่รัฐสภาลงคะแนนเสียงยอมรับการปฏิรูปอย่างที่เจ้าหนี้อยากให้กระทำ

รัฐสภากรีกได้ออกคะแนนเสียงรับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่จำเป็น ก่อนที่ประเทศจะได้รับเงินก้อนใหม่มูลค่า USD96,000 ล้าน

ประเทศถังแตกอย่างกรีกต้องการเงินเยียวยาเพื่อไม่ให้ประเทศอยู่ในสถานะล้มละลาย และถูกขับออกจากสหภาพยุโรป แต่การปฏิรูปนี้ก็เหมือนอย่างที่ทุกฝ่ายทราบ คือไม่เป็นที่ชื่นชมของประชาชน
ชาวกรีกเป็นอันมากต่อต้านประเทศยุโรปที่เป็นเจ้าหนี้ ที่กำหนดให้กรีกต้องกินยาขม ต้องปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการลดภาระสวัสดิการสังคมที่รัฐต้องแบก และต้องปฏิรูปภาษี ชาวกรีกที่พอมีต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น

การประท้วงที่หน้ารัฐสภากรุงเอเธนส์เพิ่มความรุนแรงในวันพุธที่ผ่านมาก่อนการลงคะแนนเสียง ผู้ประท้วงโยนระเบิดเพลิงที่ทำจากขวดใส่น้ำมันเชื้อเพลิง และตำรวจต้องตอบโต้ด้วยการใช้แก๊สน้ำตา
นับหลายเดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอเลคซิส สีพราส (Alexis Tsipras) และพรรคฝ่ายซ้าย สรีซา (Syriza Party) ได้รณรงค์ต่อต่านแผนปฏิรูป แต่ในที่สุดซีพราสก็ถูกบังคับให้ต้องรับแผนอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนที่ประเทศจะเข้าสู่สถานะหายนะอย่างรวดเร็ว

การปฏิรูปคือการต้องแก้กฎหมายภาษีและรายได้ของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการเพิ่มภาษีการค้าจากอาหารที่กินตามภัตตาคารเป็นร้อยละ 23 และขจัดการลดภาษีต่างๆที่เป็นที่นิยมของชาวกรีกทั้งหลาย
การยกเครื่องเงินบำนาญ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้การเกษียณอายุทำงานต้องเลื่อนออกไปที่ 67 ปี
การกำหนดให้สำนักงานสถิติแห่งชาติต้องเป็นหน่วยงานอิสระ เป็นสถาบันที่รับผิดชอบในการติดตามข้อมูลและสถิติหนี้ของชาติและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต้องกระทำอย่างตรงไปตรงมา
การดำเนินการตามกฎที่ได้วางไว้เกี่ยวกับเป้าหมายงบประมาณ ซึ่งอาจหมายถึงตัดงบประมาณรายจ่าย ไม่สามารถใช้จ่ายอย่างขาดดุลได้อย่างที่เคยอีกต่อไป


Tuesday, July 14, 2015

สุภาษิตเยอรมัน – อย่าทำให้ยุงกลายเป็นช้าง

สุภาษิตเยอรมัน – อย่าทำให้ยุงกลายเป็นช้าง

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สุภาษิตเยอรมัน, German proverbs, การเมือง, การปกครอง, รัฐประหาร

มีสุภาษิตเยอรมันบทหนึ่งกล่าวว่า “Aus einer Mücke einen Elefanten machen.” แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Translation: To make an elephant out of a mosquito.” แปลเป็นไทยได้ว่า “อย่าทำให้ยุงกลายเป็นช้างหรือ อย่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่

หรือ อย่าทำจอมปลวกให้เป็นภูเขา  (Equivalent: To make a mountain out of a molehill.)


ภาพ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 หัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช. 2557

ดังที่มีกลุ่มนักศึกษาจำนวนหนึ่ง ออกมาต่อต้านการทำรัฐประหาร อาจเป็นไปได้ว่า มีคนอยู่เบื้องหลังที่ต้องการให้เรื่องบานปลาย ให้มีการใช้ความรุนแรงและมีเลือดตกยางออก กลายเป็นปฏิวัตินักศึกษา เหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 แต่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นฐานไม่เหมือนกัน เพราะคนเป็นอันมากในปัจจุบัน แม้จะไม่ต้องการรัฐประหาร แต่เหตุการณ์ที่ประท้วงยาวนานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้เห็นแล้วว่าไม่มีทางเลือกอื่นที่จะยับยั้งความรุนแรง

การทำรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยคณะทหาร นำโดยพลเอกประยุทธิ จันทร์โอชา เขาก็บอกแล้ว เขาขอเวลาอีกไม่นาน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ให้ ซึ่งก็หมายถึงการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แก่กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยที่รับผิดชอบและสร้างสรรค์ ซึ่งเวลาที่ใช้โดยรวมคงไม่นาน ไม่เกิน 2-2.5 ปี เขาบริหารบ้านเมืองด้วยเจตนาที่ดี ใช้สติและปัญญา มีสามัญสำนึกที่รับได้ มีการตัดสินใจในหลายๆเรื่องที่ดี ประชาชนส่วนใหญ่รับได้ และก็พร้อมที่จะร่วมมือ และในท้ายที่สุดอีกไม่นาน ก็จะมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ที่เป็นที่ยอมรับของคนทุกฝ่ายเข้ามาบริหารประเทศ

เนื้อเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คสช. ช่วยกันทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาระของเพลงที่ขอและให้คำมั่นสัญญากับประชาชน อีกครั้ง

วันที่ชาติและองค์ราชา มวลประชาอยู่มาพ้นภัย
ขอดูแลคุ้มครองด้วยใจ นี่คือคำสัญญา
วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา
ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป
เพื่อนำรักกลับมา ต้องใช้เวลาเท่าไร
โปรด จงรอได้ไหม จะข้ามผ่านความบาดหมาง
เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา
เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา
แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน
วันนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยก็รู้ จะขอสู้กับอันตราย
ชาติทหารไม่ยอมแพ้พ่าย นี่คือคำสัญญา
วันนี้ชาติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขึ้นมาทุกครา
ขอเป็นคนที่เดินเข้ามา ไม่อาจให้สายไป
แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ความสุขจะคืนกลับมา ประเทศไทย

Saturday, July 11, 2015

กรณีศึกษา –นักศึกษาถูกคัดชื่อออก

กรณีศึกษา –นักศึกษาถูกคัดชื่อออก

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: การอุดมศึกษา, higher education, การอาชีพ, vocation, การศึกษาต่อ, contiueing education, การแนะแนว, guidance and counseling

กรณีศึกษา


ภาพ การศึกษาในโลกของงานยุคใหม่

นักศึกษาคนหนึ่ง เรียนจบปกศ. (ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง) แล้วจึงโอนย้ายเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนใกล้บ้านแห่งหนึ่ง มหาวิทยาลัยแนะนำให้เรียนสายวิชาหนึ่งที่ดูแล้วสูงเกินไป มีความเป็นนามธรรมเกินไปสำหรับปริญญาตรี เรียนไปได้ 1 ปี ปรากฏว่าได้คะแนนเฉลี่ย 1.1 และถูกคัดชื่อออก (Retired) พ่อแม่เขาทราบเรื่องมีปัญหาร้อนใจจึงขอคำปรึกษาจากผม

ผมได้พูดคุยกับทั้งผู้เรียนและกับพ่อแม่ ทราบว่า นักศึกษาใช้เวลา 1 ปีในการเรียน คิดค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียน ค่าเดินทาง ค่าอาหารการกินและรายจ่ายพิเศษ รวมแล้วต้องจ่ายประมาณ 120,000-130,000 บาท/ปี พ่อแม่ขอคำปรึกษาจากผมว่าเขาควรทำอย่างไร

พ่อแม่อยู่ในวัย 40 ปีต้นๆ การศึกษาระดับ ประถมศึกษา 4 เขามีลูก 2 คน มีอาชีพประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก มีบ้าน มีรถบรรทุกเล็ก มีรายได้และเงินเก็บพอจะส่งเสียให้ลูกเรียนได้จนจบการศึกษา หากลูกเขาเรียนได้จนจบตามเวลาอันควร แต่หากเรียนไปอย่างไม่มีอนาคต เขาก็หมดแรงส่งเสียเหมือนกัน

คำตอบ

วิธีการคิดค่าคะแนนเฉลี่ย(Grade Point Average)  A= 4; B = 3; C = 2; D = 1; F หรือสอบตก = 0
ผลการเรียนได้คะแนนเฉลี่ยที่ 1.1 แสดงว่าได้คะแนนส่วนใหญ่ที่สอบไม่ผ่าน และได้เฉลี่ย D ซึ่งวิชาที่จะเทียบโอนได้ต้องได้ C ขึ้นไป ถ้าจะศึกษาต่อ ควรได้คะแนนที่ 1.8 ขึ้นไป ซึ่งมหาวิทยาลัยทั่วๆไป คิดคะแนนจบการศึกษาที่ 2.0-2.5

ในกรณีได้คะแนน 1.1 นั้นแสดงว่าไม่ควรเรียนต่อทันที อาจใช้การลาออก แล้วโอนย้ายหน่วยกิตสู่สถานศึกษาเดิม หรือสถานศึกษาใหม่ ซึ่งจะต้องเป็นวิชาที่ได้คะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ C ขึ้นไป

แต่ทางเลือกที่ดี คือให้นักศึกษาเขาหยุดการศึกษา แล้วไปหางานทำตามอาชีพที่พอจะทำได้ ให้เขาเลือกหางานเองก็ได้ ให้เขาได้มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้น เรียนรู้พึ่งตนเองให้มากขึ้น รู้ค่าของเงินมากขึ้น ในทางวิชาการ อะไรที่ยังอ่อนอยู่และเป็นพื้นฐานของการศึกษาต่อ ก็ให้หาทางเรียนพิเศษหรือศึกษาด้วยตนเอง หรือฝึกฝน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนศึกษาเล่าเรียนใหม่


เมื่อเขามีประสบการณ์การทำงาน การได้มีเวลาคิดใหม่ว่าอยากจะเรียนอะไร เพื่อไปทำงานอะไร เขาได้เห็นความสำคัญของการศึกษานั้นๆแล้ว จึงค่อยสมัครไปเรียนต่อ ซึ่งมีสถาบันอุดมศึกษาในแบบต่างๆให้เลือกเรียนมากมาย ซึ่งหากต้องการคำปรึกษา ก็ยินดีจะให้คำแนะนำให้

Tuesday, July 7, 2015

กองทัพบกสหรัฐลดกำลังพลลง 40,000 อัตราภายในสิ้นปี ค.ศ. 2017

กองทัพบกสหรัฐลดกำลังพลลง 40,000 อัตราภายในสิ้นปี ค.ศ. 2017

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: สหรัฐอเมริกา, the United States, การทหาร, military, กองทัพบก, army, การลดกำลังพล, Sequestration

 ศึกษาและเรียบเรียงจากข่าว BBC, July 7, 2015. “US Army 'to cut 40,000 troops by the end of 2017.”


ภาพ กำลังพลกองทัพบกสหรัฐจะถูกลดกำลังพลต่ำสุดเท่าที่มีมาในหลายทศวรรษ

กองทัพบกสหรัฐอีกไม่นานจะมีกำลังพลต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา

กองทัพบกสหรัฐจะลดขนาดกองทัพลง 40,000 อัตราภายใน 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้เป็นตามข้อมูลของสื่อในสหรัฐ นอกจากนี้กองทัพบกยังจะลดเจ้าหน้าที่พลเรือนของกองทัพลงอีก 17,000 คน

แผนนี้จะประกาศอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ซึ่งโดยรวมจะทำให้กองทัพบกสหรัฐมีกำลังพลรบเหลือประมาณ 450,000 คน ซึ่งกองทัพบกเคยมีกำลังพลสูงถึง 570,000 คน ในปี ค.ศ. 2012 ในช่วงความรุนแรงของสงครามในอิรัคและอัฟกานิสถานขึ้นสูงสุด

แผนตัดกำลังคนนี้ได้มีการคิดกันมานานแล้ว โดยช่วงแรกของปี ค.ศ. 2014 ผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงกลาโหม Chuck Hagel ได้เสนอให้ในช่วงหลังสงครามใหญ่ในต่างประเทศสองสนาม ให้ลดกำลังรบเหลือเพียง 450,000 คน

แต่กระนั้นก็ยังมีทหารอยู่ในอัฟกานิสถาน 10,000 คน เพราะแผนลดกำลังรบต้องค่อยๆชะลอไปจนกระทั่วปี ค.ศ. 2016

ในอิรัคยังจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารอยู่อีก 3,500 คน ช่วยกองทัพของอิรัค สู้รบกับกลุ่มกองกำลังรัฐมุสลิมติดอาวุธ (Islamic State - IS)

มีกองกำลังของทหารสหรัฐที่ทำหน้าที่ฝึกอบรมให้กับกบฎในซีเรียเพื่อต่อสู้กับ IS ซึ่งเปิดเผยในวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีชาวซีเรียเพียง 60 คนที่ได้รับการฝึกอบรม

แผนการลดกำลังรบนี้นับว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 ช่วงก่อนสหรัฐจะเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะนั้นมีกำลังทหารบกเพียง 270,000 คน

ในช่วง 1 ปีก่อนเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ขณะนั้นมีกำลังทหาร 480,000 คน

กองทัพบกจะต้องตัดกำลังทหารต่อไปอีก 30,000 คน เพราะงบประมาณทหารจะถูกลดจะมีการปลดประจำการ (Sequestration) โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

ลองเปรียบเทียบงบประมาณทหารในประเทศหลักๆในโลก

จีน ซึ่งอเมริกันกลัวว่าจะก้าวมาเป็นมหาอำนาจแทนอเมริกัน โดยเฉพาะในภาคพื้นเอเชีย จีนเพิ่มเงินงบประมาณการทหารร้อยละ 10 ต่อปี ซึ่งคิดเป็นงบประมาณการทหารทั้งสิ้น USD 130,000 ล้าน; ประเทศซาอุดิอาเรเบีย ประเทศมั่งคั่งในตะวันออกกลาง ใช้งบประมาณทหาร USD 80,000 ล้าน; ประเทศรัสเซีย ซึ่งครั้งหนึ่งในบทบาทสหภาพโซเวียต เคยเป็นมหาอำนาจอีกขั้วหนึ่งของโลก ปัจจุบันก็ยังทรงอำนาจอยู่ ใช้งบประมาณการทหาร USD 70,000 ล้าน; สหราชอาณาจักร อดีตเป็นเจ้าอาณานิคมใหญ่ของโลก ปัจจุบันใช้งบประมาณการทหาร USD 62,000 ล้าน


แต่ทั้งหมดนี้จะเทียบกับสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวไม่ได้เลย แม้ว่าจะมีการลดกำลังรบ และถอนทหารออกจากอิรัคและอัฟกานิสถานแล้ว สหรัฐก็ยังใช้งบประมาณทหารปีละ USD 585,000 ล้าน หรือประมาณ 19.3 ล้านล้านบาท

Sunday, July 5, 2015

ประเทศเยอรมนี (Germany) – เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

ประเทศเยอรมนี (Germany)เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: ยุโรป, Europe, เยอรมนี, Germany, Country in Europe, เศรษฐกิจ, วัฒนธรรม

ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia, the free encyclopedia

ประเทศเยอรมนี (Germany) ชาวเยอรมันเรียกประเทศของเขาว่า Deutschland มีชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (The Federal Republic of Germany) หรือในภาษาเยอรมันเรียก
ว่า Bundesrepublik Deutschland

เยอรมนี (Germany) เป็นประเทศหนึ่งในยุโรปตะวันตก มีภูมิประเทศที่เป็นป่า แม่น้ำ และเนินเขา มีประวัติศาสตร์ยาวนานมา 2 พันปี


ภาพ เมืองเบอร์ลิน


ภาพ เมื่อระบบโซเวียตบ่มสลาย กำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย และนำไปสู่การวมประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่ง

ปัจจุบันมีเบอร์ลิน (Berlin) เป็นเมืองหลวงที่มีงานศิลปะ ชีวิตยามค่ำคืน มีสถานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง


ภาพ เมืองมิวนิค (Munich)

มิวนิค (Munich) เป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่ง มีการจัดงานเทศกาล Oktoberfest และมีโรงเบียร์ที่มีชื่อเสียง ดังเช่น Hofbrauhaus ที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16


ภาพ เมืองแฟรงเฟิร์ท (Frankfurt)

ส่วนเมืองแฟรงเฟิร์ท (Frankfurt) เป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงิน มีอาคารสูงแบบตึกระฟ้า ซึ่งไม่ใช่สภาพทั่วไปของเยอรมนี ที่มีเมืองใหญ่แต่ม่ากกระจายอยู่ทั่วไป และเขาไม่นิยมสร้างอาคารสูงแบบเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกา

สหพันธรัฐเยอรมนี
Federal Republic of Germany
Bundesrepublik Deutschland
เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด
Capital
and largest city
เบอร์ลิน
Berlin
Description: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/55/WMA_button2b.png/17px-WMA_button2b.png52°31′N 13°23′E
ภาษาทางการ
Official languages
ภาษาเยอรมัน
German[1][b]
ชื่อเรียกประชาชน
Demonym
ชาวเยอรมัน
German
รัฐบาล
Government
ระบบสาธารณรัฐ มีรัฐบาลกลางทำหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญFederal parliamentary constitutional republic
 - 
ประธานาธิบดี
President
 - 
ผู้บริหารสูงสุด
Chancellor
ระบบรัฐสภา
Legislature
 - 
สภาสูง
Upper house
 - 
สภาล่าง
Lower house
ลำดับพัฒนาการประเทศ
Formation
 - 
ภายใต้ศาสนจักรวรรดิโรมัน
Holy Roman Empire
2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 962
2 February 962 
 - 
สหพันธรัฐ
German Confederation
8 มิถุนายน ค.ศ. 1815
8 June 1815 
 - 
จักรวรรดิเยอรมัน
German Empire
18 มกราคม ค.ศ. 1871
18 January 1871 
 - 
สาธารณรัฐ
Federal Republic
23 พฤษภาคม ค.ศ. 1929
23 May 1949 
 - 
ร่วมกลุ่มเศรษฐกิจยุโรป
EEC Foundation[c]
1 มกราคม ค.ศ. 1958
1 January 1958 
 - 
การรวมประเทศReunification
3 ตุลาคม ค.ศ. 1990
3 October 1990 
พื้นที่
Area
 - 
รวม
Total
357,168 km2 (63rd)
137,847 sq mi
ประชากร
Population
 - 
2014 estimate
80,716,000[2] (16th)
 - 
ความหนาแน่นของประชากร
Density
226/km2 (58th)
583/sq mi
ผลผลิตมวลรวม
GDP (PPP)
2015 estimate
 - 
รวม
Total
$3.815 trillion[3] (5th)
 - 
รายได้ประชากร
Per capita
$46,896[3] (20th)
GDP (nominal)
2015 estimate
 - 
รายได้มวลรวม
Total
$3.413 trillion[3] (4th)
 - 
รายได้ประชากรต่อหัว
Per capita
$41,955[3] (20th)
Gini (2011)
29.0[4]
low
ดรรชนีวัดความสุข
HDI (2013)
Description: Steady 0.911[5]
very high · 6th
เงินตรา
Currency
Euro () (EUR)
เวลา
Time zone
CET (UTC+1)
 - 
การปรับเวลาฤดูร้อน
Summer (DST)
CEST (UTC+2)
การขับรถ
Drives on the
right
รหัสโทรข้ามประเทศ
Calling code
รหัสประเทศ
Internet TLD
.de and .eu

ภูมิศาสตร์

ประเทศเยอรมนีประกอบด้วย 16 รัฐ มีพื้นที่ 357,021 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 80.7 ล้านคน นับเป็นประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (European Union – EU) ที่มีประชากรมากที่สุด มีภูมิอากาศแบบไม่รุนแรง มีเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดคือเบอร์ลิน และเป็นประเทศอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ต้องการอพยพมาอยู่อาศัยมากที่สุดในโลก

หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เยอรมันเสียพื้นที่ไปกว่า 1 ใน 4 ที่ยึดมาได้ก่อนสงคราม และมีผลให้แยกเยอรมนีออกเป็น 2 ส่วน คือเยอรมนีตะวันออกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต และเยอรมนีตะวันตก อยู่ภายใต้การดูแลของฝ่ายพันธมิตร ในปี ค.ศ. 1990 หลังการล่มสลายของประเทศคอมมิวนิสต์ ได้มีการรวมเยอรมนี 2 ฝ่ายเป็นหนึ่งประเทศอีกครั้ง

ประเทศเพื่อนบ้าน



ภาพ เยอรมนีและประเทศเพื่อนบ้าน

เยอรมนีต่างจากอังกฤษ หรือสหราชอาณาจักร (United Kingdom) ตรงที่อังกฤษเป็นประเทศที่เป็นเกาะ มีน้ำล้อมรอบ แต่เยอรมนีเป็นประเทศที่มีประเทศเพื่อนบ้านล้อมรอบ มีที่เปิดสู่ทะเลโดยตรงเพียงทางเหนือคือทะเลเหนือ (North Sea) และทะเลบัลติก (Baltic Sea) โดยมีส่วนกลางระหว่าง 2 ทะเลของทางเหนือที่ติดกับประเทศเดนมาร์ก (Denmark) นอกนั้นเป็นส่วนที่ติดกับแผ่นดินประเทศเพื่อนบ้าน

ทางตะวันตกมีประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) และเบลเยียม (Belgium) อยู่ทางตะวันตก และมีฝรั่งเศส (France) อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ทางทิศใต้มีสวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) ลิชเทนสไตน์ (Liechtenstein) และออสเตรีย (Austria) ทางทิศตะวันออกติดกับประเทศสาธารณรัฐเชค (Czech Republic) และประเทศโปแลนด์ (Poland)

เศรษฐกิจ

ในศตวรรษที่ 21 เยอรมนีได้กลายเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ทางการทหาร แต่เป็นด้านเศรษฐกิจ ขนาดเศรษฐกิจของเยอรมนีใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก (Nominal GDP) และหากคิดตัวเลขเศรษฐกิจแบบมวลรวม PPP จะใหญ่เป็นอันดับที่ 5 เยอรมนีเป็นประเทศผู้ส่งออกและนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีมาตรฐานการครองชีพที่สูง มีระบบประกันสังคม (Social security) และการดูแลสุขภาพแบบถ้วนหน้า (Universal health care) ที่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ

เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศผูก่อตั้งกลุ่มประเทศ EC (European Communities) ในปี ค.ศ. 1957 ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1993 ได้กลายเป็นสหภาพยุโรป (European Union – EU)

เยอรมนีได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของศิลปิน นักปรัชญา นักดนตรีก้องโลก ผู้ประกอบการ นักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ และในด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยของเยอรมนีได้กลายเป็นต้นแบบของมหาวิทยาลัยชั้นนำยุคใหม่ทั่วโลก ที่ใช้วิธีการเรียนการสอนแบบวิจัย (German research universities)

วัฒนธรรมของเยอรมนี
Germany – Culture

ในบทความนี้ผมจึงขอแปลบทความหนึ่งที่ว่าด้วยบุคลิกภาพของชาวเยอรมัน (German personality) ซึ่งมี 5 ลักษณะที่สำคัญ คนไทยมีเรื่องที่ต้องทำงานกับชาวเยอรมันอีกมาก เหมือนกับที่เราร่วมงานกับญี่ปุ่นมาแล้วในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ 50 ปีที่ผ่านมา ส่วนกับชาวจีนนั้น แท้ที่จริงเราคุ้นเคยกันมาเหมือนเป็นพี่น้อง หรือสายเลือดเดียวกัน บางทียากที่จะแยกกันออก  เราจึงควรเข้าใจวิธีคิดและค่านิยมของคนเยอรมันเอาไว้

โดยทั่วไป คนเยอรมันมักถูกมองในแง่ไม่ดีเหมือนดังเป็นกฎตายตัว (Stereotype) ว่าเป็นคนไม่สุภาพ เย็นชา และไร้อารมณ์ขัน ซึ่งเรื่องนี้จริงบ้างไม่จริงบ้าง สำหรับชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยที่อยู่ในเยอรมันคงจะอธิบายได้ดีกว่า

คราวนี้เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคนเยอรมัน และชาติใหญ่ที่สุดและทรงอำนาจทางเศรษฐกิจที่สุดในยุโรป โปรดติดตามครับ

1. ประสิทธิภาพและวินัย (Efficient and disciplined)

คนเยอรมันทำงานหนัก มีประสิทธิภาพ และมีระเบียบวินัย จะคิดจะทำอะไรก็มองหาทางออกที่เป็นรูปธรรม เห็นปัญหาอะไรก็จะต้องมองหาทางออกเอาไว้หลายๆทาง ดังนั้นเราจะพบว่าสิ่งประดิษฐ์มากมายที่เกิดจากคนเยอรมัน ดังเช่น การคิดค้นเกี่ยวกับรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และเทคโนโลยีงานพิมพ์ คนเยอรมันจะต้องการหาทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา แม้แต่ปัญหาเล็กน้อย ก็จะไม่ย่อท้อที่จะหาทางออก

2. ความมีอารมณ์ขัน (Sense of humor)

คนเยอรมันมีอารมณ์ขันหรือไม่? คนเยอรมันเขามองตัวเองว่ามีอารมณ์ขัน ไม่ใช่เป็นคนเกร็ง ทื่อ ไร้อารมณ์ขัน หรือน่าเบื่อหน่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่คนเยอรมันไม่ชอบอารมณ์ขันแบบเหมือนตัวตลก หรือตลกตื้นๆแบบคนไร้ความคิด คนเยอรมันชื่นชมตลกแบบถากถาง ล้อเลียน โดยเฉพาะการวิพากษ์บุคลิกคนเยอรมันด้วยกันเอง เมื่อคนเยอรมันยิ้มหรือหัวเราะ เขาจะจริงใจในสถานการณ์ตลกนั้นๆ อย่างนี้ต้องเรียกว่าตลกอย่างมีความคิด หรือตลกแบบปัญญาชน

3. ทำอะไรอย่างมีระบบระเบียบ (Well-organised)

เกือบจะเห็นตรงกันสำหรับคนที่เคยทำงานหรือคบค้ากับเยอรมัน คนเยอรมันชอบวางแผน วางแผนแล้วก็วางแผนอีก และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะยึดทำตามแผนที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่ใช่คนเยอรมันไม่ยืดหยุ่น แต่เพราะเขามีแผนที่คิดเผื่อเอาไว้เป็นชั้นๆ มองในทุกโอกาสที่จะเกิด คนเยอรมันเป็นคนมีระเบียบ เขาจะรักษาสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเขาให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ชีวิตในแต่ละวัน เขาจึงจัดเวลาเอาไว้อย่างเป็นตามกำหนด การจะนัดพบกันต้องมีการวางแผนและยึดตามเวลาอย่างแน่นอน

4. ความตรงต่อเวลา (Punctual)

คนเยอรมันขึ้นชื่อในเรื่องความตรงต่อเวลา แม้จะไม่จริงไปสำหรับทุกคน แต่คนเยอรมันส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น นอกจากจะมีการจราจรติดขัด รถไฟมาช้ากว่ากำหนด หรือมีเหตุรุนแรงอื่นๆเกิดขึ้น จึงจะทำไห้คนเยอรมันผิดนัด ดังนั้นหากจะมีนัดกับใครสักคน ท่านควรจะไปถึงก่อนเวลาสัก 5 นาที หากไม่ต้องการไปถึงช้าเกินไป คนเยอรมันส่วนใหญ่ไม่พอใจหากคนที่นัดแล้วมาช้ากว่าที่กำหนด ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ

5. การยืดถือประเพณี (Traditional)


ประเพณีเป็นสิ่งสำคัญในประเทศเยอรมนี คนจะยืดถือสิ่งที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี สิ่งเหล่านี้ได้แก่การมีงานเทศกาลประจำปีของเมือง หรือในแต่ละเดือนที่จะมีการชุมนุมกันของเพื่อนบ้าน ซึ่งมีการกำหนดกันในสถานที่ตามวันและเวลาของทุกเดือน คนเยอรมันไม่เปลี่ยนสิ่งที่เขาปฏิบัติกันจนเป็นประเพณีกันง่ายๆ ดังเช่น หากชาวเยอรมันคนหนึ่งขับรถยนต์เมอซิเดส (Mercedes) เขาจะทำอย่างนั้นไปตลอดชีวิต และถือเป็นปกติที่จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของของยี่ห้อนั้นๆไปตลอด