Sunday, July 12, 2009

การศึกษายามมี การศึกษายามยาก

HTML clipboard
การศึกษายามมี การศึกษายามยาก

ประกอบ คุปรัตน์
มูลนิธิก้าวไกลในเอเชีย

SpringBoard For Asia Foundation (SB4AF)

Keywords: บันทึกการศึกษา, คุณภาพชีวิต, เศรษฐกิจใหม่
Updated: Monday, July 13, 2009

ห้อง 2 -106 (อาคาร 2 ชั้น 1) เลขที่ 2/1
ถ.พญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์. 0-2354-8254-5, โทรสาร 0-2354-8316
(ตั้งอยู่ในวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ)
Website: www.sb4af.org; http://pracob.blogspot.com
E-mail: info@sb4af.org

ความนำ

นับตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา โลกได้เข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจใหม่ ในสหรัฐอเมริกา วิกฤติเศรษฐกิจของเขานั้นรุนแรงที่สุดนับแต่ยุคที่เรียกว่า Great Depression ในปีค.ศ. 1929 ที่เศรษฐกิจตกต่ำ และต่อเนื่องจนปีค.ศ. 1933

ประเทศไทยประสบปัญหารุมเร้าที่ไม่น้อยไปกว่ากัน คือทั้งสภาพเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในที่ไม่มีความแน่นอน ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการท่องเที่ยวที่หดตัวลง แต่เพราะไทยมีรายได้หลักส่วนหนึ่งจากการท่องเที่ยว ในช่วงหลังก็คือเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 หรือที่เรียกว่า H1N1 ที่ได้ระบาดไปทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยก็รับผลกระทบมาเต็มๆเหมือนกัน

โชคดีของประเทศไทย เรามีพื้นฐานเศรษฐกิจแบบสมดุล ยามเศรษฐกิจแบบใหม่ทรุด แต่เศรษฐกิจเดิม คือการเกษตรของเรายังแข็งแรง คนไทยอาจมีตกงาน แต่เราจะไม่มีวันอดตาย งานในเมืองมีปัญหา ก็ยังหันกลับไปอยู่กับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ในชนบทยังมีความอบอุ่นรองรับเราอยู่เสมอ ลูกๆของเรา ยังมีทั้งปู่ย่า ตายาย มีพี่ป้า น้า อา ที่ให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กๆ อยู่เสมอ

สำหรับความขัดแย้งในบ้านเมือง ความรุนแรงเกิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว แต่มันไม่ใช่วัฒนธรรมของคนไทยที่จะสนุกหรือสะใจกับความขัดแย้งแบบไม่มีวันจบสิ้น หากใส่เสื้อสีบางสีแล้วขัดแย้ง ก็เลิกใส่เสียสักระยะ หาอะไรที่สร้างสรรค์ทำ คุยกับญาติพี่น้อง คุยการเมืองกันไม่รู้เรื่อง ก็หันไปคุยกันเรื่องอื่นๆบ้าง แต่ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนฝูงก็ยังคงมีต่อไป เพียงแต่ต้องยอมรับในความแตกต่าง และเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันให้มากขึ้น

ในปัจจุบัน ใครมาเป็นรัฐบาลก็คงต้องลำบาก และต้องมีกำลังใจ ต้องกล้าที่จะทำ ต้องตัดสินใจโดยยึดเอาความถูกต้องเป็นที่ตั้ง และโดยสวนใหญ่ เขาก็ได้เดินมาถูกทางแล้ว แต่ความรู้สึกของประชาชน ก็เหมือนกับคนป่วย คนรับการผ่าตัด อยากจะหายป่วยหายไข้โดยเร็ว

ที่ห้างขายอุปกรณ์ก่อสร้าง

การพัฒนาคนคือประโยชน์ของทุกฝ่าย

ที่ห้าง Super store ที่ขายอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้ในบ้านที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่ผมเป็นลูกค้าไปเดินซื้อของบ้าง ดูอุปกรณ์ที่เขาออกแบบพัฒนามาใหม่ๆบ้าง

ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มีพนักงานจำนวนมากกว่าคนไปซื้อสินค้า อาจเป็นเพราะผมไปจับจ่ายในช่วงวันปกติ เพราะวันเสาร์และอาทิตย์ผมต้องไปทำงานสอนหนังสือ

ต้องขอบคุณเจ้าของกิจการ ที่เขาไม่ปลดคนงาน หรือให้คนงานต้องหยุดทำงานในช่วงนี้การก่อสร้างลดลงมาก แม้อุปกรณ์การก่อสร้างจะราคาลดลง เหล็กเส้น ปูน หิน ดินถมที่ กรวด ทราย ใครมีเงินเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วงนี้ ก็จะได้งานที่มีต้นทุนที่ลดลง

ร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านสรรพสินค้า งานและรายได้จะลดลง แต่การที่เขายังกัดฟันรักษาคนทำงาน ไม่ปลดออก หรือให้หยุดงาน ผมในฐานะเป็นคนไทยคนหนึ่งก็ต้องขอบคุณเขา แต่ก็นั่นแหละ ภาคธุรกิจต้องทำให้ได้มากกว่านั้น

ดังในกรณีของห้างอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้สอยในบ้าน

เมื่อไม่มีงาน ก็ควรจัดกิจกรรมการศึกษาแบบเป็นภายใน เพื่อให้คนขายได้มีความเข้าใจในสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกค้าที่จะต้องเลือกซื้อสินค้าอย่างถูกต้องมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อไม่ซื้อสินค้าไปแบบผิดๆ เสียเงิน เสียโอกาส ซึ่งจะเล่าให้ฟังต่อไป

การศึกษานั้นไม่จำเป็นต้องส่งไปเรียนภายนอก แต่บริษัทห้างร้านสามารถให้การศึกษาแก่คนทำงานได้หลากหลายรูปแบบ (Corporate Education) ให้ความรู้แก่คนทำงานที่จะทำให้เขาทำงานบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น (Consumer Education)

บริการอาหาร

คนไทยเราเก่งเรื่องบริการ ความเป็นคนยิ้มง่าย รักความสนุก และเก่งเรื่องการดูแลต้อนรับ แต่กระนั้นในกิจการบริการท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน หรืออย่างที่เขาเรียกว่า Hospitality Management นั้น ยังมีทางที่จะพัฒนาได้อีกมาก

ที่ร้านอาหารขนาดใหญ่ย่านชายทะเลตากอากาศแห่งหนึ่ง ในช่วงวันหยุดยาว ผมและครอบครัวไปพักผ่อน หาอาหารอร่อยรับประทาน สั่ง เครื่องดื่ม (Drink) อาหารมา 4 อย่าง มีของว่าง (Appetizer, Entrée) 1 รายการ ของว่าง หมายถึงของเรียกน้ำย่อย ซึ่งต้องมาก่อน และตามมาด้วยกับข้าวหลัก (Main course) ข้าว ที่จะเป็นของที่มาควบคู่ (Side dish) ถ้าเป็นอาหารแบบฝรั่ง ก็จะได้แก่ มันทอด (French fries), มันฝรั่งบด (Baked potatoes) หรือผักสดหรือผักต้มต่างๆ (Various vegetables) หรือพวกซุป (Soups), พวกขนมปัง (Dinner rolls or other breads), พวกแป้งแผ่นปิ้ง (Pastas) หรือพวก สลัด (Salad) ที่จะกินก่อนอาหารหลัก เสร็จแล้ว จะตามด้วยขนม (Dessert) และเครื่องดื่มส่งท้าย ซึ่งอาจเป็นกาแฟ โดยเฉพาะพวกคนต้องเดินทาง มักจะสั่งกาแฟส่งท้าย

ลำดับของอาหารเป็นเรื่องสำคัญ อะไรมาก่อน อะไรมาหลัง

แต่ปรากฏว่า จานกับข้าวหลัก ที่เป็นพวกเนื้อ ผัก และแกง มาก่อนทั้ง 3 รายการอย่างรวดเร็วพอใช้ อาหารอร่อยใช้ได้ เรารับประทานจนอิ่มแล้ว แต่ของว่างที่ควรจะมาก่อนภายในไม่เกินสัก 10 นาที แต่ปรากฏว่าอีกถึง 30 นาที่จึงมาถังโต๊ะอาหาร ยังดีที่ไม่ได้สั่งของหวาน แล้วของว่างอย่างปอเปียะทอดมาปิดท้าย

เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นในร้านอาหารในต่างประเทศ พนักงานเสิร์ฟและคนทำอาหารเขาจะต้องประสานกัน ที่จะทำให้อาหารถึงโต๊ะลูกค้าอย่างสด ร้อน หรือเย็นตามลักษณะของมัน ตลอดจนมีคนมาติดตามถามว่าทุกอย่างโอเคไหม มีอะไรยังขาดตกบกพร่องบ้าง แต่ในบ้านเรา เราไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดดังนี้มากนัก แต่ก็ยังอยู่กันไปได้

แต่สำหรับร้านอาหารไทยที่จะบริการฝรั่ง ปรากฏว่าอาหารมาที่โต๊ะสลับกันอย่างไม่น่าจะเกิด เข่นเขารับประทานอาหารเสร็จแล้ว ของว่างก็รับแล้ว แต่แกงเผ็ดเป็ดย่างมาถึงท้ายสุด

นักศึกษาเพิ่มขึ้นที่มหาวิทยาลัย

ที่มหาวิทยาลัยที่ผมไปสอนหนังสือในหลักสูตรระดับปริญญาเอก มีคนเรียนไม่มากนัก ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้น เพราะการศึกษาระดับสูงนั้น ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน เพียงแต่ว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้เรียนและสอนได้อย่างมีคุณภาพ

แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น คือการศึกษาในระดับปริญญาตรีในปีการศึกษา 2552 มีผู้เรียนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 60-66 ในขณะที่จำนวนผู้มาลงทะเบียนเรียนในระดับบัณฑิตศึกษา หรือปริญญาโท การศึกษาบัณฑิต และระดับดุษฎีบัณฑิตโดยรวมอยู่ในระดับไม่เพิ่มขึ้น

ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ในช่วงเศรษฐกิจยามยากนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองที่เข้าใจว่าการหางานเป็นเรื่องยากนั้น แทนที่จะปล่อยบุตรหลานวิ่งหางานที่ก็หายาก มีโอกาสได้งานน้อยนั้น หากพอมีฐานะ ก็จะส่งลูกหลานให้ได้เล่าเรียนต่อไป ดีกว่าปล่อยให้ตกงาน เที่ยวเตร่ หรือมั่วสุมกันอยู่ตามราวสะพาน หรือเข้ากลุ่มเข้าแก๊ง

คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คิดถูกแล้วที่กัดฟันส่งลูกหลานเข้ารับการศึกษา

แต่สำหรับมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ทั้งส่วนของรัฐบาลและเอกชน ทำอย่างไรมหาวิทยาลัยจึงจะเน้นไปที่การพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพมากขึ้น การศึกษาที่ทำให้เขามีความสามารถในการเรียน (Learning Capacity Enhancement) มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ ทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ทักษะด้านตัวเลข ทักษะและพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology Education) ที่เขาจะต้องใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงาน

การศึกษาต้องสัมพันธ์กับชีวิต และการมีงานทำ แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้เยาวชนไม่เพียงออกไปมีงานทำ แต่ทำอย่างไรเขาจึงจะไปสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นได้ในสังคม และสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศได้

สุขภาพดีถ้วนหน้า

การดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ชิดเป็นเรื่องต้องให้การศึกษา (Health Education)

ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความรู้ในการดูแลสุขภาพ รู้จักกลั่นกรอง หลีกเลี่ยงโอกาสเจ็บป่วย การดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อย และเมื่อใดที่ควรต้องไปหาแพทย์ หรือเข้าโรงพยาบาล ทำไมในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่น เขาป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่อัตราการตายจะน้อยมากหรือไม่มี แต่ทำไม อัตราการตายและเสียชีวิตของเราจึงพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 [58] (อังกฤษ: 2009 new-strain influenza) หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอชวันเอ็นวัน [58] (อังกฤษ: influenza A (H1N1)) ไข้หวัดใหญ่จากสุกร (อังกฤษ: swine-origin influenza) ก็เรียก ได้ระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยเริ่มปรากฏครั้งแรกในนครเม็กซิโกซิตีกับส่วนอื่นๆ ของประเทศเม็กซิโก (ช่วงแรกจึงเรียกว่า ไข้หวัดเม็กซิโก) และในพื้นที่อีกหลายส่วนของสหรัฐอเมริกา อนึ่ง หน่วยงานสาธารณสุขหลายแห่งยังรายงานว่าในประเทศนิวซีแลนด์ยัง พบกรณีคล้ายจะเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวอีกสิบกรณี แต่ยังไม่มีการรับรองรายงานดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบผู้ต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่อีกหนึ่งพันรายทั่วโลก และเนื่องจากยังไม่อาจรับรองว่าผู้ป่วยดังกล่าวทุกคนเป็นไข้หวัดใหญ่ องค์การอนามัยโลกจึงเรียกภาวะเช่นนี้โดยรวมว่า "ภาวะเจ็บป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่" (อังกฤษ: influenza-like illnesses)

ณ เวลาปัจจุบัน (Monday, July 13, 2009) มีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 3555 คน เสียชีวิตแล้ว 19 คน นับว่ามากที่สุดในเอเชีย ซึ่งอาจเป็นเพราะประเทศไทยมีการรายงานผลอย่างถี่ถ้วนและตรงไปตรงมา ในขณะที่บางประเทศไม่มีระบบที่ทันสมัยเท่า หรือมีการปิดบังข้อมูลข้อเท็จจริง หรืออาจจะยังเป็นเพราะประเทศไทยเองก็ยังไม่มีมาตรการป้องกัน ดูแล หรือการให้การศึกษาแก่ประชาชนที่จะรู้จักดูแลตัวเองได้ดีพอ

การมีนโยบายรักษาฟรีเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่เพียงพอ ทำอย่างไรจึงจะให้การศึกษา ที่ทำให้ประชาชนได้มีขีดความสามารถในการดูแลตนเอง ป้องกันตนเองจากโรคภัยไข้เจ็บ และเมื่อเจ็บป่วย ก็รู้ว่าจะทำอย่างไร

จากช่างซ่อมเครื่องซักผ้า

ครูไม่ใช่เพียงคนที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน

เมื่อผมกลับจากต่างประเทศ หลังจากที่ได้ห่างบ้านไปถึง 2 เดือนครึ่งในช่วงปิดภาคการศึกษาในฤดูร้อน

เครื่องซักผ้า (Washing machine) ราคาแพงขนาด 3 หมื่นกว่าได้เสียลง ที่ซื้อมาแพง ก็เพราะคิดกันว่า ของแพงสักหน่อย แต่ว่าใช้ได้ทน ก็จะคุ้ม เพราะค่าซ่อมมีแต่จะยิ่งแพงขึ้นทุกวัน

เมื่อเครื่องซักผ้าเสีย ได้ลองให้ช่างซ่อมเครื่องไฟฟ้าข้างบ้านช่วยมาดูว่าจะซ่อมได้อย่างไรหรือไม่ ได้ความว่า Main board ที่ควบคุมการทำงานเครื่องที่เป็นระบบคอมพิวเตอร์เสีย เขาถามหาว่ามีคู่มือแผง Main board หรือไม่ ปรากฏว่าไม่มี และผมก็ไม่ได้เก็บเอกสารใดๆไว้อย่างเป็นระบบ

ถามไปที่บริษัทผู้จำหน่ายเครื่อง เขาไม่ให้ข้อมูล ท้ายสุดใช้บริการซ่อมของบริษัทเขา ซึ่งเขาก็ส่งช่างมาซ่อมให้ภายในเวลาไม่นาน โดยแจ้งว่ามีค่าแรง 600 บาท ส่วนค่าอะไหล่นั้นจะทราบเมื่อช่างได้ตรวจปัญหาแล้ว

เดี๋ยวนี้ข่างซ่อมเครื่องไฟฟ้าแบบเครื่องซักผ้าหรือตู้เย้นราคาแพงนี้ เขามีช่างแบบ Subcontract รับงานแบบมีค่าตอบแทนตามจำนวนงาน มีงานมากก็ได้รายได้มาก มีงานน้อยก็มีรายได้น้อย ช่างจะเดินทางไปซ่อมเครื่องโดยขี่มอเตอร์ไซค์ มีกระเป๋าเครื่องมือเล็กๆติดไปด้วย มีโทรศัพท์มือถือ (Mobilephone) ที่ติดตัวไป สื่อสารได้กับบริษัทฯ เขาบอกว่าปัจจบันแทบไม่มีที่จะใช้วิธีการยกเครื่องกลับไปซ่อมที่บริษัท เพราะต้องใช้คนช่วยยกอีกอย่างน้อย 1-2 คน กับต้องมีรถ Pickup อีกหนึ่งคัน วิ่งฝ่าจราจรไปกลับระหว่างบ้านลูกค้ากับบริษัท ที่ๆจะจอดรถก็หายาก

หลังจากข่างเขาดูเครื่อง พบว่า Main board เสีย เขาจึงแจ้งว่าค่าอุปกรณ์นั้นราคาประมาณเกือบ 9,000 บาท จะซ่อมหรือไม่ แต่เปลี่ยนแล้วจะเหมือนเดิมทุกประการ ผมนิ่งไปสักพักใหญ่ แล้วก็ตัดสินใจสั่งซ่อม แต่มารู้สึกว่าราคามันเกือบจะไปซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ได้อีกเครื่องหนึ่งแล้ว ผมคุยกับเขาอยู่สักระยะเพื่อขอความรู้ ท้ายสุดเขาบอกกับผมว่ามีทางเลือกอีกทางหนึ่ง คือไปซื้ออะไหล่จากจีน เป็นอุปกรณ์อย่างเดียวกัน แต่หน้าปัดเป็นภาษาจีน มี Features ที่ทำงานลดลงบ้าง เช่นจากมีให้ใช้การปั่นที่ 600-1200 รอบต่อนาที เป็นมีให้เลือก 600-800 รอบต่อนาที แต่เขาบอกว่าความเร็วของการปั่นที่ 800 รอบนั้นก็เพียงพอสำหรับเครื่องซักผ้าทั่วไปแล้ว ราคาแผงอุปกรณ์จากจีนที่ทดแทนกันได้นี้ ประมาณ 3500 บาท ผมก็เลยเลือกทางเลือกนั้น

ความผิดพลาดเป็นครู

อีก 2 วันต่อมา ช่างซ่อมเครื่องซักผ้า โทรมาแจ้งว่าเขาซื้ออุปกรณ์ได้แล้ว และจะมาติดตั้งให้ในวันที่กำหนด ซึ่งเราต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลให้เขาเข้ามาซ่อมได้ ระหว่างที่เขาใช้เวลาซ่อมเครื่องซักผ้า ซึ่งก็คล้ายๆกับเมื่อเรานำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปให้ช่างซ่อมแถวพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ถอดฝาพลาสติกออก เปลี่ยนอุปกรณ์ต่อสายไฟ แล้วก็ทดสอบเครื่อง

ช่างซ่อมเครื่องซักผ้า ตู้เย็นรุ่นใหม่ เหล่านี้ เขาเรียนมาคล้ายกับช่างซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเอง ระหว่างซ่อม ผมก็คุยขอความรู้ พอดีเขาก็เป็นคนช่างคุยด้วย จึงเล่าให้ฟัง เขาบอกว่า เขาก็อึดอัดเหมือนกัน ที่ลูกค้าต่อว่า ทำไมค่าซ่อมจึงสูงนัก เขาเล่าให้ฟัง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการศึกษาสำหรับผมและสมาชิกในบ้าน

(1) เพราะเวลาไปซ่อมเครื่องซักผ้าที่ Brand มาจากยุโรป อุปกรณ์ต่างๆจะราคาสูงมากด้วยค่าเงิน Euro ที่สูงขึ้น ทำให้ค่าอุปกรณ์ต่างๆมีราคาแพงตามไปด้วย ส่วนเวลาเครื่องจะเสียนั้น ไม่ว่าเครื่องที่มี Brand จากประเทศใด มีโอกาสเสียใกล้เคียงกัน อุปกรณ์หลายส่วนก็มาจากจีนหรือเกาหลีคล้ายกัน

สรุปว่า ของแพงอาจไม่ใช่ของที่ดีสำหรับเราก็ได้

(2) เครื่องซักผ้าแบบที่เปิดฝาด้านข้างที่เป็นระดับปานกลาง ไม่มี Function อะไรที่ซับซ้อนมากนัก จะสะดวกในการซ่อม คนใช้มาก อุปกรณ์ซ่อมราคาไม่แพง และไม่จำเป็นต้องใช้อะไหล่ตรงจากบริษัทฯ หาซื้อได้ทั่วไป ราคาค่าซ่อมจะถูกกว่ามาก นอกจากนี้ คือเครื่องซักผ้าราคาไม่แพงจากญี่ปุ่น เกาหลี เขาเปิดช่องให้มีอะไหล่ทดแทนได้ง่ายกว่า

สรุปว่า ของถูกอาจเป็นของที่ดีสำหรับเราก็ได้ เราในที่นี้หมายถึงผู้บริโภคต้องเรียนรู้ตั้งแต่ตอนซื้อ ตอนใช้ และตอนที่จะต้องซ่อม

(3) ช่างซ่อมเขาเห็นบริเวณที่ตั้งเครื่องซักผ้าที่บ้านของเรา ซึ่งมักจะเปียกชื้น และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีความชื้นไปสะสมอยู่ในบริเวณ Mainboard ของเครื่อง ยิ่งเวลาใช้เครื่องเสร็จ มีพลาสติกคลุม ก็เลยเก็บความชื่นไว้ในเครื่อง เขาเลยแนะนำให้มีผ้าขนหนูแห้งๆ คลุมเครื่องไว้ ก่อนที่จะคลุมเครื่องด้วยพลาสติกอีกที่หนึ่งกันเปียกฝน

สรุปรวมความก็คือ อย่าให้มีการสะสมความชื้น (Humidity) ในเครื่องซักผ้า เพราะบริเวณหน้าปัดเครื่องนั้น มันก็มีสภาพคล้ายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรศัพท์มือถือ หรือนาฬิกาข้อมือของเรา ที่ต้องระวังอย่าให้มีความชื้นสะสม

ต้องทำได้มากกว่าการศึกษาฟรี

ผมต้องเดินทางไปแถวอีสานใต้บ่อย ได้ฟังคนเขาพูดกันก็มาก

โดยธรรมชาติแล้ว คนอีสานเป็นคนซื่อ รักใครรักจริง มีความกตัญญูแบบไทยๆเรา ใครทำอะไรที่ดีๆให้เขา เขาก็จะจดจำไว้ตลอดไป

คนอีสานรุ่นเก่า ยังระลึกถึงอดีตนายกรัฐมนตรีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่แม้จะเป็นเผด็จการทหาร แต่การที่มีนโยบาย น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีเงินใช้ ไร้โรคา พาให้สุขสมบูรณ์ เฉพาะการที่ทำให้มีการพัฒนาประเทศ ทำให้มีถนนหนทางในชนบท และเป็นรากฐานในการพัฒนาจนถึงปัจจุบัน เขาขอบคุณและระลึกถึง

นโยบายในสมัยนายกฯทักษิณ ชินวัตร ดังเช่น กองทุนหมู่บ้าน, 30 บาท รักษาทุกโรค หรือที่เรียกว่า Universal Healthcare นั้น เป็นเรื่องโดนใจเขา แม้คุณทักษิณจะมีปัญหาด้านผลประโยชน์ทับซ้อน การไม่เคารพในสิทธิมนุษยชน การแทรกแซงองค์กรที่ต้องเป็นอิสระ การเล่นพรรคเล่นพวก การทุจริตที่ได้เกิดขึ้นในวงการเมือง ที่สร้างความหมางใจให้กับชนชั้นกลาง ปัญญา นักวิชาการ และคนเมือง หรือแม้แต่คุณทักษิณจะยังต้องโทษ หนีคดี คนอีสานก็ยังขอบคุณและซึ่งใจในสิ่งดีๆที่ได้เคยหาเสียง และได้ทำตามนั้น

นโยบายการศึกษาของพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้การศึกษาฟรี 12 ปีนั้น นับว่ายังไม่โดนใจคนอีสาน สำหรับครูจำนวน 600,000 คน ก็ไม่โดนใจเขา โดยรวมๆ ครูไม่ได้ชอบรัฐบาลทักษิณ เพราะในยุคนี้ วงการครูมีการแทรกแซง การล้วงลูกเอาพรรคพวกของตนเข้าสู่ระบบการศึกษา นำระบบพรรคพวก (Spoil System) แทนที่จะใช้หลักคุณธรรม (Merit System) เพื่อส่งเสริมคนเก่ง คนตั้งใจทำดี แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่ก็ไม่ถูกใจครูอาจารย์และนักการศึกษา นโยบาย การศึกษาฟรี ยังไม่ถูกใจครู ผูกใจครูได้เหมือนที่รัฐบาลทักษิณเคยได้ใจจากตำรวจ เพราะหนุนหลังตำรวจเป็นพิเศษ

การทำให้เด็กๆมีชุดนักเรียนฟรี ตำราเรียนฟรี ยังไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองพอใจ เขาต้องการมากกว่านั้น พ่อแม่เขาต้องการคุณภาพการศึกษา (Quality Education) แม้ในยามเศรษฐกิจฟืดเคือง แต่ผมเห็นโรงเรียนกวดวิชา (Cram Schools) เกิดขึ้นมากมาย ยิ่งโรงเรียนจัดกิจกรรมการศึกษา เก็บเงินพิเศษ เพื่อพัฒนาการศึกษาในโรงเรียนแบบปกติไม่ได้ เขาก็เลยไปจัดการศึกษาข้างนอก ครูอาจารย์ก็ไปเปิดโรงเรียนกวดวิชา พ่อแม่ผู้ปกครองก็ตามไปจ่ายเงินไม่น้อยไปกว่าเดิม เด็กๆก็ต้องใช้เวลาเรียนมากเพิ่มขึ้นไปอีก กลายเป็นว่า นโยบายการศึกษาใหม่ เป็นพันธมิตรทางอ้อมกับระบบโรงเรียนกวดวิชา

กระทรวงศึกษาธิการต้องคิดใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ต้องตรวจสอบนโยบายการศึกษาใหม่

ทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกหลานประชาชนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ คุ้มกับเงินลงทุนทั้งของรัฐและประชาชน (Effectiveness of Education) ทำอย่างไรจึงจะมีครูที่ดี มีค่าตอบแทนที่เหมาะสม ครูได้รับการส่งเสริม มีเงินเดือนค่าจ้างที่เหมาะแก่ผลงานของเขา

ทำอย่างไรจึงจะทำให้ภาคเอกชน ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างจริงจัง ทำอย่างไรจึงจะระดมทรัพยากรในระดับท้องถิ่นเพื่อการศึกษาได้ในสัดส่วนที่มากขึ้น นอกเหนือจากเงินงบประมาณจากส่วนกลาง ซึ่งก็มาจากภาษีอากรของประชาชนทั้งประเทศนั้นเอง

การศึกษาต้องเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ รัฐบาล ท้องถิ่น ภาคเอกชน ศาสนา การศึกษาต้องไม่เป็นเรื่องที่แบ่งฝักฝ่ายตามลักษณะพรรคการเมือง แต่ทำให้เกิดความร่วมมือแบบข้ามพรรคได้ เหมือนกับนโยบายด้านสุขภาพ สุขภาพดีถ้วนหน้า เป็นความจำเป็นสำหรับประเทศ

เช่นเดียวกับการศึกษา การศึกษาคุณภาพสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงเสื้อผ้าชุดนักเรียนฟรี นมกลางวันฟรี หนังสือเรียนฟรี แต่การศึกษาคุณภาพ คือสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย ที่มีคนเกิดน้อยลง คนมีอายุยืนนานขึ้น ทำอย่างไรจึงจะทำให้การศึกษามีส่วนในการพัฒนาคุณภาพคน คุณภาพชีวิตของเขาอย่างต่อเนื่องยาวนาน การศึกษาเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน

No comments:

Post a Comment