ปฏิรูปการศึกษา – ด้วยการกระจายอำนาจ
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com
Keywords: นโยบายสาธารณะ, public policy, ปฏิรูปการศึกษา, education
reform, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, human resource
development, เขตพื้นที่การศึกษา, Local Education Areas –
LEAs, school districts, ศึกษาธิการเขตพื้นที่การศึกษา,
ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา, superintendent
ภาพ สภาพห้องเรียนโดยทั่วไปของโรงเรียนในปัจจุบัน
การจะปฏิรูปการศึกษาที่สำคัญที่สุด
ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า การศึกษาเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุดของประชาชนและชุมชน
ไม่มีใครจะรักและเห็นประโยชน์ของการศึกษามากไปกว่าพ่อแม่ผู้ปกครอง
และชุมชนใกล้ตัวของเด็กและเยาวชน
ดังนั้น สำคัญที่สุดของการปฏิรูปการศึกษา
คือการที่รัฐบาลส่วนกลางปรับเปลี่ยนระบบการบริหาร ลดบทบาทของส่วนกลาง และให้พ่อแม่ผู้ปกครอง
ท้องถิ่น และองค์กรต่างๆ ทั้งภาคเอกชน ภาคพัฒนาสังคม
ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบการศึกษา ส่วนรัฐบาลส่วนกลาง
จะสนับสนุนการศึกษาในระดับปานกลาง
และยืดหลักเข้าช่วยเฉพาะในส่วนที่เขายังไม่แข็งแรงและมีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข
หลักการในการดำเนินการกระจายอำนาจ ยืดหลัก 5
ขัอดังนี้
1.
การกระจายอำนาจการศึกษา (Decentralization) สร้างความแข็งแกร่งให้กับการบริหารเขตพื้นที่การศึกษา
a.
ให้เขตพื้นที่การศึกษาเป็นนิติบุคคล
(Legal identity of LEAs) สามารถทำนิติกรรมได้ด้วยตนเอง
b.
ให้ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา
หรือศึกษาธิการเขตฯ (Superintendents) เป็นตำแหน่งที่สรรหา คัดเลือก
และรวมถึงถอดถอนได้โดยท้องถิ่น ภายใต้ความรับผิดชอบของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
(Local Board of Education)
2. การพัฒนากระบวนการผลิตครู และบุคลากรทางการศึกษา (Teachers/human
resource development) โดยยืดหลักให้ได้คนดีคนเก่งมาทำงานให้กับระบบการศึกษา
a.
ให้บุคลากรที่มาจากสายวิชาชีพอื่นๆ
มาเป็นครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ และหากต้องมีหน้าที่สอน ก็ให้ใช้เวลาในช่วง 2
ปีแรก พัฒนาวุฒิทางการศึกษาเพิ่มเติมขึ้น
ให้เข้าเงื่อนไขของการเป็นครู
b.
ให้ครูเป็นข้าราชการหรือบุคลากรของท้องถิ่น
ของเขตพื้นที่การศึกษา ให้ครูที่เป็นข้าราชการมีจำนวนจำกัดลงเป็นลำดับ และให้ครูและบุคลาการทางการศึกษากลายเป็นพนักงานของเขตพื้นที่การศึกษา
c.
ส่งเสริมให้มีบุคลากรทางการศึกษาให้มีความหลากหลาย
(Diversified resource persons) ทั้งที่เป็นพนักงานของระบบเขตพื้นที่การศึกษา
ลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว และที่เป็นอาสาสมัคร
3
. การสร้างเสริมระบบคุณธรรม (Merit system) และความโปร่งใส
(Transparency) ในการบริหารการศึกษา
a.
การสรรหาและคัดเลือกคนดีมีความสามารถมาทำงานเป็นครูและบุคลากรทางการศึกษา
โดยไม่เปิดช่องทางให้มีการเล่นพรรคเล่นพวก (Nepotism, spoiled system) ในวงการศึกษา
b.
ให้ส่วนกลาง คือ กระทรวงศึกษาธิการ มีระบบติดตามผลการทำงาน
มี “ผู้ตรวจการภาคการศึกษา” โดยมีภาคการศึกษาไม่เกิน 12-15 ภาคการศึกษา
สำหรับทั้งประเทศ มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบ ไม่ได้มีหน้าที่ลงไปปฏิบัติการ
c.
การติดตามผลการทำงานให้เน้นไปที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(Efficiency & effectiveness) ของเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรฐานการศึกษาขั้นต่ำ มีระบบข้อมูลสรุปย่อและสถิติทางการศึกษาที่จำเป็น
เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ในการนี้จึงให้สำนักงานผู้ตรวจการภาคการศึกษา (Regional
office) ต้องมีคนมีความรู้ทางการเงินการบัญชี (Finance &
accounting) ด้วย
d.
เขตพื้นที่การศึกษาต้องจัดทำรายงานผลปฎิบัติการทางการศึกษา
เพื่อรายงานต่อประชาชนในเขตความรับผิดชอบของตน
และรายงานนี้ส่งผ่านผู้ตรวจการศึกษาไปยังกระทรวงศึกษาธิการ
4
. การพัฒนาระบบเครือข่ายทางการศึกษา (Education network) เพื่อตอบสนองต่อการใช้ประโยชน์จากระบบเครือข่ายสายและไร้สาย (Wired
and wireless) ตลอดจนการใช้โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และ Digital
technology
a.
การสนับสนุนให้ทุกโรงเรียนมีเครือข่ายออนไลน์
ทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เป็นธรรม แก้ปัญหาคน/หน่วยงานอยู่ไกลต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูงกว่าทั่วไป
b.
การสนับสนุนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ผลิตสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Digital content) ในแบบที่เปิดเสรีและมีการแข่งขัน
c.
การส่งเสริมให้เกิดระบบทดสอบออนไลน์
ทั้งเพื่อพัฒนาขีดความสามารถผู้เรียน (Development tests) และระบบใช้เพื่อการวัดผลทางการศึกษา
(Evaluation) สำหรับแต่ละผู้เรียน
5
. การจัดระบบระดมทรัพยากรเพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา (Financial
resources for education)
a.
ให้กระทรวงศึกษาธิการ
ส่วนกลางมีหน้าที่ในการจัดทำและจัดหาทุนส่วนกลางในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา
และทุนเพื่อพัฒนาสถาบันการศึกษา ในรูปแบบเงินยืม นอกเหนือจากการจัดสรรงบประมาณปกติ
b.
การจัดระบบภาษีอากร (Tax and
donation) เปิดโอกาสให้คนหันมาสนับสนุนการศึกษา โดยได้ส่วนหักลดด้านภาษีอากรด้านต่างๆ
c.
การจัดระบบกู้ยืมเพื่อการศึกษา (Education
loans) โดยพิจารณาการส่งเงินคืน
ให้เป็นไปตามลักษณะงานที่ทำประโยชน์เพื่อสังคมโดยตรง เช่น การเป็นอาสาสมัคร
การทำงานในหน้าที่พัฒนาสังคม ฯลฯ
No comments:
Post a Comment