Wednesday, September 17, 2014

Nissan เลือกใช้บริการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากบริษัท LG Chem ของเกาหลีใต้

Nissan เลือกใช้บริการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากบริษัท LG Chem ของเกาหลีใต้

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

 Keywords: การคมนาคม, Transportation, ยานพาหนะ,vehicles, รถยนต์, car, รถยนต์ไฟฟ้า, Electric car, EV, hybrid electric car, PHEV, Nissan, Renault, NEC, LG Chem


ภาพ รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf ที่ออกมาสำหรับเป็นรถยนต์วิ่งในเมืองระยะสั้นๆ ใช้แบตเตอรี่ขนาดไม่ใหญ่ และราคาไม่แพง


ภาพ แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นับเป็นหัวใจในการแข่งขัน ทั้งในเชิงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี และราคา รถยนต์ไฟฟ้าจะแพ้หรือชนะกัน ก็ด้วยแบตเตอรี่นี้

ศึกษาจาก “Nissan may source cheaper batteries from LG Chem.” MONDAY, SEPTEMBER 15, 2014

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric cars, EVs) ตัดสินกันด้วยราคา และราคาเป็นอันมากมาจากแบตเตอรี่

คาร์ลอส กอสน์ (Carlos Ghosn) ผู้บริหารใหญ่ของนิสสัน (Nissan) เตรียมตัดค่าใช้จ่ายการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเองลง โดยหันไปใช้บริการจากบริษัทผู้ผลิตที่เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่แล้ว อย่าง LG Chem ของเกาหลีใต้ ซึ่งเรื่องนี้แม้จะทำให้ต้องบาดหมางกับบริษัทพันธมิตรอย่าง NEC แต่เพราะการแข่งขันด้านรถยนต์ไฟฟ้า สำคัญที่สุดคือการได้แบตเตอรี่ที่มีพลัง น้ำหนักเบา ใช้ได้ทนทาน และราคาต่ำสุด ประหยัดสุด

ปัจจุบันแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันมีราคาที่ USD279 ต่อ kWh ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าต้นทุนจริง ซึ่งเชื่อว่าอยู่ที่ USD300 แต่หากใช้ความร่วมมือกับ LG ซึ่งใช้เทคโนโลยี lithium nickel manganese cobalt oxide (NMC) เป้าหมายต้นทุนที่จะทำให้ได้คือ USD200/kWh หรือทำให้ราคาถูกลงมากว่าร้อยละ 33 เหตุที่ทำให้ราคาจะถูกลงมากนี้ เพราะ LG นอกจากจะใช้เทคโนโลยีที่ได้เปรียบแล้ว ยังมีผู้ร่วมใช้แบตเตอรี่อีกหลายบริษัท แม้บางบริษัทจะเป็นคู่แข่งขันกับนิสสันก็ตาม เมื่อมีการร่วมผลิตจำนวนมาก ก็ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกลง

เรื่องนี้อาจทำให้เกิดความหวั่นไหวทางการเมืองในประเทศญี่ปุ่น ที่นิสสันจะเดินตามแนวทางของ Renault โดยหันไปใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าจากบริษัท LG Chem ของเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงรถยนต์รุ่นที่จะผลิตจากประเทศจีน

ทางฝ่ายนิสสันเองก็ยอมรับว่าในด้านการแข่งขันด้านราคาและคุณภาพแบตเตอรี่แล้ว ทางฝ่ายนิสสันเองยังตามหลัง LG อยู่ระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี บุคลากรระดับบริหารที่ไม่เปิดเผยนามคนหนึ่งกล่าว

นิสสันเดิมตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำด้านการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า แต่เมื่อทำเข้าจริงปรากฏว่าไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งเรื่องนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจตั้งโรงงานแบตเตอรี่ที่เมือง Sunderland ประเทศอังกฤษ และที่เมือง Smyrna รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีกำหนดในเดือนที่จะถึงนี้ ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ถึงร้อยละ 43.4 มาจาก Renault ซึ่งเป็นบริษัทคู่พันธมิตรกับนิสสัน

ฝ่าย Renault ชัดเจนว่าต้องการใช้บริการแบตเตอรี่ไฟฟ้าของ LG แต่ฝ่ายวิศวกรรมของนิสสันต้องการที่จะดำเนินการผลิตแบตเตอรี่ด้วยบริษัทเองในประเทศญี่ปุ่น แต่ความแตกต่างด้านราคาและต้นทุนที่จะมีผลต่อการแข่งขันกันนั้นมีมูลค่าสูงมาก

แต่ฝ่ายนิสสันเองก็ยังไม่ได้ตอบตกลงใดๆ ยังคงต่อรองกับบริษัทพันธมิตรร่วมผลิตฝ่ายญี่ปุ่น NEC Corp ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ทางกอสน์ ผู้บริหารสูงสุดของนิสสันอาจเลือกใช้บริการของทั้งสองบริษัทจากทั้งฝ่ายญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แต่ต้องแข่งขันกันในราคาที่ทำให้นิสสันโดยรวมสู้ราคาด้านรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกได้ ในปัจจุบันนิสสันใช้วิธีการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเอง

อีกทางเลือกหนึ่งคือ การศึกษาว่า LG มีทางเลือกอย่างไร เช่น การให้ LG มาร่วมลงทุนผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าในประเทศใดประเทศหนึ่งที่นิสสันได้เข้าไปดำเนินกิจการ โดยเข้าไปแทนที่ในโรงงานที่นิสสันจะปิดระบบผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าลง

นิสสันและ NEC ได้เข้าไปลงทุน USD215 ล้านที่โรงงานผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าเมือง Zama ประเทศญี่ปุ่น และลงทุนโดยมีรัฐบาลสหรัฐและสหราชอาณาจักรสนับสนุน โดยที่รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ลงทุน USD1,000 ล้าน และ USD341 ล้านที่ Sunderland สหราชอาณาจักร

ในอีกด้านหนึ่งของการตัดสินใจคือเรื่องความต้องการแบตเตอรี่ในตลาด นิสสันเองเคยประมาณการอย่างวาดฝันว่าจะมีความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าถึง 220,000 ชุด หากมีความร่วมมือกับ NEC แต่ในข้อเท็จจริงปัจจุบันในปีที่ผ่านมาทั้ง Renault-Nissan รวมกันขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 67,000 คัน และนับการขายได้สะสมก็เพียงที่ 176,000 คัน การที่คาดว่าในปี ค.ศ. 2016 จะมีเป้าการขายที่ 1.5 ล้านคันนั้นจึงต้องละทิ้งและปรับเป้าหมายใหม่

ในอีกด้านหนึ่ง การแข่งผลิตแบตเตอรี่ก็เหมือนเกมเล่นไพ่ คนที่กล้ากว่าอาจเป็นคนที่กวาดผลประโยชน์ระยะยาวไป ดังตัวอย่าง บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors ที่มีฐานอยู่ทางแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมุ่งไปที่การพัฒนาแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นพลังงานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ไม่น้อยกว่า 200 ไมล์ หรือ 320 กม. ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งต้องใช้แบตเตอรี่ขนาด 60 kilowatt/ชั่วโมง (kWh) ซึ่งใหญ่กว่าและให้พลังมากกว่าที่รถยนต์ไฟฟ้า Leaf ของนิสสันถึงหนึ่งเท่า

ฝ่ายนิสสันเองก็ต้องเจรจาต่อรองในสัญญากับ NEC ซึ่งกำหนดให้นิสสันต้องซื้อแบตเตอรี่จาก NEC สำหรับรถยนต์ Leaf ขนาดแบตเตอรี่ 24 ในราคาที่ต้องปรับปรุงใหม่ ส่วนความร่วมมือกับ LG Chem นั้นก็ให้เป็นส่วนใหม่ที่จะลงทุนในรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา และ Sunderland ในประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมแล้วต้องใช้คนงาน 500 คน


----------------- 

No comments:

Post a Comment