Saturday, September 5, 2009

เมืองนิวยอร์คเปลี่ยนรถแทกซี่เป็นรถไฟฟ้าลูกประสม

เมืองนิวยอร์คเปลี่ยนรถแทกซี่เป็นรถไฟฟ้าลูกประสม


ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

ศึกษาและเรียบเรียง

Updated: Saturday, September 05, 2009
Keywords: การขนส่ง, เทคโนโลยี, วิถีชีวิต, สหรัฐอเมริกา, รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฟฟ้าลูกประสม, Hybrid electric car, New York City, NYC

มหานครนิวยอร์ค (New York City, New York) มีประชากรประมาณ 8.5 ล้านคนมีที่ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา จัดเป็นตัวนำการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน ทั้งด้านศิลปะ แฟชั่น วัฒนธรรม และรวมถึงวิถีชีวิตอย่างระบบขนส่งในเมือง ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่เรียกว่า Subway ในขณะที่โลกต้องแก้ปัญหาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์คก็เป็นตัวนำการเปลี่ยนแปลงที่หลายๆฝ่ายต้องจับตามอง

ดูตัวอย่างจากรถแทกซี่ เมืองนิวยอร์คมีรถแทกซี่ประมาณ62,000 คัน รถเหล่านี้ได้รับการควบคุม
เขาพยายามให้มีปริมาณพอเหมาะแก่ขนาดของเมือง และต้องการควบคุมมลภาวะ.ให้การจราจรไม่ติดขัด

โดยทั่วไป รถโดยสารส่วนบุคคลที่ต้องวิ่งเข้ามาในบางบริเวณดังเช่นเกาะแมนฮัตตัน (Manhattan)
เกือบจะทุกเส้นทางจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสองประการ คือหนึ่ง ค่าผ่านทาง เช่นทางลอดอุโมงค์ใต้ดิน ค่าผ่านทางด่วน และที่สำคัญก็คือเมื่อเข้ามาในหลายบริเวณก็จะต้องหาที่จอดรถ เสียค่าที่จอดรถอย่างแพงระดับอาจถึงเป็นพันบาทต่อวัน


ภาพ รถแทกซี่รุ่นเก่า ที่ใช้ในเมืองนิวยอร์ค เป็นรถขนาดใหญ่ (Full Size)
ภาพ รถแทกซี่สีเหลือง ขนาด Full Size
ที่จะเห็นมีใช้มากทีึ่สุด แต่ต่อไปจะลดลงเป็นลำดับ

รถรับจ้างอย่างแทกซี่เอง ก็มีให้วิ่งอย่างจำกัดตามโควต้า อีกประการที่เขาทำในขณะนี้ คือให้รถต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ของเมือง ซึ่งได้เพิ่มมาตรการเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อมเข้าไปด้วย

รถยนต์ที่อนุญาตให้ใช้เป็นรถแทกซี่ในมหานครนิวยอร์คได้จะมีลักษณะพื้นที่สำหรับคนนั่ง ช่วงพักขา
(Leg room) เหยี่ยดขาได้ นั่งสบาย กว้างขวางเพียงพอ มีที่เก็บของในกรณีที่ผู้ใช้บริการเดินทางไปและกลับจากสนามบิน สถานีรถไฟ ที่ต้องมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ก็สามารถบรรจุได้อย่างเพียงพอ มีความปลอดภัย แม้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และในยุคต่อไปนี้ คือการสามารถลดมลภาวะทางอากาศ โดยมาตรฐานใหม่รถแทกซี่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ รถเหล่านี้จะเห็นได้ว่า เขาอนุญาตให้รถประเภทลูกประสมที่ใช้พลังงานปิโตรเลียมร่วมกับระบบไฟฟ้า เกือบจะทั้งหมด ยกเว้นรถ

Volkswagen Jetta
ที่เป็นรถยนต์ใช้เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel) ซึ่งใช้น้ำมันประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซินทั่วไปอีกประมาณร้อยละ 40 นอกจากนี้เทคโนโลยียุโรปที่เรียกว่า Euro Diesel ให้หลักประกันด้านการปล่อยแก๊สเสียออกสู่อากาศในอัตราที่รับได้

ในปี ค.ศ. 2008 เมืองนิวยอร์คได้ให้การรับรองรถยนต์ยี่ห้องและแบบที่จะใช้เป็น รถแทกซี่ได้ดังนี้



รุ่น ค.ศ.


ยี่ห้อและแบบ


เครื่องยนต์


คำอธิบาย

2009



Stretch



รถนั่งขนาดใหญ่ที่ยังคงมีใช้อยู่

2009



Hybrid


รถนั่งขนาดกลาง

2009



Hybrid


รถประเภท
SUV ในแบบเดียวกับMazda Tribute

2009



Hybrid


รถประเภท
SUV

2009



Hybrid


รถประเภท
SUV

2009



Hybrid


รถนั่งขนาดเล็ก

2009



Hybrid


รถประเภท
SUV ในแบบเก๋ง

2009



Hybrid


รถนั่งขนาดกลาง

2009



Hybrid


รถประเภท
SUV

2009



Hybrid


รถนั่งขนาดเล็ก เป็นรถHybrid
ที่ขายดีที่สุดในโลก

2009



Hybrid


รถนั่งขนาดกลาง

2009



Hybrid


รถประเภท
SUV ในแบบเก๋ง

2009



Diesel



รถขนาดเล็กที่ปรับขนาดให้ใหญ่พอสำหรับขนาดคนในอเมริกาเหนือ
เป็นรถยุโรปที่ขายดีที่สุดในอเมริกา

2008



-

modified

Toyota Sienna
(wheelchair accessible) จัดเป็นMinvan

2007



-

modified

Dodge Caravan
(wheelchair accessible) จัดเป็นMinvan

2008



-

modified
Toyota Sienna (wheelchair accessible)
จัดเป็น
Minvan

รถแทกซี่ที่วิ่งตามท้องถนนในเมืองนิวยอร์คในยุคที่ผ่านๆมาจะเป็นรถขนาดใหญ่ (Full size) ที่ใช้น้ำมันเปลือง (Gas-quzzling) ดังรถ Ford Crown Victoria ซึ่งเกือบจะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิวยอร์คที่เป็นรถแทกซี่สีเหลืองประเภทเดียวกับที่ใช้เป็นรถตำรวจ แต่แนวคิดนี้ได้เปลี่ยนไปในยุคที่ต้องคำนึ่งถึงการใช้น้ำมันเชื่อเพลิงอย่างไม่ประหยัด

ภาพ รถนั่ง Toyota Camry ที่มีใช้กันมาก
และจัดเป็นรถนั่งที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ภาพ รถ Volkswagen Jetta ใช้เทคโนโลยี Euro Diesel
ที่นำมาใช้เป็นรถแทกซี่ในเมือง

ภาพ รถ Chevrolat Malibu รถนั่งขนาดกลาง
ที่เป็น Hybrid จัดทำเป็นรถแทกซี่ได้

แต่ในยุคต่อไปรถจะมีลักษณะหลากหลายขึ้นตอบสนองต่อผู้ใช้บริการรถนั่งขนาดกลาง อย่าง Toyota
Camry, Nissan Altima หรือในชื่อ Nissan Teana ที่มีวิ่งในบ้านเรา, Chevrolet Malibu ซึ่งเป็นรถขนาดกลางของบริษัท GM ในสหรัฐเอง

ภาพ รถนั่งอเนกประสงค์ (SUV) ที่ใช้เป็นระบบรถลูกประสม
ที่จัดเป็นรถแทกซี่ในเมืองนิวยอร์คได้

มีที่เป็นสปอร์ตอเนกประสงค์ หรือแบบ SUV ขนาดที่นั่งสบาย พื้นรถยกสูง ทำให้เวลาขึ้นลงสะดวก จุของได้มากพอ ดังเช่น Ford Escape, Mercury Mariner, Mazda Tribute, Saturn Vue, หรือ Toyota Highlander รถประเภทนี้หากเทียบกับรถนั่งทั่วไปที่เป็นประเภท Sedanจะใช้น้ำมันเปลืองกว่า หากเป็นแบบวิ่งสี่ล้อ แต่หากนำมาใช้เป็นรถแทกซี่ เขาอาจไม่ต้องใช้แบบมี 2 เพลา ส่งกำลังทั้ง 4 ล้อ เพราะส่วนใหญ่เป็นการวิ่งในเมือง บทถนนปกติ

ภาพ รถแบบ Minivan ที่สามารถทำเป็นรถแทกซี่
ในเมืองนิวยอร์คเมื่อเป็นรถนั่งลูกประสม

รถแบบ Minivan ซึ่งเป็นรถมีที่นั่ง 3 ตอนรวมถึงคนขับด้านหน้า จุผู้โดยสารได้มากขึ้น เพราะแบบที่นั่ง 2 ตอนหลัง จุดคนได้ 4-5 คนได้สบาย ซึ่งในอนาคต แทกซี่อาจได้รับอนุญาตให้รับผู้โดยสารซ้อนรายได้
ในกรณีเดินทางไปจุดหมายปลายทางใกล้กันหรือที่เดียวกัน ดังการรับผู้โดยสารจากโรงแรมไปยังสนามบิน
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้โดยสารที่จะได้ลดค่าโดยสารที่แบ่งจ่าย ทางเมืองเองก็ทำให้ลดการมีรถวิ่งบนท้องถนน และแทกซี่เองก็ได้รับค่าจ้างที่โดยรวมมากขึ้น

ภาพ รถ Toyota Prius เป็นรถขนาดเล็ก ออกแบบมาเป็น Hybrid
มีสถิติประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีที่สุดในปัจจุบัน

รถขนาดเล็กอย่าง
Toyota Prius, Honda Civic, หรือ Volkswagen Jetta ซึ่งก็นั่งได้สบายเพียงพอสำหรับขนาดคนมาตรฐานทั่วไป แถมประหยัดน้ำมันเพราะเป็นระบบรถลูกประสม และคันเล็กมีน้ำหนักเบา ในสมัยก่อนๆ จะถือว่าเป็นรถเล็ก คนนั่งแทกซี่ไม่อยากนั่ง คนขับก็ไม่กล้าใช้ เพราะจะไม่มีคนเรียกใช้บริการ แต่ในยุคต่อไป ค่านิยมของคนที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม จะทำให้มีคนเรียกใช้บริการรถขนาดเล็กมากขึ้นรถ Minivan หรือรถที่นั่งได้ 7 คนนับว่าเป็นความสะดวกปรับให้คนพิการใช้บริการได้สะดวก หากจัดรับผู้โดยสารจากสนามบินเข้าสู่เมืองสามารถรับผู้โดยสารได้จำนวนมากกว่ารถนั่งธรรมดา 2 เท่า


รถแทกซี่มีมประโยชน์ เพราะโดยเปรียบเทียบ

การมีรถแทกซี่บริการ 4 คันทำให้ลดการใช้รถส่วนตัวในเขตเมืองได้เฉลี่ย 10 คัน แถมรถแทกซี่ไม่ไปแย่งที่จอดรถในเมืองดังรถนั่งส่วนตัว< /p>

การกำหนดให้แทกซี่ที่ใช้ในเมืองนิวยอร์คต้องมีประสิทธิภาพการ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ระดับ 25 ไมล์/แกลลอน และจะเพิ่มเป็น 30 ไมล์/แกลลอนในปีถัดไป ดังนั้นรถที่จะเข้าข่ายดังกล่าวได้
จึงเป็นรถยนต์ประเภทลูกประสมเป็นส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมด

ในแต่ละปี จะมีการเปลี่ยนและนำรถลูกประสมหรือรถประหยัดพลังงานเข้ามาแทนที่รถรุ่นเก่าที่สิ้นเปลืองพลังงานและก่อมลพิษทางอากาศ เท่ากับเปลี่ยนแปลงไปร้อยละ 20 ต่อปีโดยกฎระเบียบของเมือง เจ้าของแทกซี่ต้องเปลี่ยนใหม่ทุก 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ แม้รถแทกซี่จะเป็นของเอกชน หรือบุคคล แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการควบคุมรถแทกซี่และรถยนต์นั่งบริการ(The Taxi and Limousine Commission)

ซึ่งประธานกรรมการของคณะกรรมการดังกล่าว แต่งตั้งโดยนายกเทศมนตรีของเมืองนิวยอร์ค
ค่ารถยนต์ลูกประสมที่จะใช้มีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเดียว แต่อัตราการใช้แทกซี่ที่วิ่งระยะทางมากต่อปี ภายในเพียงปีเดียวก็จะคุ้มค่าการประหยัดน้ำมันทดแทนราคาแบตเตอรี่ USD 10,000 หรือประมาณ 350,000 บาท

ดูตัวอย่างจาก Liaquat Janjma อายุ 50 ปีทำงานขับรถแทกซี่กะกลางคืน โดยใช้รถที่เพื่อนเป็นเจ้าของ เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา เขาได้เปลี่ยนรถจาก Crown Victoria คันใหญ่ ใช้น้ำมันปกติ มาเป็น Toyota Highlander ใช้เทคโนโลยีรถลูกประสม ด้วยพลังงานน้ำมันปิโตรเลียมและไฟฟ้า ปรากฏผลทันทีคือทุกคืน เขาสามารถประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้ระหว่าง USD20-50 หรือประมาณ 700 – 1,750 บาทต่อกะ ถ้าหากขับสองกะ

ทุกวันอย่างในประเทศไทย หนึ่งวันประหยัดเงินได้ถัวเฉลี่ย 2,450 บาท หรือเดือนละ 73,500 บาท หรือปีละ 882,000 บาท นั่นแม้เมื่อบวกค่าซ่อมหรือบำรุงรักษาระบบแบตเตอรี่แล้ว ก็จะยังมีเงินเหลืออีกมากเพียงพอที่จะเป็นแรงจูงใจในการเปลี่ยนรถจากเดิมาใช้เป็นรถรุ่นใหม่ที่เป็นลูกประสม (Hybrid) ที่มีระบบใช้พลังงานไฟฟ้าประสม

ความจริงเมืองใหญ่อื่นๆของสหรัฐอเมริกาอย่าง San Francisco ใน California หรือ Boston ในรัฐ Massachusetts ก็ได้ผลักดันให้มีการนำรถลูกประสมมาใช้ในเมืองเช่นกัน แต่ยังไม่ได้กระทำเป็นขนานใหญ่เหมือนในเมืองนิวยอร์ค

จัดได้ว่าเมืองนิวยอร์คเป็นเมืองต้นแบบด้านการใช้การขนส่งสาธารณะ เมืองนิวยอร์คมีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่เรียกว่า Subway ที่มีเครือข่ายครอบคลุมกว้างขวางที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเมื่อใช้ร่วมกับสเครือข่ายรถประจำทาง (Buses) ซึ่งปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นรถลูกประสม (Hybrid) ไปแล้วเป็นจำนวนมาก และเมื่อรวมกับรถแทกซี่ซึ่งมีการควบคุมค่าบริการ ทำให้คนนิวยอร์คไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะแม้รถยนต์โดยทั่วไปในสหรัฐอเมริกาจะมีราคาถูก ไม่เสียภาษีรถยนต์สูงอย่างในยุโรปหรือประเทศไทย แต่การมีรถยนต์ส่วนตัวไม่สะดวกในด้านที่จอดรถ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์คนายกเทศมนตรี Michael Bloomberg แห่งนครนิวยอร์ค ได้ผลักดันขนานใหญ่ที่จะปรับปรุงระบบรถแทกซี่ของเมือง และหากสำเร็จในวงกว้าง จะเป็นตัวผลักดันให้สหรัฐเองต้องให้ความสำคัญแก่รถและการขนส่งทางเลือก โดยเฉพาะรถลูกประสม ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงร่วมกับระบบไฟฟ้า (Hybrid) วิ่งได้ทั้ววันโดยไม่ต้องรอชาร์ตไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างรถไฟฟ้าอย่างเดียว โดยความเป็นจริงแล้ว รถลูกประสมประหยัดพลังงานได้มากถึงร้อยละ 40-50 จากรถธรรมดาหากเป็นการวิ่งในเมืองที่ต้องวิ่งๆหยดๆ แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ราคาแบตเตอรี่ที่ต้องเปลี่ยนเป็นระยะ



1 comment:

  1. ถ้าส่วนใหญ่เดินทางแบบจาก A-B ภายในระยะไป_กลับไม่เกิน 60-70 km.

    ลองแวะมาดูสักนิดนะครับ....ไม่ผิดหวังหรอกครับ

    http://thaielectricdream.blogspot.com/

    ReplyDelete