Wednesday, April 20, 2011

สุภาษิตไทย: สมภารไม่กินไก่วัด หมาไม่กินข้าวเปลือก

สุภาษิตไทย: สมภารไม่กินไก่วัด หมาไม่กินข้าวเปลือก

ประกอบ คุปรัตน์Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, สุภาษิต, ความเป็นครู, sexual harassment, การล่วงละเมิดทางเพศ

สุภาษิตเรื่องสุนัข หรือหมากับข้าวเปลือกมีการกล่าวถึงในบางลักษณะที่อาจไม่เหมือนกัน

“หมาหิวบนกองข้าวเปลือก” หมายถึงการที่คนเราแม้อยู่ใกล้กับโอกาส แต่เพราะไม่มีความรู้ความสามารถ จึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นๆไม่ได้ เหมือนสุนัข แม้จะหิวอย่างไร แม้นอนอยู่บนกองข้าวเปลือกด้วยซ้ำ แต่เพราะความไม่รู้ที่จะเปลี่ยนข้าวเปลือกให้เป็นอาหารได้อย่างไร ก็จะยังต้องนอนหิวต่อไป แม้จะนอนบนกองข้าวเปลือกที่มีคุณค่านั้น

หมากินข้าวสุกได้ แต่กินข้าวเปลือกไม่ได้ เพราะจากข้าวเปลือกจะต้องมีการสีข้าว หรือตำข้าวที่จะเอาเปลือกข้าวออก กลายเป็น “ข้าวสาร” และจากข้าวสารที่ยังดิบกินไม่ได้ ก็จะต้องหุงต้มทำให้สุกการจะเปลี่ยนข้าวสารให้เป็น “ข้าวสุก” เป็นข้าวที่หุงต้มแล้ว ก็ยังต้องใช้ความรู้และวิธีการ ดังนั้น หมาแม้นอนอยู่บนกองข้าวเปลือก จะหิวอย่างไรก็ไม่สามารถกินข้าวเหปลือกประทังหิวได้ ต้องไปหาสิ่งอื่นๆที่พอกินได้มาทดแทน

แต่ยังมีผู้กล่าวถึง “ข้าวเปลือก” เป็นสุภาษิตในอีกแนวหนึ่ง คือ หมาไม่กินข้าวเปลือก ให้หมายถึงอย่ากระทำในสิ่งที่ไม่พึงกระทำ

สุภาษิตว่า “หมาไม่กินข้าวเปลือกในสมัยที่เป็นนิสิตเรียนระดับปริญญาตรีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมได้ยินจากอาจารย์ฟอง เกิดแก้ว ซึ่งขณะนั้น ท่านเป็นอาจารย์สอนวิชาเอกพลศึกษา ผมเป็นนิสิตหรือนักเรียนคนหนึ่งที่ได้เรียนกับท่าน สมัยก่อนเขาไม่ได้สอนกันเพียงด้วยความรู้ทางเทคนิค แต่ครูอาจารย์จะอบรมนิสัยใจคอไปพร้อมกันด้วย

อาจารย์ฟอง เกิดแก้ว ท่านให้ความหมายตรงๆว่า หากเป็นครูอาจารย์ โดยเฉพาะครูอาจารย์ชาย อย่าไปมีสัมพันธ์กับลูกศิษย์เด็กๆหรือสาวๆ มันเป็นเรื่องไม่ดีและถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามทางวิชาชีพ ผมลองย้อนกลับไปคิดถึงสิ่งที่ท่านสอน ก็จะพบความจริงประการหนึ่งว่าครูอาจารย์ทางพลศึกษานั้นไม่ว่าจะหนุ่มหรือสาวมีความสมบูรณ์แข็งแรง และรวมไปถึงทางการอาชีพแล้ว ทำให้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้เรียนได้ง่าย และเป็นปกติ หากครูไม่มีหลักปฏิบัติที่ต้องรักษาความเป็นวิชาชีพ ก็จะเกินเลยต่อลูกศิษย์ได้ง่าย ดังเช่นการสอนว่ายน้ำ กอล์ฟ เทนนิส เต้นรำ ยิมนาสติก ฯลฯ เหล่านี้ล้วนต้องมีความใกล้ชิดและสัมผัส จึงต้องให้มีหลักปฏิบัติเอาไว้

หมาเหมือนหมู อาจกินของต่างๆที่ทั้งดีและของสกปรกได้ แต่ก็มีบางสิ่งที่ต้องยกเว้น ในสมัยก่อนผู้ชายไปเที่ยวโสเภณีหรือผู้หญิงหากิน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ในสมัยโบราณแม้การมีภรรยาน้อย ก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับกัน แต่สำหรับอาชีพครูแล้ว ต้องไม่ไปมีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับลูกศิษย์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นศิษย์หญิงหรือชาย เมื่อได้ลองย้อนกลับไปคิดและติดตามดู ก็เห็นว่ามีความสำคัญที่ครูผู้ใหญ่ที่ท่านมรประสบการณ์จะเตือนคนรุ่นใหม่ๆเอาไว้

ในต่างประเทศเขามีหลักปฏิบัติทางวิชาชีพไว้เหมือนกันว่า อย่าไม่มีสัมพันธ์ทางเพศกับลูกค้าหรือผู้รับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล ก็อย่าไปมีสัมพันธ์กับคนไข้ ทนายความก็อย่าไปยุ่งกับลูกความ ที่ปรึกษา ครู อาจารย์ ก็อย่าไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกค้าหรือลูกศิษย์ หรือเป็นเจ้านายก็อย่าไปมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้รับบริการ แต่เขาก็อาจจะไม่จริงจังยึดถือมากเท่ากับในสังคมไทย

ในสังคมไทย จะพบข่าวครูข่มขืนเด็กนักเรียน ครูอาจารย์มีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้เรียน ทำให้เกิดการติฉินนินทา ทำให้เสียหลักความยุติธรรมในการให้คะแนน เกิดการร้องเรียนและสอบสวน กลายเป็นเรื่องละเมิดทางเพศ (Sexual Harassment) ปรากฏให้เห็นเป็นต้น

ครูอาจารย์เมื่อจบการศึกษาออกไปทำหน้าที่ผู้สอน กำลังอยู่ในวัยหนุ่มและสาว ความต้องการทางเพศนั้นก็มีกันอย่างสมบูรณ์ทุกคน เป็นวัยที่คนกำลังหาคู่ คึกคัก ก็ต้องมีความยับยั้งชั่งใจ หากต้องการสนุกสนานออกเที่ยวเตร่กับเพื่อนต่างเพศ ก็ให้ไปแสวงหาที่อื่นๆ แต่ไม่ใช่ในสถาบัน ในชั้นเรียนที่ตนเองกำลังทำหน้าที่สอนอยู่ ต้องรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร และก็ให้ระลึกไว้ดังคำสอนที่ว่า “หมาไม่กินข้าเปลือก”

No comments:

Post a Comment