Keywords: บันทึกชีวิต, Life diary,
brain exercise
ทุกวันนี้ ผมใช้ชีวิตเหมือนปลาที่ว่ายทวนน้ำ
ต้องทำบางอย่างที่ต้อง “ฝืนตัวเอง” ไม่ปล่อยให้ตัวขี้เกียจเข้าครองจนเกินไป
ฝืนอย่างแรก
คือการออกำลังกาย (Physical exercise) ผมตื่นตั้งแต่ 5:30
น. ทุกวัน แล้วอาบน้ำ นั่งรถไปออกกำลังกายกับลูกชาย ที่ Atrium สถานออกกำลังกายใกล้บ้าน อาคาร TIPCO ถนนพระราม 6
พญาไท กรุงเทพฯ เรียกว่าต้องช่วยลากกันไป หากไม่ติดธุระไปต่างจังหวัด
หรือมีนัดหมายช่วงเช้า ก็จะไปออกกำลังกายทุกวัน ปัจจุบันออกำลังกายด้วยขี่จักรยานอยู่กับที่
สัก 35 นาที เดินสายพาน (Treadmill) อย่างเร็วในระดับความชันปานกลางอีก
30-35 นาที แล้วเล่นออกกำลังแขนและหน้าอกแบบใช้นำหนักปานกลาง
รวมแล้วผลาญพลังงานสัก 550-600 แคลอรี่ คงเป็นจิตวิทยาสังคม
เมื่อเห็นคนอื่นๆเขาออกกำลังกายกัน เราก็ทำตามไปด้วยกัน
แต่ทำในระดับที่กำลังพอเหมาะแก่วัยและสภาพร่างกายของเรา
เมื่อต้องไปสอนหนังสือหรือทำงานต่างจังหวัด
ดังที่ไปมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ (SRRU) ผมมีโรงแรมเจ้าประจำ
จอดรถจักรยานที่ Lobby ของเขา เอาไว้ออกกำลังกาย
ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองตอนเช้าหรือตอนเย็น ขี่จักรยานต่างจังหวัดเพลินดี
ปลอดภัยพอใช้ได้ หากเป็นในซอยแถวบ้านผม รถยนต์มาก และเขาไม่ค่อยเกรงใจรถจักรยาน
แม้ในซอยแคบๆ ก็ยังอันตราย อาจโดนมอเตอร์ไซค์สอยเอาได้ มอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวที่บ้านเขาเหยียบเบรคกันไม่ค่อยเป็น
ฝืนอย่างที่สอง
คือการฝืนกินให้น้อย กินอย่างอดอยาก กินน้ำตาลน้อยหรือไม่กิน กาแฟใส่นม
แต่ไม่ได้ใส่น้ำตาลมานานแล้ว จนกินกาแฟขมไม่ใส่น้ำตาลได้เป็นปกติ
ส่วนการกินผักนั้น ต้องฝืนใจจริงๆ หาน้ำสลัด (Salad Dressing) หลากหลายชนิดมาใส่ผักสดและผักต้มสำหรับกินในมื้อกลางวันและเย็น
ส่วนข้าวที่บ้านกินน้อยมาก แล้วยังจะต้องเป็นข้าวกล้อง นึกดูในใจ
คนเขาเห็นเรากินเราอยู่คงดูน่าสงสารมาก
แต่อย่างไรก็ตาม
ในหนึ่งสัปดาห์จะมีสมาชิกครอบครัว ภรรยาและลูกมาพาไปรับประทานอาหารตามร้านต่างๆ
มีทั้งที่เป็นศูนย์การค้า และภัตตาคารอิสระทั่วไป การกินอาหารตามร้านนี้
นับเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ แทนที่จะกินอยู่อย่างเงียบเหงาที่บ้าน
ก็ไปได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันกันบ้าง ได้มีชีวิตชีวากับรสอาหารนานาชาติที่หลากหลาย
ฝืนอย่างที่สาม
คือการฝืนใช้สมอง ผมต้องมีกิจกรรมใช้สมอง ออกกำลังสมอง (Brain exercise) โดยในเช้าของวันทั่วไป หลังออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้ว 8:00-8:30 น. กินอาหารเช้าอย่างจำกัด แล้วก็จะออกกำลังสมอง
คือนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ Laptop แล้วเริ่มงานเขียน
การเขียนของผมจะทดสอบด้วยการต้องนำเสนอวันละเรื่องสองเรื่อง
และเมื่อจะต้องเขียนให้คนอ่าน ก็ต้องเขียนอย่างมีสาระ ง่ายที่สุด คือค้นหาบทความ
ข่าว สาระน่ารู้ในหลากหลายเรื่อง แล้วนำมาแปลและเรียบเรียงนำเสนอ ผมอ่านหนังสือก็เหมือนกับกินอาหาร
ต้องอ่านให้หลากหลาย แต่ก็ต้องเป็นเรื่องที่พออ่านได้
คงไม่ถึงกับไปอ่านสูตรคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ หรือเคมี หรือสูตรปรมาณู อ่านแล้วจะรู้ว่ารู้เรื่องพอหรือไม่
ก็ต้องเขียนเล่าให้คนอื่นๆได้อ่านแล้วรู้เรื่องไปด้วย นั่นคือ อ่านแล้ว
ก็ต้องหาเรื่องที่น่าสนใจพอ แล้วนำมาเขียน ตั้งใจว่าในแต่ละปี
จะเขียนบทความให้ได้เฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 1 เรื่อง
ผมเขียนบทความและเอกสารต่างๆ
แล้วไม่ได้จัดพิมพ์ด้วยระบบสิ่งพิมพ์มานานแล้ว เมื่อไปบรรยาย ก็สั่งพิมพ์ (Print)
บทความหรือข้อเขียน ผ่านเครื่องพิมพ์ดิจิตอล (Digital
printer) ที่บ้าน แล้วนำไปให้ฝ่ายที่เขาเชิญบรรยายหรือจัดการไปผลิตต่อ
ซึ่งใช้เป็นจำนวนน้อย ตามจำนวนผู้ฟัง
งานพิมพ์และงานเขียนไม่ว่าจะเป็นงานแปล
งานแปลและเรียบเรียง
หรืองานที่คิดเขียนขึ้นมาเองตามสถานการณ์หรือความคิดเห็นส่วนตัว
ผมจะนำเสนอในสื่อหลัก คือ ที่ My Words http://pracob.blogspot.com ของ Google ซึ่งเขามีระบบที่ทำให้ผมนำเสนอบทความได้อย่างง่ายๆ
และไม่มีข้อจำกัด ที่สำคัญคือมีระบบสืบค้นอย่าง Google ไว้ใช้สืบหาบทความได้
อีกด้านหนึ่ง ผมได้เสนอผลงานที่ Facebook
ในชื่อ Pracob Cooparat โดยค้นได้ที่ e-mail:
pracob.cooparat@gmail.com ในส่วนที่เผยแพร่ผ่าน Facebook นี้
ผมจะไม่ค่อยได้เสนอบทความเท่าใด แต่จะเสนอเป็นสมุดภาพ (Album) พร้อมทั้งเขียนคำอธิบายเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งก็เป็นการฝึกสมองที่ดีอีกแบบหนึ่ง
ทำให้บางทีไปที่ไหนๆ ก็บันทึกภาพที่สวยงาม น่าสนใจเอาไว้ แล้วกลับมานำเสนอ
ไม่ว่าจะไปต่างประเทศ ต่างจังหวัด ขึ้นรถไฟฟ้าไปท่องกรุง ล่องเรือเจ้าพระยา นั่งรถโดยสาร
เหล่านี้ก็นำภาพมานำเสนอ แล้วก็เขียนคำบรรยายกำกับไว้
สำหรับสถิติการใช้งานที่ผมนำเสนอให้ My
Words ที่ Blogspot เขาสรุปให้เราโดยอัตโนมัติ
ผลในวันนี้ (21 เมษายน 2012) คือ
บทความ
|
1245
|
ผู้ติดตาม
|
121
|
การดูหน้าเว็บวันนี้
|
406
|
การดูหน้าเว็บเมื่อวาน
|
742
|
การดูหน้าเว็บเดือนที่ผ่านมา
|
18,953
|
ประวัติการดูหน้าเว็บสำหรับเวลาทั้งหมด
|
381,298
|
โดยเฉลี่ยแต่ละวันมีผู้เข้าดูหน้าเว็บ 400-500
ครั้ง มีบทความและสิ่งที่ได้นำเสนอไปจนถึงปัจจุบัน 1,245 รายการ บางส่วนเป็นบทหนึ่งของหนังสือที่ได้เขียนขึ้น
เพื่อนำเสนอแบบออนไลน์ ในแต่ละเดือนมีผู้ตามดูหน้าเว๊บประมาณ 19,000-20,000
ครั้ง รวมประวัติการดูเว๊บตั้งแต่เริ่มมาจนถึงปัจจุบัน 381,298 ครั้ง
ผมอยากชักชวนคนในวัยผม
มาฝืนใจทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเลยวัยของเรา ลองมาฝึกเรียนรู้และทำสิ่งใหม่ๆ
ใครไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ ก็ให้ลองมาฝึกใช้ดู
ผมได้บอกเพื่อนๆนักเรียนเทพศิรินทร์รุ่นเดียวกันว่า ให้จัดรวมตัวกัน หาเครื่องคอมพิวเตอร์
Laptop คนละเครื่อง แล้วไปบ้านพักเพื่อนฝูงชายทะเล
แล้วไปเรียนวิธีการใช้คอมพิวเตอร์ หัดเขียนบทความ ถ่ายภาพ ทำอะไรสนุกๆ
แล้วได้ประโยชน์กัน โดยฝึกนำเสนอขึ้นเว๊บ อาจเป็น Facebook ก็ได้
ผมขอเสนอครับ ใครในรุ่นอายุเกิน 60 ปีแล้ว อยากเรียนรู้วิธีการใช้คอมพิวเตอร์ การเขียนบทความ การแปลงานภาษาอังกฤษ
การถ่ายภาพ ฯลฯ รวมตัวกันได้สัก 5-10 คน ผมยินดีร่วมเป็นวิทยากร
โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
No comments:
Post a Comment