ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org
Keywords: Food, main dish, dessert, อาหาร, จานหลัก, ขนม, pudding, พุดดิ้ง
พุดดิ้ง (Pudding) เป็นอาหารที่จัดอยู่ในพวกขนม (Dessert) หรือจานของหวาน
ในสหรัฐอเมริกา พุดดิ้งมักจะหมายถึงขนมประเภททำจากไข่ไก่ที่ออกมาในรูปคล้ายสังขยา (Custard) มีส่วนผสมของนม น้ำตาล แป้งอเนกประสงค์ และน้ำมันพืชหรือเนย ที่ทำให้สุกแบบคนหรือกวนเข้าด้วยกัน โดยใช้ความร้อนย่างอ่อนจนสุก การคนหรือกวนตลอดเวลา จะทำให้ไข่ไม่สุกแบบเป็นลิ่มทำให้ไม่น่ากิน หากคนตลอดเวลา เมื่อสุกแล้วจะมีลักษณะเป็นครีม อาจมีการแต่งสีและกลิ่น เช่นวานิลา เติมผลไม้ เช่น สตรอเบอรี่ กล้วย สับปะรด หรือข้าวสุก (Rice pudding) ประสมลงไป
Pudding = พุดดิ้ง, ขนมพุดดิ้ง
Custard = คัสตาร์ด
Savory = เผ็ด, รสดี, หอมฉุย, กลิ่นดี, น่ากิน, ดึงดูดใจ
ภาพ ขนมพุดดิ้งใส่สาูคู (Tapioca Pudding)
พุดดิ้ง (Puddings) อาจทำได้ด้วยวิธีการให้ความร้อนแบบ อบ (Baked), นึ่ง (steamed) หรือต้ม (Boiled)
พุดดิ้งในยุคเริ่มแรกมาจากส่วนประสมของหลายอย่าง เช่น เนย (Butter), แป้ง (Flour), เมล็ดธัญพืช (Cereal), ไข่(Eggs), ไขมันจากสัตว์ (Suet) เช่นจากวัว แกะ หมู เวลาทำเป็นอาหารจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งกว่าพุดดิ้งในปัจจุบัน และพุดดิ้งในสมัยก่อนอาจเป็นอาหารจานหลัก (Main dish) จัดเป็นอาหารจานของคาว หรือเป็นขนม (Desserts) หรือจานของหวานก็ได้ แล้วแต่วัตถุประสงค์
พุดดิ้งแบบต้ม (Boiled Pudding) มีทั่วไป โดยถือเป็นอาหารจานหลัก (Main course) บนเรือเดินทะเลของกองทัพเรือในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 พุดดิ้งเป็นอาหารจานหลักที่ให้ลูกเรือกินได้ทุกวัน คล้ายเหมือนกินข้าวต้มที่ข้น โดยมีส่วนผสมของแป้ง (Flour) และไขมันสัตว์ (Suet) ที่บรรจุแบบเก็บอัดไว้ในถัง ไขมันสัตว์แบบอัดเก็บในถังทำให้สามารถสงวนรักษาอาหารไว้ได้นานหลายเดือนในช่วงการเดินทาง แต่หากเป็นพวกเนื้อสัตว์ หากไม่ใส่หมักกับเกลือที่เค็มจัดพอ ก็จะเสียหายได้ในเวลาไม่นาน
No comments:
Post a Comment