แด่นักวิชาการโลกสวย และนักวิชาการลิ้นสองแฉก
โดย ศ. ดร. อภิชัย พันธเสน
Keywords: การเมือง, politics, การปกครอง, governance, ประชาธิปไตย,
Democracy, เผด็จการรัฐสภา, ระบอบทักษิณ,
Taksinocracy, Thaksinocracy, คณาธิปไตย, Oligarchy, ทักษิณ ชินวัตร, Thaksin Shinawatra, ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร, พรรคเ พื่อไทย, คอรัปชั่น,
Corruption, ปฏิรูปประเทศไทย, Thailand Reform, นักวิชาการโลกสวย, นักวิชาการลิ้นสองแฉก
---------------
ภาพ ศาสตราจารย์ ดร. อภิชัย พันธเสน
ศาสตราจารย์ ดร. อภิชัย พันธเสน
เป็นนักวิชาการถนัดเขียน มักจะไม่ค่อยได้เห็นขึ้นเวทีปราศรัยแบบดุเดือดเผ็ดมัน ผลงานเขียนที่ท่านถนัดจะนำเสนอที่สุดคือเรื่องเศรษฐศาสตร์แนวพุทธ
หรือเศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง
และเพราะความเป็นคนตรงไปตรงมา
เวลาเขียนอะไรจึงเขียนได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องอ้อมค้อม
และสิ่งหนึ่งที่ผมให้ความเคารพท่านในฐานะนักวิชาการรุ่นพี่ คือ การรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นนักวิชาการอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
คิดและเขียนอย่างมองประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้นในยามที่มีวิกฤติในสังคม จึงนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะอ่าน
หรือฟังจากนักวิชาการท่านนี้ ขอฝากคารวะมา ณ ที่นี้ด้วยครับ – ประกอบ คุปรัตน์ (12
มกราคม 2557)
------------
ขณะนี้ได้มีความพยายามจะรวมตัวกันของนักวิชาการที่อ้างตนเองว่าจะเป็น
“มวลมหานักวิชาการ” ในนามของเครือข่าย 2
เอา และ 2 ไม่เอา ซึ่งตามข่าวของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ฉบับวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2557 ต้องการสนับสนุนการเลือกตั้ง
ต้องการคัดค้านรัฐประหาร รวมถึงไม่เอาการเปลี่ยนแปลงจากอำนาจนอกระบบ
โดยกลุ่มนักวิชาการเหล่านี้สามารถแยกออกได้เป็นสองส่วนคือ
พวกหนึ่งคือพวกนักวิชาการโลกสวย
พวกนี้มองเห็นความเลวร้ายของระบอบทักษิณและความเลวร้ายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เคยคัดค้านโครงการจำนำข้าวและร่วมแสดงความคิดเห็นคัดค้านการคอรัปชั่น
ตลอดจนการนิรโทษกรรมสุดซอย
แต่หวั่นเกรงว่าการประท้วงของมวลมหาประชาชนอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นนองเลือดในที่สุดโดยไม่ยอมรับรู้ว่าใครเป็นต้นชนวนในการก่อเหตุ ประกอบกับความไม่แน่ใจในความคลุมเครือของกฎหมาย
โดยไม่ให้ความสำคัญแก่มาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม
และที่สำคัญ
นักวิชาการพวกนี้ไม่เคยได้ลงไปคลุกคลีสัมผัสและมีส่วนร่วมชุมนุมกับมวลมหาประชาชน
จึงไม่เข้าใจความมุ่งมั่นในการต่อสู้และความรู้สึกของพวกเขาอย่างแท้จริง
พวกนี้จึงเป็นพวก
“นักวิชาการลอยลม” หรือ “นักวิชาการตีนไม่ติดดิน”
ส่วนอีกพวกหนึ่งนั้นเป็นนักวิชาการที่มีเป้าหมายหลักอยู่เป้าหมายเดียว
คือ ไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่นักวิชาการพวกนี้จะสรรหามาอธิบาย
และเมื่อไม่เชื่ออย่างนี้จึงทำให้ให้ความสนับสนุนอย่างหัวปักหัวปำแก่นักการเมือง
กลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองที่ตนคิดว่ามีความเชื่อคล้าย ๆ ตน
จนกระทั่งมองข้ามความเลวร้ายของนักการเมืองเหล่านี้ที่ได้ทำไว้ให้กับประเทศชาติบ้านเมือง
ช่วยแก้ต่างให้นักการเมืองเหล่านี้โดยอาศัยการตีความตามตัวอักษรโดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
และไม่คำนึงถึงความผิดชอบชั่วดี
ถึงแม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่าพรรคการเมืองพรรคเดิม
ๆ ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกนี้ก็จะตะแบงไปว่าศาลตัดสินภายใต้อิทธิพลของอำนาจนอกระบบและเข้าข้างฝ่ายที่ยังครองอำนาจสืบไป
ถึงแม้ฝ่ายนั้นจะมีตำรวจ อันธพาล ทั้งชุดแดง ชุดดำ
นักวิชาการกลุ่มนี้ก็ไม่เคยให้ความสนใจและไม่ยอมทำความเข้าใจ
สาเหตุที่สถานการณ์ในปัจจุบันได้มาถึงจุดใกล้จะเกิดความรุนแรงเช่นนี้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความหน้าด้านของรัฐบาลรักษาการณ์ปัจจุบันที่ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เพราะถ้าเป็นต่างประเทศ ที่มีการทำความผิดอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้แล้ว
รัฐบาลเขาลาออกไปนานแล้ว มวลมหาประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมากเท่านี้
นอกจากนี้
สื่อที่ร้ายที่สุดนั้นก็ไม่ใช่สื่อของเอกชน แต่กลายเป็นสื่อสาธารณะที่ดำเนินการอยู่ได้ด้วยเงินภาษีอากรของประชาชน
ถึงแม้จะเป็น “ภาษีบาป” ก็ตามที
ทั้งนี้เพราะสื่อดังกล่าวก็มีการเลือกข้างตั้งแต่ต้น
เปิดโอกาสให้เฉพาะนักวิชาการประเภทโลกสวยกับนักวิชาการประเภทลิ้นสองแฉกเท่านั้น
ให้มาแสดงความคิดเห็น
ส่วนนักวิชาการส่วนใหญ่ที่ได้หลอมรวมเข้ากับมวลมหาประชาชนและเป็นมวลมหานักวิชาการที่แท้จริงกลับไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นในสื่อสาธารณะแห่งนี้แต่อย่างไร
สื่อสาธารณะดังกล่าวถ้าหากยังมีจรรยาบรรณจริงอย่างที่กล่าวอ้าง
ควรจะเลิกขอรับการสนับสนุนจากเงินภาษีอากรของประชาชน และไปขอรับเงินจากระบอบทักษิณแทน
เหตุที่เครือข่าย
2 เอา และ 2 ไม่เอา
ออกมาเคลื่อนไหวหนักในครั้งนี้
ถือได้ว่าเป็นพวกฉวยโอกาสจากที่มวลมหาประชาชนจะออกมาปิดล้อมกรุงเทพฯ โดยไม่มีกำหนด
เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2557 เป็นต้นไป
พวกนี้จึงคิดจะแย่งเอาหน้าโดยไม่ได้ลงทุนต่อสู้
เสนอตัวเป็นคนกลาง หรือมิฉะนั้นก็ช่วยยืดอายุรัฐบาลรักษาการณ์โดยไม่มีความจำเป็น
จากการใช้เหตุผลว่าไม่ต้องการเห็นความรุนแรง
โดยไม่ตระหนักว่าความรุนแรงทั้งหลายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 และ 2553 ถึงปัจจุบัน เกิดจาก ชายชุดแดง ชายชุดดำ
และตำรวจเป็นหลัก
มิได้เกิดจากมวลมหาประชาชนที่รักความเป็นธรรมที่เคลื่อนไหวโดยปราศจากอาวุธ
สันติ และอหิงสา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวแบบสันติเชิงรุกนั้นต้องมีบ้าง
แต่ถ้ารุกโดยไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดือดร้อน เช่น อดอาหาร
เชื่อว่าผู้ประท้วงคงตายเปล่า เพราะฝ่ายทรราชย์นั้นดื้อด้านเหลือทน
อย่างไรก็ตาม
ความรุนแรงที่เครือข่าย 2 เอา และ 2 ไม่เอา
นั้นหวั่นเกรงก็คงจะไม่เกิด
เพราะฝ่ายทหารได้ออกมายืนยันแล้วว่า
กองทัพรับไม่ได้หากเกิดเหตุรุนแรง ระบุชัด พร้อมใช้ชีวิตป้องกัน นอกจากนั้น
ทหารยังกล่าวว่า “กองทัพยังคงทำหน้าที่ภายใต้กรอบกฎหมาย
ดังนั้น ไม่ควรกล่าวเชิงบีบบังคับให้กองทัพต้องเลือกข้างใคร
เพราะกองทัพมีหน้าที่และความรับผิดชอบ คือ ประชาชนต้องปลอดภัย
เรื่องใดที่เป็นความขัดแย้งทางกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาดูแล”
ดังนั้นเมื่อมวลมหาประชาชนทำการต่อต้านด้วยวิธีการที่สันติ
สงบ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ความรุนแรงจากฝ่ายมวลมหาประชาชนก็ไม่มี
ถ้าไม่มีความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้าม คือ จากรัฐบาลรักษาการณ์ จากฝ่ายเสื้อดำ
เสื้อแดง และฝ่ายตำรวจพวกที่จะแฝงตัวมา และถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้น ทหารจำเป็นต้องป้องกันและระงับเหตุ อีกทั้งทหารจะวางตัวเป็นกลาง
ดังนั้น
จึงไม่ควรมีทั้งความรุนแรง ไม่มีการรัฐประหารโดยทหาร
และไม่มีการใช้อำนาจนอกระบบตามที่เครือข่าย 2 เอา และ 2
ไม่เอา ออกมาเคลื่อนไหว
ถ้าจะมีก็คือการใช้อำนาจอธิปไตยทางตรงจากมวลมหาประชาชน ซึ่งได้มีการรับรองไว้ในมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ
ฉบับปัจจุบัน
ดังนั้น
เครือข่าย 2 เอา และ 2 ไม่เอา
จึงไม่ควรออกมาตะแบงอีกต่อไป
เพราะเรารู้ดีว่าพวกคุณเป็นนักวิชาการ
โลกสวยและนักวิชาการลิ้นสองแฉกที่ออกมาทำหน้าที่ชักใบให้เรือเสียเท่านั้นเอง
ดังนั้น จึงขอร้องให้นักวิชาการโลกสวย หันมาดูข้อเท็จจริงจากการที่มีเด็กและเยาวชนหลายหมื่นออกมาให้กำลังใจลุงกำนันสุเทพ
เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา
พร้อมกับขอบคุณลุงกำนันที่ทำการต่อสู้รัฐบาลทรราชย์เพื่อพวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต
เมื่อนักวิชาการโลกสวยเข้าใจ ความจริงดังกล่าวมาแล้ว
โปรดหันมาร่วมสนับสนุนมวลมหาประชาชนเสียเถิด
และปล่อยให้นักวิชาการลิ้นสองแฉกมีอันเป็นไปตามกรรมที่พวกเขาก่อไว้เองในที่สุด
No comments:
Post a Comment