เมื่อกำนันมาเยี่ยมหน้าบ้าน - กรณ์ จาติกวณิช
Korn Chatikavanij, Facebook, 22 มกราคม 2557,
Keywords: การเมือง, การปกครอง, ความเป็นผู้นำ,
สุเทพ เทือกสุบรรณ, กรณ์ จาติกวณิช, ทักษิณ ชินวัตร, Transformational
leaders, Transactional leaders, toxic leaders,
-----------
นักการเมืองส่วนใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เป็นนักการเมืองในระบอบรัฐสภา
คุณอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หรือกรณ์ จาติกวณิช
แม้เป็นนักการเมืองชั้นดีรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูง
แต่ก็ยังจัดอยู่ในนักการเมืองกลุ่มนี้ ที่ผมเรียกว่า Parliamentarians คือเล่นการเมืองแบบประชาธิปไตยในกรอบรัฐสภา แต่ทักษิณ ชินวัตร
เป็นนักการเมืองแบบไร้กรอบ ไม่ต้องยึดติดกับหลักจริยธรรม 12 ปีของการครองอำนาจ
มันจึงทำให้ระบอบทักษิณมีเยื่อใยโครงข่ายครอบคลุมไปทั่วประเทศ แม้ประชาชนจะรู้ว่าทักษิณและระบอบทักษิณเลวร้ายแรงอย่างไร
แต่ก็สลัดทิ้งได้ยาก ทักษิณเป็นผู้นำเป็นพิษ (Toxic leader) โดยแท้
ดังนั้นเมื่อมีนักสู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองและอย่างรอบด้าน
อย่างกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก้าวหลุดพ้นจากการเมืองปกติ
ออกมาสู้กับระบอบทักษิณ ดังชื่อเพลงที่เขาใช้ “สู้ไม่ถอย” บทความสั้นที่กล่าวถึงกำนันสุเทพ
โดยกรณ์ จาติกวณิชย์ จึงเป็นการตอกย้ำ สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในมิติใหม่ของนักการเมืองภาคประชาชนที่ดีที่สุด
สุเทพ เทือกสุบรรณ จัดเป็นนักการเมืองแบบ Transformational leaders อันเป็นตัวอย่างที่หากได้ยากในประเทศไทย – ประกอบ คุปรัตน์ (22 มกราคม 2557)
--------------
ภาพ อภิสิทธิ เวชชาชีวะ กับกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ
ภาพ กรณ์ จาติกวณิช ขณะร่วมเดินไปกับกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เยี่ยมชวนประชาชนออกมาร่วมกระบวนการปฏิรูปการเมืองไทย
กระแสตอบรับกำนันสุเทพในการเดินทัวร์ไปถนนสายต่างๆนั้น
ต้องถือว่าเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อน
พอมีการประกาศว่ากำนันจะไปเส้นทางไหน
ประชาชนในเส้นทางนั้นก็จะตื่นตัวเตรียมต้อนรับทันที บ้างก็เตรียมเงินมาบริจาค
บ้างก็ตั้งโต๊ะเตรียมเครื่องดื่มไว้ต้อนรับผู้มาร่วมเดินขบวน
การบริจาคเงินก็จะมีตั้งแต่เด็กนักเรียนที่ให้ ๒๐
บาทจนถึงพ่อค้านักธุรกิจที่ใส่ซองมาเป็นแสน
เมื่อวานนี้ บนถนนนางลิ้นจี่
มีสาวออฟฟิศใส่ซองและเขียนบนซองว่า 'ขอหุ้นด้วย ๑ หุ้น
ด้วยเงิน ๕๐๐ บาท' สำหรับผมแล้ว
นี่คือพลังในกระบวนการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน เมื่อชาวบ้านได้ออกมาสัมผัสขบวนกำนัน
ความรู้สึกเป็น 'หุ้นส่วน' จะเกิดขึ้นทันที
และเมื่อใครได้ยื่นเงินบริจาคให้กำนัน
ความเป็นเจ้าของร่วมกับกระบวนการต่อสู้ยิ่งทวีคูณ
เมื่อวานนี้กำนันเดินผ่านเขตเลือกตั้งเก่าของผม
และเดินผ่านทั้งหน้าบ้านและหน้าที่ทำงานของผมเอง ออกเดินจากเวทีลุมพินีตั้งแต่
๙.๓๐ น. กว่าจะมาถึงจุดหน้าบ้านซึ่งเลยครึ่งทางมาไม่มากก็ ๔ โมงเย็น
ผมเห็นกำนันเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่มีการปฏิเสธที่จะถ่ายรูปกับใคร มือแกบวมตุ่ยจากการจับการบีบโดยผู้คนทั้งวันและทุกวัน
แต่แกก็ยังตบหลัง เซ็นชื่อ รับเงิน รับจดหมายเองตลอดเส้นทาง
นี่ยังไม่นับการปราศรัยทุกคืน และการใช้สมองในการกำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้
ผมอดคิดไม่ได้ว่า ทักษิณนั่งดูอยู่ทางโทรทัศน์
ควรต้องนึกละอายอยู่ในใจที่ไม่เคยออกมานำมวลชนด้วยตัวเองอย่างนี้
แต่เพียงกำกับในลักษณะ 'เจ้านาย' และ 'นายทุน' เท่านั้น
และถ้าเราวิเคราะห์ว่ากระแสตอบรับมวลมหาประชาชนมีที่มาจากอะไร
เราปฏิเสธไม่ได้แน่นอนว่าส่วนสำคัญมาจากการยอมรับและเห็นใจท่านกำนัน
พูดง่ายๆก็คือกำนันได้ใจเรา และสำหรับคนไทยไม่มีอะไรสำคัญกว่าการได้ใจ
ส่วนเรื่องอื่นอย่างเช่น ความต้องการการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูป
หรือแม้แต่ความเกลียดชังทักษิณที่อาจมีในใจ ล้วนมีส่วนเป็นแรงบันดาลใจ
แต่ถ้าไม่มีกำนัน คงยากที่จะมีวันนี้
เวทีสามเสนหรือการเป่านกหวีดที่สีลม
เป็นเสมือนความทรงจำดีๆจากเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว
และผมยังไม่ลืมคำปรามาสของอดีตอัยการสูงสุดในฐานะรัฐมนตรียุติธรรมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ที่พูดไว้ในวันแรกๆของการเคลื่อนไหวของเราว่า
"ประชาชนที่ออกมาร่วมนั้นจริงๆแล้วไม่ได้รู้เรื่องอะไร
แค่เห่อตามกระแสไปเอง"
จนถึงวันนี้ผมว่ารัฐบาลก็ยังประเมินสถานการณ์ไม่ถูกต้อง
และยังประเมินประชาชนตํ่าไป
แต่ปัญหาหลักของบ้านเมืองคือ
ทางออกที่ทำให้ประชาชนทุกคนทุกฝ่ายได้ประโยชน์นั้นมีแน่นอน
เพียงแต่ทางออกนั้นจะทำให้มีผู้เสียประโยชน์
และกลุ่มผู้นั้นก็คือทักษิณและพวกที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน
แม้แต่ผู้ที่ไม่เห็นดีด้วยกับแนวคิดทั้งหมดของกำนัน
ก็ไม่ควรยอมให้สังคมเดินหน้าสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นเพียงเพื่อปกป้องนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่พยายามรักษาอำนาจของตน
ประชาชนมีประโยชน์ร่วมกันโดยธรรมชาติ
ไม่ว่าจะสนับสนุนฝ่ายใดทางการเมืือง
อย่าให้นักการเมืองมากลบความเป็นส่วนร่วมและชูส่วนต่างเพียงเพื่อใช้เราเป็นเครื่องมือ
No comments:
Post a Comment