ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org
ศึกษาและเรียบเรียงจาก "The Electric Car Battery Glut" เขียนโดย Joann Muller ในนิตยสาร Forbes Asia magazine ลงวันที่ February 08, 2010
Will electric-car batteries go bust from overcapacity?
ในช่วงปี ค.ศ. 2009 รัฐบาลกลางสหรัฐได้ให้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric cars) และรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสมแบบเสียบปลั๊ก (Plug-in Hybrid Vehicles) ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน โดยประธานาธิบดีโอบาม่าต้องการให้มีรถไฟฟ้าแบบ Plug-in บนท้องถนนให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านคันในปี ค.ศ. 2015
รถไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊ก (PHEVs) นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สูงไปกว่ารถไฟฟ้าแบบลูกประสม (Hybrid Electric Cars) อย่างรถ Toyota Prius ที่ได้ผลิตออกสู่ตลาดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีระดับการใช้น้ำมันที่ 50 ไมล์/แกลลอน แต่หากเป็นรถไฟฟ้าลูกประสมแบบเสียบปลั๊กเติมไฟบ้านได้ด้วยในแต่ละวัน จะทำให้รถยนต์ใช้น้ำมันที่ 100 ไมล์/แกลลอน หรือเทียบประสิทธิภาพใช้น้ำมันเป็น 4 เท่าของรถยนต์ใช้น้ำมันในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์เตือนว่าสภาพการส่งเสริมรถไฟฟ้าและแบตเตอรี่ดังในปัจจุบัน ทำให้ทุกฝ่ายอยากเข้าไปอยู่ในธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งอาจจะทำให้มีแบตเตอรี่เกินความต้องการในราวๆกลางทศวรรษนี้ หรืออีกประมาณ 5 ปี เมื่อทุกบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ได้มีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ในขณะนี้ บริษัทผู้ผลิต 6 รายได้ประกาศว่าจะขยายการผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐ คิดมูลค่าการลงทุนกว่า 3,700,000 ล้าน USD และขณะเดียวกันได้มีการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าในที่อื่นๆในโลกอีก 3,000,000 ล้าน USD ด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน คือเพราะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศ
ในปี ค.ศ. 2015 จะมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่ที่มีความจุรวม 36 ล้าน Kilowatt/hours สามารถที่จะรองรับรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสม (Hybrid cars) ได้ 15 ล้านคัน หรือเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Electric cars – Zero Emission) ได้ 1.5 ล้านคัน
ฝ่ายวิเคราะห์เขาตั้งคำถามว่า จะมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในปี ค.ศ. 2015 มากเพียงพอหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะเป็นการสร้างความต้องการในตลาดเทียมขึ้น โดย Matthew M. Nordan, รองประธานกรรมการ (vice president) ของ Venrock, บริษัทผู้ลงทุน (venture capital firm) ที่ตั้งอยู่ที่เมือง Cambridge, ในรัฐ Massachusetts ซึ่งเขาตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีการผลิตออกมามากเกินความต้องการ ก็จะทำให้ราคาแบตเตอรี่ลดลงอย่างมาก
แต่สำหรับผู้ผลิตแบตเตอรี่ไม่เห็นด้วย โดยเขามองว่าในช่วงเวลา 10 ปีต่อไปนี้ จะมีรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสมแบบเสียบปลั๊กจากบริษัทต่างๆกว่า 200 แบบ ซึ่งด้วยความต้องการดังกล่าว กำลังการผลิตที่วางไว้ก็ไม่พอรองรับอยู่แล้ว
สำหรับผู้ลงทุนแล้ว เขาฟังที่ Charles Gassenheimer, ผู้บริหารสูงสุดของ Ener1 มากกว่า Nordan เพราะตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 2009 บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ 123 Systems มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยมีตลาดขนาด 2,000 ล้าน USD บริษัทมีมูลค่าธุรกิจที่ 537 ล้าน USD มีรายได้เหนือรายจ่ายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 90 ล้าน USD และกำลังจะก่อตั้งโรงงานใหม่ในรัฐมิชิแกน โดยเป็นบริษัทร่วมทุนกับ Saic Motor ของประเทศจีนที่พัฒนาเกี่ยวกับแบตเตอรี่
รถยนต์ รถ รถนำเข้า ทะเบียน
ReplyDeleteby free play game