Wednesday, June 24, 2015

เอลซีด (El Cid) วีรบุรุษแห่งสเปน

เอลซีด (El Cid) วีรบุรุษแห่งสเปน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob.cooparat@gmail.com

Keywords: ประวัติศาสตร์, history, ยุโรป, Europe, สเปน, Spain, การเมือง, การปกครอง, politics, governance, military, เอลซิด, El Cid

ศึกษาและเรียบเรียงจาก เอล ซิด (El Cid) จาก Wikipedia, the free encyclopedia
หนึ่งในตำนานวีรบุรุษของสเปน คือเอลซิด (El Cid)


ภาพ อนุสรณ์สถานของเอลซิด (El Cid) 


ภาพ เอลซิด (El Cid) ในภาพยนตร์เรื่อง El Cid (1961) รับบทโดยชาร์ลตัน เฮสตัน

โรดริโก
Rodrigo
เจ้าชายแห่งวาเลนเซีย
Prince of Valencia

ภาพ อนุสรสถานของเอลซิดที่เมืองเบอร์กอส
Statue of El Cid in Burgos by Juan Cristóbal González
เจ้าชายแห่งวาเลนเซีย
Prince of Valencia
ครองอำนาจ
Reign
1094–1099
สถาปนา
Coronation
1094
ผู้ครองอำนจต่อมา
Successor
คู่ครอง
Spouse
Jimena Díaz
บุตรธิดา
Issue
บิดา
Father
Diego Laínez
เกิดเมื่อ
Born
c. 1040
VivarBurgos
เสียชีวิตเมือง
Died
1099
Valencia
ฝังที่
Burial
ลายเซ็น
Signature
Description: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/01/Firma_del_Cid.jpg/125px-Firma_del_Cid.jpg

เอลซีด นักรบที่รบแม้ด้วยชีวิตที่ตายแล้ว

เอลซิด มีชื่อจริงว่า โรดริโก ดิแอซ เดอ วิวาร์ (Rodrigo Díaz de Vivar) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1043 และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1099 เขาเป็นขุนนางชาวแคสติเลียนและเป็นผู้นำทางการทหารของสเปนในสมัยกลาง (Medieval Spain) เขาได้รับฉายาว่า “เอลซิด” (El Cid) หรือผู้ยิ่งใหญ่จากพวกมัวร์ (Moors) หรืออีกนามหนึ่งว่า เอล แคมปิดอร์ หรือ แชมเปียน (El Campeador or Champion) โดยพวกคริสเตียน เอลซิดเป็นบุคคลมีจริงในประวัติศาสตร์ที่ได้กลายเป็นตำนาน เป็นวีรบุรุษแห่งชาติของพวกแคสตีล (Castile) เขาเกิดที่วีวาร์ (Vivar) อันเป็นเมืองใกล้กับเบอร์กอส (Burgos)

ตำนานการสู้รับและชีวิตที่ผกผันของเขา จะให้ดีและเข้าใจบรรยากาศมากขึ้น ต้องชมภาพยนตร์เรื่อง El Cid (1958) นำแสดงโดยชาร์ลส์ตัน เฮสตัน และโซเฟีย ลอเรน (Charleston Heston & Sophia Loren) หาชมได้ใน Youtube ครับ

เอลซิดเป็นเชื้อพระวงศ์ในระดับปลาย (Minor nobility) และได้รับการเลี้ยงดูมาในราชสำนักของกษัตริย์เฟอร์ดินานมหาราช (King Ferdinand the Great) และรับใช้ราชวงศ์ต่อมาจนสมัยพระราชโอรสซานโช (Sancho) เขาได้ความก้าวหน้าจนถึงระดับผู้บัญชาการทหารในสมัยของกษัตริย์ซานโชในปี ค.ศ. 1065
ในความขัดแย้งแบบศึกสายเลือด เขาเป็นผู้นำทัพในการสู้รบกับฝ่ายอัลฟองโซ (Alfonso) ผู้น้องของกษัตริย์ซานโช ผู้ปกครองของราชอาณาจักรแห่งลีออง (Leon) และกาลิเซีย (Galicia) และรวมถึงการต่อสู้กับราชอาณาจักรมุสลิมแอนดาลัส (Al-Andalus) เขามีชื่อเสียงในฐานะนักการทหารที่มียุทธวิธีที่เฉียบแหลม เขาช่วยขยายอาณาเขตของแคสติเลี่ยน โดยทำให้ต้องขับไล่พวกมุสลิมและรบกับฝ่ายน้องของกษัตริย์ซานโช แต่ในที่สุดเมื่อกษัตริย์ซานโชถูกสังหาร เขาต้องตกอยู่ในสถานะลำบากในทันที่เมื่ออัลฟองโซ (Alfonso) ได้ขึ้นครองราชย์บัลลังก์ เพราะเป็นเชื้อกษัตริย์สายเลือดตรงที่ยังเหลืออยู่

แม้เอลซิดจะยังคงรับใช้ราชบัลลังก์ของกษัตริย์อังฟองโซต่อไป แม้เมื่อสถาปนาเป็นจักรพรรดิแห่งสเปน เอลซิดได้สูญเสียสถานะและอยู่ในฐานะต้องสงสัย จนในที่สุดในปี ค.ศ. 1081 เขาถูกเนรเทศให้ต้องไปอยู่นอกราชอาณาจักร

เอลซิด หรือ Rodrigo Diaz ต้องทำงานรับใช้ผู้ปกครองมุสลิมของซาราโกซา (Zaragoza) ซึ่งเขาได้ช่วยปกป้องจากอิทธิพลของอรากอน (Aragon) และบาเซโลนา (Barcelona) และเท่ากับเป็นการเพิ่มบารมีของเขาในฐานะนักการทหารและผู้นำ เอลซิดมีชัยในการทำสงครามกับผู้ปกครองชาวมุสลิม เลริดา (Lerida) พันธมิตรชาวคริสเตียน และรวมถึงการสู้รบกับกองทัพพวกคริสเตียนภายใต้กษัตริย์ซานโช รามิเรซแห่งอารากอน (King Sancho Ramirez of Aragon) ในปี ค.ศ. 1086 กษัตริย์อัลฟองโซพ่ายแพ้ต่อพวกอัลมอราวิด (Almoravids) ต้องถอยออกจากอัฟริกาเหนือ ทำให้ต้องละความโกรธแค้นเอลซิด และชักชวนให้เขากลับมาสู้ให้กับราชอาณาจักรสเปนดังเดิม ตลอดเวลาหลายปี เอลซิดหมายมองอาณาจักรเมืองวาเลนเซีย (Kingdom City of Valencia) ซึ่งดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศจากกษัตริย์อัลฟองโซ
เอลซิดบริหารราชการอย่างเป็นอิสระ ในขณะที่ทางการเมืองได้ให้การสนับสนุนพวกบานู ฮัด (Banu Hud) และราชวงศ์มุสลิมอื่นๆที่ต่อต้านพวกอัลมอราวิด

เอลซิดค่อยๆมีอิทธิพลเหนือเมืองวาเลนเซีย รวมถึงผู้ปกครองอิสลาม อัลคาดีร์ (Al-Qadir) ที่ได้เข้ามาสวามิภักดิ์ในอาณาเขตอิทธิพลของเขาในปี ค.ศ. 1092 อย่างไรก็ตามพวกอัลมอราวิดได้ก่อการกระด้างกระเดื่อง เป็นผลให้ผู้ปกครอง อัลคาดีร์เสียชีวิต เอลซิดจึงได้เข้ายืดเมืองวาเลนเซียในปี ค.ศ. 1094 และสถาปนาเมืองเป็นหัวเมืองอิสระทางชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอเรเนียนของสเปน เอลซิดปกครองเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเขาได้รับการยอมรับทั้งจากฝ่ายคริสเตียนและมุสลิม

ในช่วงบั้นปลายของเอลซิด เขาใช้ชีวิตในการสู้รบกับพวกอัลมอราวิดเบอร์เบอร์ (Almoravid Berbers) เขาเข้าปราบกลุ่มนี้จนแตกพ่ายในปี ค.ศ. 1094 ที่ทุ่งราบคาร์ท (Plains of Caurte) นอกเมืองวาเลนเซีย เขาต่อสู้ต่อมาจนกระทั่งเสียชีวิต แม้เอลซีดจะเสียชีวิต แต่เขาไม่เคยแพ้ที่เมืองวาเลนเซีย แต่เขาต้องเสียใจอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1097 เมื่อบุตรชายคนเดียวและทายาทของเขา คือดิเอโก โรดริเกซ (Diego Rodríguez) ต้องเสียชีวิตในสนามรบต่อสู้กับพวกอับมอราวิด เพื่อรับใช้กษัตริย์อัลฟองโซ

หลังเอลซิดเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1099 จิมานา ดิแอซ (Jimena Diaz) ได้ขึ้นครองอำนาจเป็นผู้ปกครองวาเลนเซีย แต่ก็ต้องยอมจำนนต่อพวกอัลมอราวิดในปี ค.ศ. 1102

แม้เอลซิดเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่เขายังคงเป็นวีรบุรุษของชาวสเปน บุคลิกและชื่อของเขาเป็นอัมตะ ที่กลายเป็นทั้งบทละคร ภาพยนตร์ เรื่องเล่าพื้นบ้าน เพลง และแม้แต่วิดิโอเกมส์

ข้อมูลเพิ่มเติม


อัลมอราวิด (Almoravids) เป็นราชวงศ์ของชาวอาหรับแห่งเมืองมอรอคโค (Berber Dynasty of Morocco) ซึ่งได้สถาปนาเป็นจักรวรรดิในศตวรรษที่ 11 ซึ่งมีอาณาเขตทางตะวันตกของแมคเรบ (Maghreb) และอัล-แอนดาลุซ (Al-Andalus) ก่อตั้งโดยอับดุลลาห์ บินยาซิน (Abdallah ibn Yasin) มีเมืองหลวงอยู่ที่มาร์ราเกช (Marrakesh) ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1062 ราชวงศ์นี้ก่อร่างจากชนเผ่าเร่ร่อนเบอร์เบอร์ในทะเลทราย (Normadic Berber tribes) ซาฮารา (Sahara)


ภาพ บาบิเอกา (Babieca) ม้าศึกคู่ใจของเอลซิด


ภาพ เมืองวาเลนเซีย (Valencia) ในปัจจุบัน


ภาพ เมืองวาเลนเซีย (Valencia) .ในยามค่ำคืน

No comments:

Post a Comment