Monday, August 1, 2011

จงเรียนรู้ที่จะเดินก่อนที่จะวิ่ง

จงเรียนรู้ที่จะเดินก่อนที่จะวิ่ง

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

Keywords: Proverbs, สุภาษิต,

มีสุภาษิตในภาษาอังกฤษหนึ่งบอกว่า “Learn to walk before you run.” แปลเป็นไทยได้ว่า “จงเรียนรู้ที่จะเดินก่อนที่จะวิ่ง” หมายถึงให้เรียนรู้จากขั้นต้นไป เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ให้เพียงพอก่อนที่จะทำงานขั้นสูงต่อไป

คนหนุ่มคนสาว บางครั้งใจร้อน มักจะไม่ใช้เวลาเรียนรู้ และเตรียมการณ์ แต่ของบางอย่างจำเป็นต้องมีการเตรียมการณ์ให้พร้อมก่อนที่จะไปปฏิบัติจริง ดังคนจะมีอาชีพเป็นแพทย์ เขาต้องใช้เวลาเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนคนทั่วไป 12 ปี เมื่อราวๆอายุ 18 ปีขึ้นไปแล้วจึงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และในการเรียนในช่วงแรก บางแห่งเขาจะสอนวิชาขั้นพื้นฐาน เรียนการศึกษาทั่วไป รวมทั้งวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เช่น เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ ในทางเทคโนโลยี เดี๋ยวนี้ต้องเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความจำเป็นสำหรับคนที่จะต้องไปเป็นแพทย์ เรียนจบสองปีแรก ยังรักษาคนไม่ได้เลย แล้วต้องเรียนใน 4 ปีหลังที่เข้าสู่สายวิชาการแพทย์มากขึ้น

ส่วนใน 2 ปีสุดท้าย ได้มีโอกาสฝึกงาน เขาเรียกว่า Internship ได้รักษาพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะได้ลงมือฝึกปฏิบัติจริงทั้งหมด ก็เพียงกรณีที่ไม่มีความเสี่ยง เป็นการรักษาพยาบาลทั่วไป แต่เมื่อจะมีการผ่าตัดหรือรักษาพยาบาลที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยง ก็จะต้องใช้แพทย์ที่มีประสบการณ์ แพทย์ฝึกหัดได้เป็นผู้ช่วย เพื่อได้เรียนรู้งานไปก่อน

รวมการศึกษาแพทยศาสตร์ต้องใช้เวลารวม 6 ปี จึงจะออกไปปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ที่สมบูรณ์ได้

ในชีวิตคนเรา การได้เรียนรู้ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เราเสี่ยงที่จะสูญเสียน้อยลง เพราะประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะช่วยทำให้คนที่ได้รับการฝึกฝนมีโอกาสพลาดน้อยลง ความสูญเสียยที่ไม่จำเป็นก็น้อยลง นักวิชาชีพเกือบจะทุกสาย มีสมาคมหรือสภาวิชาชีพกำกับการจัดการเรียนการสอนในสายวิชาชีพของตนเอง

หลักของการศึกษาและการฝึกอบรมเป็นเช่นนั้น คือเริ่มจากง่ายไปหายาก จากไม่ซับซ้อนไปสู่สิ่งที่ซับซ้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ เรียนทักษะขั้นพื้นฐานให้ดีให้ถูกต้องเสียก่อน จึงจะก้าวต่อไปในขั้นที่สูงขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่อยากจะฝากไว้ คือ “จงเรียนรู้ที่จะเดินก่อนที่จะวิ่ง” อย่าเร่งร้อนเกินไป อันอาจจะเสียหายอย่างที่เราไม่อยากให้อภัยแก่ตนเอง

No comments:

Post a Comment