Friday, August 12, 2011

คนรวยแล้วจะยิ่งรวยมากขึ้น

คนรวยแล้วจะยิ่งรวยมากขึ้น

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, สุภาษิต,

มีสุภาษิตชาวฝรั่งเศสบทหนึ่งกล่าวว่า “On ne prête qu'aux riches.” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “คนรวยแล้วจะยิ่งรวยมากขึ้น”

ในภาษาอังกฤษมีคำพังเพยและสุภาษิตในอีกลักษณะที่สัมพันธ์กันที่ว่า “Reputations shape reactions.” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ชื่อเสียงและกิติศัพท์ของคนเรา จะนำมาซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองที่ดี”

ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งในแวดวงธุรกิจ คือธนาคาร (Banks) นั้นคือสถานที่รับเงินจากผู้ฝากที่ต้องการผลประโยชน์ที่แม้ไม่มากนัก แต่ได้ดอกเบี้ยที่มั่นคงพร้อมเงินต้น ส่วนธนาคารเองก็มีบทบาทในการนำเงินฝากนี้ไปลงทุนด้วยความฉลาดและรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างไม่สุ่มเสี่ยง แต่ระบบธนาคารเองก็มีลักษณะแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ เป็นการปล่อยเงินกู้อย่างแสวงกำไร และมีความเสี่ยงต่ำ

ด้วยลักษณะดังกล่าว ธนาคารมักไม่ปล่อยเงินให้คนจนกู้ ทั้งๆที่คนจนอยากได้เงินแม้เพียงน้อยนิดเพื่อไปลงทุน เพราะความจนกลายเป็นความเสี่ยงของธนาคารเขา แต่ในทางกลับกัน กลับปล่อยเงินให้กับคนรวยกู้ และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าด้วย

นักธุรกิจที่เคยเริ่มสร้างตัวมาจากธุรกิจขนาดเล็ก จนประสบความสำเร็จมีธุรกิจใหญ่โต เขาเคยพูดว่า “ยามเมื่อผมต้องการเงินไปกู้ธนาคาร เขาไม่ให้กู้ แต่เมื่อผมประสบความสำเร็จทางธุรกิจมีเงินทองมากมายแล้ว เขากลับมาเสนอให้ผมกู้ ทั้งๆที่ขณะนี้ผมไม่ต้องการมันแล้ว”

ดังนั้นสำหรับคนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจ เราจำเป็นต้องได้เงินทุนเพื่อมาใช้ในการประกอบการ แต่เราจะไปหวังกู้เงินทั้งหมดจากธนาคารนั้นไม่ได้ คงจะกู้ได้เพียงบางส่วน เพราะธนาคารมักต้องปล่อยเงินกู้อย่างที่มีหลักประกันที่ปลอดภัย วิธีการที่จะทำได้คือ

ประการแรก ที่จะทำได้ คือ ต้องมีทุน (Capital) ที่เป็นของตนเองเสียก่อนส่วนหนึ่ง จะไปกู้ทั้งหมดไม่ได้ ในที่นี้ทุนอาจเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ ซึ่งหลักทรัพย์นี้ก็ต้องมีมูลค่ามากกว่าเงินที่จะไปกู้ สมมุติว่ามีหลักทรัพย์มูลค่าเท่ากับ 100 ธนาคารเขาจะปล่อยให้กู้ได้ไม่เกิน 60 ส่วนต่างนั้นคือหลักประก้นความเสี่ยง ทางออกคือให้เริ่มลงทุนทำธุรกิจขนาดเล็กๆเสียก่อน เมื่อมีประสบการณ์และความสำเร็จแล้ว จึงขยายกิจการต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีความอุตสาหะ ต้องอดทนและใช้เวลา

ประการที่สอง ที่จะใช้ได้ คือการมีเครดิต (Credit) ซึ่งอาจไม่ใช่เป็นตัวเงิน แต่เป็นประวัติการใช้จ่ายเงินทองของเรา เราเคยมีเงินฝากกับธนาคาร แสดงความเป็นผู้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย แสดงถึงความมีกิจการที่ดี มีการเติบโต มีอนาคต เราเป็นผู้มีฝีมือในการทำธุกิจนั้นๆ ย่อมมีเครดิตที่ดีกว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์เลย อีกเช่นกัน ธนาคารมักไม่ปล่อยเงินกู้ให้กับธุกิจที่ไม่มีอนาคต การจะไปกู้เงินจากธนาคาร ต้องชี้แจงให้ได้ว่า สิ่งที่เราจะดำเนินการนั้นมีอนาคตอย่างไรในสถานที่และเวลาในขณะนั้น และแน่นอนว่ากิจการใดๆ ก็มักจะมีคนดำเนินการอยู่แล้ว และเราพอจะอธิบายได้ไหมว่า เรามีอะไรที่ดีกว่า เหนือกว่าคู่แข่งที่มีอยู่แล้วในระแวกเดียวกัน หรือในวงการธุรกิจเดียวกัน

ประการที่สาม เรามีพลัง มีความอดทน แม้พลาดพลั้งก็ยังลุกขึ้นยืน เดินหน้าต่อได้ ส่วนนี้อาจเรียกว่า “มีก๊อกสอง” หรือ Persistence ในการทำธุรกิจมันมีทั้งที่ประสบความสำเร็จ และมีทั้งที่ไม่สำเร็จ แต่คนที่มีคุณค่าคือคนที่เมื่อเคยพลาด เขาแสดงความสามารถในการฟื้นฟูกิจการ และกลับมายืนขึ้นได้ใหม่ นั่นเป็นความสามารถที่นับเป็นบวกสำหรับคนหรือธนาคารที่เขาจะมาลงทุนให้กับเรา

ส่วนนี้แหละที่คนหนุ่มสาว หรือคนที่ไม่สูงอายุจนเกินไปจะได้เปรียบ เพราะคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว โอกาสที่เมื่อพลาดแล้วจะกลับมาทำอะไรใหม่นั้นจะยากกว่าคนหนุ่มคนสาว แต่ก็แน่นอนว่าคนสูงอายุกว่า มักจะมีวิธีการตัดสินใจเชิงอนุรักษ์ ไม่เสี่ยงในการลงทุน มักจะอาศัยประโยชน์จากความเป็นปึกแผ่นที่ได้สร้างมาแล้ว เพราะหากจะลงทุนกันมากๆในอนาคตนั้น ก็จะมองไม่ออกว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะหากจะต้องทำอะไรที่ใช้วิสัยทัศน์ก็ต้องได้คนรุ่นหนุ่มสาวมาดำเนินการ

ดังนั้นสำหรับผู้ที่จะก่อตั้งธุรกิจเป็นของตนเอง การศึกษา การฝึกอบรม การหาประสบการณ์เพื่อให้รู้ในสิ่งที่ทำ ย่อมจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว การต้องสะสมเงินทอง ชื่อเสียงแม้เพียงเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรจะเริ่มต้นเลย และที่สำคัญ ต้องเตรียมพร้อมที่จะสู้กับปัญหา แม้ในทุกสิ่งที่ทำจะไม่สำเร็จสมกับความต้องการทั้งหมด แต่คนที่มีใจสู้และไม่ประมาท ย่อมมีช่องทางที่ดีกว่า

No comments:

Post a Comment