Monday, August 8, 2011

เมื่อเราทำอะไรออกไป ผลสะท้อนกลับก็เป็นอย่างนั้น

เมื่อเราทำอะไรออกไป ผลสะท้อนกลับก็เป็นอย่างนั้น

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, สุภาษิต,

มีสุภาษิตเยอรมันหนึ่งกล่าวว่า “Wie man in den Wald hineinruft, so schallt es zurück.” แปลเป็นอังกฤษได้ว่า “Just as one calls into the forest, so it echoes back."หรือ เมื่อเราตะโกนเข้าไปในป่าอย่างไร เสียงที่สะท้อนกลับมาก็จะเป็นอย่างนั้น

มีผู้รู้อธิบายความหมายของสุภาษิตนี้ว่า “Do not expect friendly reply when being obnoxious.” หรืออย่าคาดหวังว่าจะได้รับการสนองกลับอย่างเป็นมิตร เมื่อเราได้ทำสิ่งที่เลวร้ายไว้กับเขา”

Obnoxious = น่ารังเกียจ, น่าสะพรึงกลัว, น่าขยะแขยง

หรือ “What goes around, comes around." เมื่อเราทำอะไรออกไปอย่างไร เราก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างนั้น ในทางพุทธศาสนา มีการสอนว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เมื่อเราทำอะไรออกไปอย่างไร ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลจากที่เราทำกับเขาไว้ในเวลาไม่นาน

ในการสอนด้านมนุษยสัมพันธ์นั้น อาจไม่ใช่สอนในเรื่องบาป บุญ หรือคุณและโทษตามความเชื่อทางศาสนา แต่หลักของสัมพันธภาพของมนุษย์นั้น เราอยากให้คนอื่นเขาปฏิบัติต่อเราอย่างไร เราก็พึงปฏิบัติต่อผู้อื่นในลักษณะเดียวกัน

ตัวอย่างง่ายๆในหลักปฏิบัตินี้ คือการอยู่ในห้องพักหรืออพาร์ทเมนท์ร่วมกัน โดยทั่วไป คนที่เป็นนักศึกษา หรือยังหนุ่มสาว ต้องไปศึกษาเล่าเรียน หรือไปทำงานในต่างที่ เมื่อต้องการหาที่พัก ก็มักจะต้องไปหาที่พักที่แบ่งกันอยู่ได้ หากอยู่ร่วมกัน 2 คน ก็แบ่งจ่ายคนละครึ่ง หากอยู่กัน 3 คน ก็แบ่งจ่ายกันคนละ 1 ใน 3 เพราะหากอยู่คนเดียวต้องจ่ายทั้งหมด ก็คงจะสู้ไม่ไหว แต่การจะอยู่รวมกันได้ ก็ต้องมีการกำหนดกรอบที่จะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น ดังเช่น

การทำความสะอาด ไม่มีใครอยากอยู่ในสถานที่สกปรก ดังนั้นก็ต้องมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ตั้งแต่ทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้วมที่ใช้ร่วมกัน การปัดกวาดเช็ดถูสถานที่ เครื่องปรับอากาศ การนำขยะไปทิ้ง ฯลฯ ซึ่งก็ต้องมีการแบ่งหน้าที่กัน เมื่อมีการต้องกินอาหาร ต้องมีการทำครัว ก็ต้องรู้จักทำความสะอาดครัว ล้างหม้อ กระทะ และเครื่องใช้ต่างๆเมื่อเสร็จภารกิจ เวลากินก็แบ่งกันใช้โต๊ะอาหาร หรือไม่ก็นั่งกินร่วมกัน ส่วนเครื่องครัว ข้าวของที่ใช้แล้ว ไม่ใช่ใช้แล้วไม่ทำอะไร รอให้เพื่อนมาเก็บทำความสะอาด เลยเห็นว่านั่นเป็นปกติ ซึ่งนานๆไป เขาคงจะไม่พอใจ

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของการใช้เสียง หากการอยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อนนักศึกษา ต่างคนต่างต้องศึกษาเล่าเรียน แต่หากเรามีเพื่อนมาก มาเฮฮาปาร์ตี้กันบ่อยๆ แล้วใช้ห้องที่จะต้องอยู่ร่วมกันแบบไม่เกรงใจต่อกัน ดังนี้อีกฝ่ายไม่สามารถอยู่ได้อย่างสงบ ก็เป็นการไม่มีมารยาทและความเกรงใจต่อกัน ส่วนใหญ่ หากอยากสนุกสนานอะไร ก็ไปใช้สถานที่ข้างนอก เวลาอยู่ในที่พักร่วมกัน ก็ควรจะร่วมกันรักษาความสงบ หากจะสนุกสนานกันบ้าง บางคนทนได้ บางคนทนไม่ได้ ก็ต้องพูดคุยกัน และหาจุดที่แต่ละฝ่ายยอมรับได้ หรือทำร่วมกันได้

การจะอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่นมีความสงบสุข หลักก็คือ เราต้องเห็นอกเขาและอกเรา อย่ากระทำการใดๆอย่างเห็นแก่ตัว ตามใจตัวเอง ไม่เกรงใจ หรือไม่รับผิดชอบ ท้ายสุดคนที่จะอยู่ร่วมกับเรา เขาก็จะอยู่ไม่ได้ หากเขาไม่พูดออกมา เขาก็จะย้ายออกไปหาที่อยู่ใหม่

นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่าง แต่ในชีวิตจริงนั้น เราก็ต้องใช้หลักมนุษยสัมพันธ์นี้ ต้องยึดสุภาษิตที่ว่า “Just as one calls into the forest, so it echoes back." หรือ “เมื่อเราตะโกนเข้าไปในป่าอย่างไร เสียงที่สะท้อนกลับมาก็จะเป็นอย่างนั้น”

No comments:

Post a Comment