Thursday, August 11, 2011

พายุในแก้วน้ำ

พายุในแก้วน้ำ

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, สุภาษิต, อารมณ์, ความโกรธ, IQ, EQ

มีสุภาษิตชาวดัชบทหนึ่งกล่าวว่า “Storm in een glas water.” ในภาษาอังกฤษแปลได้ว่า “storm in a glass of water." หรือในภาษาไทยได้ความว่า “พายุในแก้วน้ำ”

Storm หมายถึงพายุ ซึ่งเรามักจะเปรียบเทียบถึงอารมณ์โกรธของคนว่าเป็น “พายุ” เพราะมันแสดงออกถึงความรุนแรง ดังเช่นพายุในทะเล หรือพายุที่พัดผ่านบ้านเรือนผู้คน แล้วทำความเสียหายมากมาย แต่เมื่อกล่าวว่าเป็นพายุในแก้วน้ำ ซึ่งมีขนาดเล็กนิดเดียวที่เห็นๆกันอยู่ ก็หมายความว่า เป็นความโกรธหรือเป็นฟืนเป็นไฟกับสิ่งที่จริงๆแล้วไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากนัก

ในภาษาอังกฤษมีสุภาษิตเปรียบเทียบกว่า “Tempest in a tea pot" หรือแปลได้ว่า “ความวุ่นวายในกาน้ำ” ซึ่งมีความหมายในลักษณะเดียวกัน

Tempest = ความวุ่นวาย

อันความโกรธของมนุษย์นั้นเป็นปกติทั่วไป ทุกคนมีอารมณ์ดังกล่าวได้ บางคนหิวแล้วมีอารมณ์โกรธ บางคนใครขัดใจแล้วโกรธ แต่คนเมื่อเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีเรื่องราวต่างๆผ่านมาในชีวิตมากขึ้นที่เราควบคุมไม่ได้ และไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ ก็ต้องลดละปล่อยวางในสิ่งที่จะนำมาเป็นอารมณ์ เพราะถ้านำเรื่องเหล่านี้มาเป็นอารมณ์ก็จะโกรธและอารมณ์ขุ่นมัวได้ทั้งวัน และเป็นสิ่งไม่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเรา จะคิดจะทำอะไรก็ไม่มีความปลอดโปร่ง จะมีสิ่งกวนใจอยู่ตลอดเวลา

Tantrum = อารมณ์ฉุนเฉียว, ความโกรธเคือง, ความโมโหโทโส

ในทางจิตวิทยา tantrum (หรือ temper tantrum หรือ tirade หรือ hissy fit) เป็นการระเบิดทางอารมณ์ที่มักจะเกิดกับเด็กและคนที่มีความกดดันในอารมณ์ ซึ่งแสดงออกด้วยการแข็งขืน ร้องไห้ กรีดร้อง ตะโกน การร้องจนเสียงหลง หรือการต่อต้าน

การเกิดอาการดังกล่าวมักเริ่มมาแต่เด็ก โดยที่เมื่อมีอาการโกรธแล้วแสดงออกด้วยอาการรุนแรง และหากผู้ใหญ่หรือคนดูแลก็แสวงหาทางเอาใจเพื่อให้หายโกรธในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิด จะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เมื่อได้รับการตอบสนองดังกล่าวมากๆ นานๆเข้า ก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัวที่บ้าน และเมื่อไปอยู่ในที่อื่นๆ เช่นที่โรงเรียน ก็จะใช้อารมณ์แบบดังกล่าว หากได้รับการอบรมจากทางครูและโรงเรียน ก็จะพอช่วยได้ แต่หากทางโรงเรียนก็ไม่ได้ดูแล ก็จะกลายเป็นมีนิสัยติดตัวไปเรื่อยๆ แม้เมื่อมีครอบครัวเป็นของตนเอง ยามเมื่อโกรธขึ้นมา ก็จะแสดงออกโดยไม่มีการควบคุม หากมีคู่ครอง แล้วมีอารมณ์ดัง “พายุในแก้วน้ำ” เช่นนี้ ย่อมเสี่ยงต่อการเลิกราหย่าร้างกัน หากมีลูกแล้วแสดงออกด้วยอารมณ์ดังกล่าว ก็จะยิ่งสร้างปัญหาด้านสุขภาพจิตแก่ครอบครัว

ทางออกที่ดีสำหรับคนที่มีลูกที่มีลักษณะดังกล่าว ก็คือต้องแก้ไขเสียแต่เด็กๆ พ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกด้วยเหตุผล ไม่ใช่ด้วยอารมณ์ หากเด็กๆแสดงอารมณ์โกรธโดยไม่เป็นเหตุผล ก็ต้องมีการสั่งสอน อาจด้วยการไม่ใส่ใจจนกว่าจะหยุดแสดงอาการ แล้วจึงค่อยสั่งสอนในยามที่เขามีอารมณ์เป็นปกติ ยามที่จะต้องออกไปนอกบ้าน ก็ต้องอบรมกันก่อนว่า ต้องไม่แสดงอาการชักดิ้นชักงอในที่สาธารณะให้พ่อแม่ได้อับอาย เพราะถ้าทำ คราวหลังจะไม่ได้โอกาสไปเที่ยวข้างนอกบ้านอีก หรือเท่ากับจะไม่ได้รับรางวัล หรือถูกลงโทษอย่างมีเหตุผล

ในด้านความฉลาดของคน เขาเรียกว่า IQ หรือ Intelligence Quotient อันเป็นความฉลาดทางด้านสติปัญญา แต่มีความฉลาดในอีกด้านหนึ่ง คือ EQ หรือ Emotional Quotient อันเป็นความฉลาดทางด้านอารมณ์ คนบางคนมีความฉลาดทางสติปัญญาเป็นเลิศ แต่ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ของตนเองได้ เวลาถูกใครยั่วยุก็จะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ การจะทำกิจการใดๆ ก็จะทำให้เสียหาย เป็นนักการเมือง หากขาดความฉลาดทางอารมณ์ ถูกสื่อซักถาม ยั่วยุ ก็เกิดอารมณ์ เรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ สร้างความเสียหายและสับสนในสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ทางออกที่ดีที่สุด หากใครมีปัญหาด้านอารมณ์โกรธ ก็จะต้องหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเอง หรือหากเป็นเรื่องของคนใกล้ตัว ก็ต้องหาทางฝึกหรือแนะนำให้ต้องปรับตัวแก้ไขไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างที่เขาเรียกว่า “Anger Management” ต้องมีการฝึกจิตใจ เรียนรู้กับการควบคุมตนเองให้ได้ หรือการต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ในทางศาสนามีการฝึกสมาธิ การฝึกให้เข้าใจตนเอง การมองสิ่งแวดล้อมในทางบวก มองโลกให้สดใส สิ่งเหล่านี้แม้เราจะแก้ปัญหาให้หายเสียทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็จะทำให้ลดน้อยลงในระดับที่ไม่เป็นภัยหรือความเสียหายแก่ตนเอง หากเรามีลักษณะอ่อนไหวต่อสิ่งดังกล่าว เราอาจต้องเลือกอาชีพที่ไม่ได้รับการรบกวนทางอารมณ์ที่มากและตลอดเวลา ต้องเลือกทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ทำให้เราต้องเกิดอารมณ์ได้ง่ายๆบ่อยๆ

No comments:

Post a Comment