Friday, December 2, 2011

วันนี้อย่าต้องอยู่อย่างยืมอนาคตมาใช้

วันนี้อย่าต้องอยู่อย่างยืมอนาคตมาใช้

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, German, สุภาษิต, เยอรมัน, วินัยทางการเงิน, Environment, สภาพแวดล้อม, Flood, น้ำท่วม

มีสุภาษิตเยอรมันบทหนึ่งที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Today must not borrow from tomorrow.” ~ German proverb

แปลเป็นไทยได้ว่า “วันนี้อย่าต้องอยู่อย่างยืมอนาคตมาใช้” ~ สุภาษิตเยอรมัน ซึ่งขยายความหมายเป็นคำสอนได้ว่า อะไรก็ตามที่เราทำในวันนี้ ต้องไม่คิดอย่างสั้นๆ เพียงทำแล้วได้ประโยชน์ในช่วงสั้นๆที่ไม่ถาวรในวันนี้ สบายในวันนี้ แต่เป็นภาระหนักสำหรับอนาคต คำสุภาษิตนี้ใช้ได้ในหลายๆเรื่องในหลายมิติ

ในทางเศรษฐกิจ ก็หมายถึง ใครก็ตาม ที่หวังจะสบาย ก็ต้องกระทำได้ภายในกรอบที่เรามีเงินอยู่จริงที่จะทำอย่างนั้น อย่าทำอะไรอย่างที่เราไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้ในระยะยาว ในปัจจุบัน เรามีธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้เราสามารถใช้เงิน หรือการลงทุนจากเงินของคนอื่นๆ แต่เราก็ต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งก็จะต้องคุ้มสำหรับคนที่เขาจะลงทุน หากจะเป็นการลงทุนเพื่อให้เกิดการขยายกิจการในอนาคต ทำให้ธุรกิจของเรามีความมั่นคงขึ้นในอนาคต ก็นับเป็นการลงทุนที่เป็นเหตุเป็นผล แต่มีเป็นอันมาก ที่เป็นการกู้มาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในวันนี้ แต่ไม่มีโอกาสที่จะดำรงอยู่ได้ในอนาคต ยิ่งนาน หนี้ที่ไปกู้เขามาก็จะยิ่งมีดอกเบี้ยทับถม ท้ายสุดกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ไร้เงิน ไร้ความน่าเชื่อถือที่จะทำธุรกิจใดๆต่อไป

ในระดับประเทศหรือแม้แต่ภูมิภาค กลุ่มประเทศในยุโรปเกือบทั้งหมด ดังที่เรียกว่า Eurozone กำลังเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่อย่าง “ยืมอนาคต” มีลักษณะใช้จ่ายมาก แต่ไม่มีความสามารถที่จะใช้หนี้ได้ มีปัญหาที่หนักอึ้งด้วยการใช้เงินเพื่อสวัสดิการสังคม แต่ผู้คนไม่อยากเพิ่มภาษี และรัฐบาลเองก็ไม่อยากเสียเสียงทางการเมืองและคะแนนนิยม ในทางสังคม คนมีอายุยืนยาวขึ้น อายุที่จะใช้ประโยชน์จากสวัสดิการรัฐก็ยิ่งยาวนานขึ้น ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น แต่อายุที่จะทำงานจ่ายภาษีให้กับรัฐมีเท่าเดิม ยิ่งกว่านั้น คนที่เคยรับประโยชน์ยาวนาน แต่กลับขาดความสามารถในการแข่งขัน สินค้าและบริการที่เคยผลิตเองบริการเอง ก็กลายเป็นนำสินค้าเข้า แล้วงานที่เคยเป็นของท้องถิ่นภายในประเทศก็หดหายไป สภาพเช่นนี้เป็นการดำรงอยู่ในทางเศรษฐกิจที่ไม่ดำรงอยู่ได้อย่างสืบเนื่องยาวนาน

ในทางสิ่งแวดล้อม ดูตัวอย่างประเทศไทย เรามีการขยายเมืองในบริเวณที่ลุ่มภาคกลางอย่างรวดเร็ว นับเป็นสิบจังหวัด โดยเฉพาะเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ทั้งที่เป็นการขยายตัวเป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย ที่ยิ่งขยายชุมชนเมืองออกไปมากเท่าใด ที่ดินเพื่อการเกษตรลดลงไป ที่นาที่เคยมีเพื่อการรองรับน้ำก็มีน้อยลง ก็ไปลดขีดความสามารถของธรรมชาติที่จะระบายน้ำ คูคลองที่เคยขุดไว้ในอดีตก็ตื้นเขิน สูญเสียความสามารถในการระบายน้ำ ในปีที่น้ำมาตามปกติ ก็พอจะระบายน้ำได้ทัน การมีน้ำท่วมก็พออยู่ในวิสัยที่ทนได้รับได้ แต่ในปีที่มีน้ำมากกว่าปกติ แต่ความสามารถในการรับน้ำและระบายน้ำตามธรรมชาติกลับลดลง ทำให้เกิดน้ำท่วม (Flood) อย่างรุนแรง และท่วมยาวนานมากขึ้น ดังได้เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2538 และรุนแรงมากที่สุดในปี พ.ศ. 2554 ซึ่งห่างกันเพียง 16 ปี และในวงจรน้ำท่วมใหญ่ต่อๆไป ก็อาจจะยิ่งสั้นลงไปอีก หากไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

สิ่งหนึ่งที่เราควรเรียนรู้จากชาวเยอรมันคือ การมีวินัย ขยันหมั่นเพียร รักธรรมชาติ และการที่เขาต้องมีชีวิตอยู่ในยุโรปมีความเจริญมานานเป็นพันปี เขาได้เรียนรู้จากธรรมชาติ และเข้าใจวิถีชีวิตที่ต้องดำรงอยู่ได้อย่างยืนยาว อย่างที่เขาเรียกว่า Sustainability หากเขาขาดวินัยในการดำรงชีวิต หรือรุกล้ำธรรมชาติมากไป มันจะไม่นานหรอกที่สิ่งเหล่านั้นจะกลับมาทวงหนี้ในอนาคต แล้วค่าใช้จ่ายที่จะต้องมีขึ้นนั้นมันมหาศาล

ดังนั้น สุภาษิตเยอรมันที่เราพึงจำไว้เป็นแนวดำรงชีวิตและสอนลูกหลานของเราต่อๆไป คือ “วันนี้อย่าต้องอยู่อย่างยืมอนาคตมาใช้”

No comments:

Post a Comment