Thursday, May 5, 2011

Ted Kaczynski นักวางระเบิดไปรสณีย์

Ted Kaczynski นักวางระเบิดไปรสณีย์

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail:
pracob@sb4af.org

เรียบเรียงจาก Wikipedia, the free encyclopedia


ภาพ เทด คาซินสกี้ เมื่อเรียนมัธยมศึกษา

ธีโอดอร์ จอห็น คาซินสกี้ (Theodore John "Ted" Kaczynski) เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1942 รู้จักกันในฐานะ Unabomber หรือนักวางระเบิดมหาวิทยาลัยและสายการบิน (University and Airline Bomber) เขาเป็นอเมริกันเชื้อสายโปแลนด์ (Polish American) นักคณิตศาสตร์ (mathematician) นักวิพากษ์สังคม (social critic) พวกอนาธิปไตย (anarchist) และเป็นพวกต่อต้านวิทยาการและเทคโนโลยี (Neo-Luddite)

เขาเกิดที่เมืองชิคาโก (Chicago) รัฐอิลลินอยส์ (Illinois) เมื่อเป็นเด็ก เขามีปัญญาเลิศ (child prodigy) และแสดงแววให้เห็นตั้งแต่เด็ก คาซินสกี้ได้รับเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ที่เลื่องชื่อของสหรัฐอเมริกาด้วยวัยเพียง 16 ปี และที่นี่ที่เขาได้รับปริญญาตรี และต่อมาเขาได้ไปศึกษาต่อสาขาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน (University of Michigan) เขาได้รับการบรรจุเข้าเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เมืองเบิร์กเลย์ (University of California, Berkeley) ด้วยวัยเพียง 25 ปี แต่แล้วเขาก็ลาออกในอีกสองปีต่อมา

ในปี ค.ศ. 1971 เขาได้เลือกไปพักอาศัยในบ้านชายป่า (Cabin) ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา ซึ่งอยู่ในบริเวณลินคอล์น ในรัฐมอนตาน่า (Lincoln, Montana) เขาใช้ชีวิตอย่างปลีกแยกจากสังคม (recluse) เรียนรู้ทักษะที่จะดำรงชีวิต (survival skills) ในแบบพึ่งตนเอง (self-sufficient) เขาตัดสินใจรณรงค์ด้วยการวางระเบิด หลังจากที่พบว่าในระแวกบ้านเขามีการทำลายสภาพแวดล้อม เพื่อการพัฒนาในแบบเมือง

จากช่วงปี ค.ศ. 1978 ถึงปี 1995 คาซินสกี้ได้ส่งระเบิดทางไปรสณีย์ไปยังเป้าหมายต่างๆ 16 รายการ รวมทั้งมหาวิทยาลัยและสายการบิน ทำให้คนเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 23 ราย คาซินสกี้ส่งจดหมายถึงหนังสือพิมพ์ The New York Times ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1995 และสัญญาจะเลิกการก่อการร้าย หากหนังสือพิมพ์ Times หรือ The Washington Post รับตีพิมพ์คำปฏิญญา (manifesto) ซึ่งเขียนในบทความชื่อ Industrial Society and Its Future ซึ่งบางคนเรียกว่า Unabomber Manifesto เขาบอกว่าการวางระเบิดของเขาเป็นความรุนแรงที่จำเป็น เพื่อเรียกร้องความสนใจของคนต่อปัญหาความเสื่อมถอยในเสรีภาพของมนุษย์ เพื่อเปิดทางให้ใช้เทคโนโลยียุคใหม่ที่ต้องอาศัยองค์กรขนาดใหญ่

กรณีของเขาเป็นเป้าหมายการสืบค้นของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (Federal Bureau of Investigation's - FBI) ที่ทำให้เสียงบประมาณในการสืบสวนสอบสวนมากที่สุด FBI ตั้งชื่อกรณีของเขาว่า UNABOM อันมาจากคำว่า UN มาจาก University อันหมายถึงมหาวิทยาลัย A มาจากคำว่า Airline อันหมายถึงสายการบิน และ BOM มาจากคำว่า BOMber หรือนักวางระเบิด

ภาพ กระท่อมเล็กๆ ที่เขาอาศัยในช่วงปลีกแยกจากสังคม บ้านไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา

แม้ FBI จะใช้ความพยายามมากเพียงใด แต่การติดตามตัวมือระเบิดลึกลับก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งภรรยาของน้องชายคาซินสกี้และตัวน้องชายเองจำสไตล์การเขียนและวิธีการคิดของเขาได้จากบทเขียนคำปฏิญญาของเขา และได้แจ้งให้ FBI ทราบและนำไปสู่การจับกุมตัวในที่สุด ในการต่อสู้คดี ทนายของคาซินสกี้ซึ่งแต่งตั้งโดยศาลได้เสนอให้เขายอมสารภาพด้วยเหตุจิตไม่ปกติ (Plead insanity) ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิต คาซินสกี้เลิกใช้ทนายทั้งสอง และต้องการจะแก้ต่างให้กับตนเอง เพราะเขาไม่ได้คิดว่าตนเองเสียสติ ครั้งหนึ่งเกือบแน่ใจได้ว่าจะมีการพิจารณาคดีในระบบศาลเปิด มีการถ่ายทอดโทรทัศน์ในทั่วประเทศ แต่ในที่สุดศาลได้เข้าสู่กระบวนการประนีประนอม (a plea agreement) โดยเขาจะไม่ต้องรับโทษประหารชีวิต แต่จะถูกจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ได้รับการลดหย่อนโทษ คาซินสกี้ได้รับการจัดอยู่ในพวก “ผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ” (domestic terrorist) โดย FBI

มีนักเขียนในแนวอนาธิปไตยอย่าง John Zerzan และ John Moore ได้เข้ามาต่อสู้ปกป้องเขา แต่ก็ยังไม่มั่นใจในการกระทำและอุดมการณ์ของเขา

เมื่อย้อนกลับไปในช่วงเยาว์วัย มีภูมิหลังบางอย่างที่ทำให้คนที่เป็นอัจฉริยะอย่างเขา คนที่น่าจะมาอนาคตอันรุ่งโรจน์ในโลกวิชาการ กลับกลายเป็นผู้ต่อต้านสังคม เก็บตัว และเป็นอาญชากรที่ลือลั่นคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา

เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาเจ็บป่วยต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างยาวนาน ร่างกายของเด็กน้อย เทด คาซินสกี้ต้องอยู่ในสถานที่ไม่ต่างจากรวงผึ้ง ต้องอยู่ในโรงพยาบาลในระบบที่ไม่อนุญาตให้มีผู้เยี่ยม การรักษาเขาดำเนินไปจนเขาอายุได้ 8 เดือน แม่เขาเขียนในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1943 “เมื่อทารกกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านนั้น เขามีสุขภาพที่เป็นปกติ แต่ไม่ตอบสนองต่อประสบการณ์รอบตัว”

เขาเรียนชั้นประถม 1 ถึง 4 ที่โรงเรียนประถมเชอร์แมน (Sherman Elementary School) ในเมืองชิคาโก และเขาเรียนต่อในชั้นประถม 5 – 8 ที่โรงเรียนเอเวอร์กรีน พาร์ค เซนทรัล (Evergreen Park Central School) เมื่อเขาได้รับการทดสอบด้านสติปัญญาในชั้นประถมปีที่ 5 ระดับไอคิว หรือสติปัญญาของเขาอยู่ที่ระดับ 167 ซึ่งเป็นระดับอัฉริยะ จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเรียนในชั้นปีที่ 6 และเรียนต่อในชั้นประถมปีที่ 7 ได้เลย

คาซินสกี้พรรณนาว่าช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญของชีวิต เขาจำได้ว่าเขาเข้ากันไม่ได้กับเด็กในชั้นเรียนที่โตกว่า และถูกรังแกเป็นประจำ เมื่อเป็นเด็ก เขากลัวคนและกลัวตึก เมื่อเขาเล่น เขาเล่นข้างๆเด็กอื่นๆ แต่ไม่ได้ไปเล่นด้วยกัน แม่ของเขารับรู้การพัฒนาทางสังคมที่ย่ำแย่จึงเคยคิดที่จะให้เขาต้องไปเรียนกับเด็กกลุ่มออทิสติก (autistic) ที่ดำเนินการสอนโดย Bruno Bettelheim

เมื่อเขาเรียนมัธยมศึกษาที่ Evergreen Park Community High School คาซินสกี้มีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม และพบว่าคณิตศาสตร์ที่เขาเรียนในช่วงปีที่ 2 นั้นง่ายเกินไปสำหรับเขา ในช่วงเวลาดังกล่าว คาซินสกี้ได้กลายเป็นคนหมกมุ่นกับคณิตศาสตร์ ใช้เวลายาวนานหลายชั่วโมงในห้องปิดประตูและอยู่กับการฝึก differential equations แทนที่จะได้ใช้ชีวิตเข้าสังคมกับเพื่อนๆร่วมรุ่น

ในช่วงเรียนมัธยม คาซินสกี้เรียนชนะเพื่อนๆไปไกล เขาสามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ก้าวหน้าอย่าง Laplace Transforms ก่อนที่เขาจะเรียนชั้นปีที่ 4 เขาจึงถูกจัดให้เรียนคณิตศาสตร์ในชั้นที่สูงขึ้นไป แต่ในด้านพัฒนาการทางปัญญาโดยรวมแล้ว เขารู้สึกยังจำกัดอยู่มาก

คาซินสกี้ได้เรียนในลักษณะเด็กปัญญาเลิศ โดยในช่วงประถมศึกษาและมัธยมศึกษารวม 12 ปีนั้น เขาได้เรียนแบบข้ามชั้นหลายครั้ง

ในที่สุดคาซินสกี้ก็สามารถเรียนเนื้อหาทั้งหมดได้ และไม่ต้องเรียนในชั้นปีที่ 11 และการที่เขาได้เรียนในชั้นพิเศษช่วงฤดูร้อน โดยเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เขาจึงจบมัธยมศึกษาเมื่อวัยเพียง 15 ปี เขาได้รับการกระตุ้นให้สมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ อย่าง Harvard University และในที่สุด เขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย และเริ่มเรียนในปี ค.ศ. 1958 ด้วยวัยเพียง 16 ปี ที่ฮาร์วาร์ด เขาได้เรียนกับนักตรรกะ (Logician) ที่มีชื่อเสียงอย่าง Willard Van Orman Quine และสอบได้อันดับหนึ่งในชั้น ด้วยคะแนน 98.9%

คาซินสกี้ได้เคยเข้าไปอยู่ในการเรียนที่เป็นการทดสอบด้านบุคลิกภาพไปในตัว

เขาได้เรียนในวิชาศึกษาบุคลิกภาพในชั้นที่มีหลากชั้นปี เป็นวิชาของ ดร. เฮนรี่ เมอร์เรย์ (Dr. Henry Murray) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการสัมภาษณ์ความเครียด ในการศึกษาในชั้นเรียน นักเรียนจะได้รับคำสั่งให้ต้องเถียงกับเพื่อนร่วมชั้นเกี่ยวกับปรัชญาบุคลิกภาพ

แทนที่จะเรียนในเนื้อหาวิชาเหมือนแบบบรรยายทั่วๆไป ผู้เรียนจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทดลองเกี่ยวกับจิตใจในสภาพที่ได้รับผลกระทบจากความกดดันและความเครียด ซึ่งผู้เรียนจะถูกโจมตีทางด้านจิตใจอย่างต่อเนื่องยาวนาน ระหว่างที่มีการทดสอบ ผู้เรียนจะอยู่ในห้องเรียนถูกตรึงไว้กับเก้าอี้ที่มีระบบไฟ (Electrodes) เพื่อติดตามพฤติกรรมและปฏิกิริยาตอบ เมื่อใบหน้าไดรับแสงสว่างจ้า และได้รับการสังเกตพฤติกรรมผ่านกระจกแบบมองจากภายนอกเข้ามาได้ (two-way mirror) โดยภายในไม่สามารถมองทะลุออกไปได้

นักศึกษาแต่ละคนจะเขียนเรียงความพรรณนาความเชื่อส่วนตัว ความคาดหวัง และเรียงความนั้นก็จะส่งต่อไปยังอัยการที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งจะเข้ามาในชั้นเรียนแล้วพูดจาดูถูกถากถางอย่างเจตนา จากการเขียนของ Alston Chase บันทึกที่เกี่ยวกับคาซินสกี้บอกว่าเมื่อเริ่มการศึกษา เขามีจิตใจที่มั่นคง ทนายความของคซินสกี้บอกว่าลูกความของเขาเริ่มมีจิตใจที่ไม่มั่นคงและไม่ชอบการควบคุมจิตใจในการที่ต้องอยู่ในสภาพการทดลองในการเรียนนี้ บางคนให้ความเห็นว่า เพราะการทดลองในชั้นเรียนนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมของคาซินสกี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ภาพ เทด คาซินสกี้ เมื่อถูกจับตัวแล้ว และขึ้นศาล

No comments:

Post a Comment