ผู้นำต้องมองโลกในแง่บวก
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org
ศึกษาและเรียบเรียง
Keywords: cw022, สุภาษิต, proverb, optimism, positive thinking, ความเป็นผู้นำ, Leadership
คนเรามีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง และการมองโลกในแง่บวก แต่การจะมองโลกในแง่บวกหรือแง่ดีนั้น ล้วนแต่มีที่มาที่ไป
มีสุภาษิตชาวสวีเดน ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “Fear less, hope more; Eat less, chew more; Whine less, breathe more; Talk less, say more; Love more, and all good things will be yours” - Swedish Proverb
ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า
กลัวให้น้อยลง มีความหวังให้มากขึ้น; กินให้น้อยลง เคี้ยวให้นานขึ้น; สะอื้นให้น้อยลง หายใจให้ยาวมากขึ้น; พูดให้น้อยลง แต่สื่อสารให้มากขึ้น; ให้ความรักแก่สิ่งต่างๆให้มากขึ้น แล้วสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับท่าน – สุภาษิตชาวสวีเดน
คำว่า Whine คือการหายใจที่มีลักษณะสะอึกสะอื้น อาจจะด้วยความตื่นเต้น กำลังร้องไห้ การหายใจในลักษณะนี้ก็จะทำให้ได้ลมเข้าไม่เต็มปอด ร่างกายก็จะไม่ตื่นตัวที่จะคิดได้อย่างมีสติและปัญญาที่ดี คนจะมีสุขภาพดี ก็ต้องฝึกออกกำลังกายที่ทำต่อเนื่อง แล้วขณะเดียวกันฝึกการให้ใจทีทำให้ปอดทำงานในการใช้อากาศได้เต็มที่
คำว่า Talk เป็นลักษณะของการพูดที่อาจจะพูดไปเรื่อยๆ ดังคนที่พูดมากน่ารำคาญ Talkative คือพูดไปเรื่อยๆเหมือนนกแก้วนกขุนทอง เขาเรียกว่า แต่คำว่า say มีความหมายว่าพูดเหมือนกัน แต่ลึกซึ่งกว่า คือต้องการพูดเพื่อสื่อสารสาระอะไรบางอย่าง
พจนานุกรมฉบับ Oxford English Dictionary ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า optimism เป็นความหวังและความมั่นใจว่าอนาคตจะสดใส จะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับบางสิ่งบางอย่าง เป็นแนวโน้มที่บุคคลจะมีทัศนะที่มองโลกหรือสรรพสิ่งไปในทางที่ดี
คำว่า Optimism มาจากภาษาลาตินว่า optimum ซึ่งมีความหมายว่า “ดีที่สุด” หรือ best ซึ่งยังต่างกับความว่า Optimal thinking หรือคิดอย่างหวังผลสูงสุด หรือ “ดีดลูกคิดรางแก้ว” ซึ่งแม้ในทางธุรกิจ เมื่อเขาคิดไปในทางได้ประโยชน์สูงสุดแล้ว เขาจะให้คิดไปในทางตรงกันข้าม หรือได้ผลต่ำสุด แล้วจึงหาค่าความเป็นไปได้ระหว่างสองจุดนั้น
คำว่า Optimism จึงหมายถึงการตระหนักในสภาพธรรมชาติที่เป็นไป แต่ก็มองมันในแง่ที่ดี แต่ไม่ใช่อย่างหลับหูหลับตา แต่มองอย่างเห็นว่าแม้มีปัญหา แต่ปัญหาเหล่านั้นก็แก้ไขได้ โดยที่เรา หรือมนุษย์จะต้องใช้ความคิด สติปัญญา และลงแรงเพื่อทำให้เกิดการปรับเปลี่ยน คนมองโลกในแง่ดี คือคนที่ต้องเข้าใจในความเป็นจริงในสภาวะแวดล้อม แล้วมีจุดมุ่งหมาย มีความหวังว่าจะมีช่องทางในการทำให้เกิดสิ่งดีๆ แต่ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็ด้วยตัวเอง และมนุษย์ทั้งหลายมีส่วนร่วมทำให้สิ่งดีๆได้เกิดขึ้น
คนมองโลกในแง่ดี มองโลกในทางบวก มักจะได้แก่คนที่มีพันธุกรรมมาในลักษณะหนึ่ง แม้จะมีผลไม่มาก แต่ส่วนใหญ่เป็นผลจากสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู (environmental factors) ตัวอย่างเช่น คนที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่พ่อแม่ผู้ปกครองทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดเวลา หรืออยู่ท่ามกลางความยากจนอย่างสาหัส ช่วยตนเองไม่ได้เลย ดังนี้จะให้เด็กๆ เกิดมาอย่างมองโลกในแง่ดี ก็จะเป็นไปได้ยาก และนอกนั้นยังเกี่ยวกับลักษณะของความฉลาดเฉลียว (intelligence) และสภาพอารมณ์บุคลิกภาพของคน (temperament) ลักษณะการมองโลกในแง่ดียังเกี่ยวกับสุขภาพ คนที่มีสุขภาพดี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ออกกำลังอยู่เสมอ ย่อมมีส่วนที่จะมองโลกในแง่ดีได้มากกว่าคนที่เจ็บป่วย หรือใกล้เสียชีวิต และแน่นอนว่าหากคนเราเจ็บป่วยตลอดเวลา แม้มีจิตใจที่ดีเป็นพื้นฐาน แต่ก็จะบั่นทอนความสามารถที่จะนึกคิดไปในทางที่ดี คิดอะไรไม่ออก อย่างที่มีสุภาษิตว่า “สุขภาพจิตที่ดีอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง”
สำหรับท่านที่จะทำงานเป็นผู้บริหาร เป็นหัวหน้าคน ท่านจะต้องมีคุณลักษณะนี้ และต้องมองโลกในแง่บวก มองเห็นสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น และคนเขาก็คาดหวังให้ท่านต้องมีลักษณะดังกล่าว เมื่อมีการคัดเลือกผู้บริหารในระดับสูง เขาจึงต้องให้มีการนำเสนอวิสัยทัศน์ (Visions) ของนักบริหารว่า เมื่อรับตำแหน่งแล้วคาดว่าจะมาทำอะไร คิดว่ามีโอกาสในการพัฒนาองค์การหรือระบบงานนั้นๆไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่า เขาต้องการให้ท่านมองเห็นสิ่งดีๆที่มีอยู่ในที่นั้นๆ มองเห็นศักยภาพที่มีอยู่ เข้าใจสภาพปัญหาที่มี และมีความมั่นใจว่า เมื่อท่านมาทำหน้าที่นั้น ท่านจะสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดียิ่งกว่าได้ และนอกจากนี้ สิ่งที่ท่านคิด พูด และสิ่งที่เชื่อและจะทำนั้น จะต้องอยู่ในแนวและทิศทางเดียวกัน
เหล่านี้ คือลักษณะของคนคิดในแง่บวก มองโลกในแง่ดี และคนที่จะมีพลังในการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ไหน ทำงานอย่างไร ก็จะเป็นที่ต้องการของผู้คนรอบข้าง
No comments:
Post a Comment