นโยบายโรงเรียนรัฐบาลคุณภาพต้องมาก่อนขนาด
(Quality must trump size in govt’s school policy)
(Quality must trump size in govt’s school policy)
Supanutt Sasiwuttiwat: เขียน
สุริยา เผือกพันธ์: แปล
สุริยา เผือกพันธ์: แปล
ขนาดโรงเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่ควรจะเป็นสิ่งเดียวที่นำมาพิจารณา
ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการจะยุบและควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท
บางคนกล่าวว่าการยุบโรงเรียนขนาดเล็กเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
เพราะจะทำให้นักเรียนต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลไปโรงเรียน
และยังอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตามมา เช่นอุบัติเหตุจากรถยนต์
ค่าใช้จ่ายจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้นและยังเป็นการกัดกร่อนจิตวิญาณของชุมชนที่ฝังลึกอยู่ในโรงเรียน
เป็นต้น
ผมต้องการให้รายละเอียดด้วยการอภิปรายเพิ่มเติมโดยการพิจารณาเรื่องที่สำคัญ
2
เรื่องคือ การเข้าถึงและคุณภาพของระบบการศึกษา
เรื่องแรก คือความสามารถในการเข้าถึง (Accessibility) แหล่งเรียนรู้ที่ดีของโรงเรียนขนาดเล็ก
ต้องทำให้นักเรียนในพื้นที่ชนบทเข้าถึงได้ดีขึ้น
การศึกษาขั้นพื้นฐานควรจัดให้นักเรียนแต่ละคนและทุก ๆ
คนอย่างทั่วถึงอันเป็นการส่งเสริมการพัฒนาความสามารถของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม
การเข้าถึงมิได้หมายถึงคุณภาพเสมอไป
นักเรียนควรมีความสามารถในการเข้าถึงระบบการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
จะด้วยการใช้ความพยายามหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องทำให้ได้ และพวกเขาต้องเข้าถึงความมีคุณภาพทางการศึกษาที่สูงขึ้นด้วย
นี่คือสิ่งที่จะนำพวกเราไปสู่การพิจารณาเรื่องสำคัญเรื่องที่
2 คือ คุณภาพ
ขนาดโรงเรียนจะนำมาซึ่งการพิจารณาถึงประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณ
โรงเรียนได้รับงบประมาณเป็นรายหัว (per-head subsidies)
จากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ครู
โดยธรรมชาติแล้วโรงเรียนขนาดเล็กต้องได้งบประมาณน้อยกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่เพราะมีจำนวนนักเรียนมากกว่า
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในปีท้ายสุดแสดงให้เห็นว่า
โรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียน 41-60 คน) โดยเฉลี่ยมีครู 4-5
คน ขณะที่โรงเรียนขนาดใหญ่ (นักเรียน 500 -1,499 คน) โดยเฉลี่ยมีครู 30 คน
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่เพียงพอต่อการสอนได้ครบทุกรายวิชา
ครูแต่ละคนจะต้องสอนให้ได้มากกว่า 2 หรือ 3
รายวิชาแก่นักเรียนในหลายระดับชั้น ขณะที่การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่จะมีประกาศใช้ในบางโรงเรียน
กระบวนการดำเนินการไม่ควรกลายเป็นการได้ผลลัพธ์ทางการศึกษาที่นักเรียนยังเข้าไม่ถึงแหล่งเรียนรู้
การตัดสินใจควบรวมควรจะพิจารณาเป็นราย ๆ
ดังนั้น
เราจะมีความคาดหวังกับการควบรวมโรงเรียนเพียงใด
นายพงศ์เทพ
เทพกาญจนารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า โรงเรียนขนาดเล็กสามารถที่จะได้รับการยกเว้นการควบรวม
ถ้าโรงเรียนตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง
บางโรงเรียนจะได้รับการยกเว้นด้วย
ถ้าแสดงให้เห็นว่าผลงานของนักเรียนหรือความสำเร็จสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยมาตรฐานการสอบระดับชาติ
ยินดีให้ข้อยกเว้น โดยเฉพาะผู้ที่เรียกร้องที่อยู่ตรงข้ามกับนโยบายนี้
ถ้าหากโรงเรียนขนาดเล็กใดมีคะแนนการสอบ 0-Net สูงกว่าปี
2012
อย่างไรก็ตาม แผนการปัจจุบันของรัฐมนตรี
มีการเสนองบประมาณให้นักเรียนคนละ 15-30 บาทต่อคนต่อวัน
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่อาจมีไม่เพียงพอ รัฐบาลควรจะดำเนินการต่อไปถึงการอธิบายเพิ่มเติมว่า
จะทำให้การเดินทางปลอดภัยอย่างไรสำหรับเด็กนักเรียน จะต้องอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสังคมที่ใหญ่ขึ้นและวัฒนธรรมที่หลากหลายจากกลุ่มคนต่าง
ๆ ที่เพิ่มขึ้นจะทำอย่างไร
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (The
Thailand Development Research Institute’s: TDRI) ได้ทำการวิจัยและเสนอแนะว่าขนาดโรงเรียนตามที่พูดถึงอยู่นี้เพียงอย่างเดียวไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ
รัฐบาลควรคิดเกี่ยวกับเรื่องที่สำคัญอีก 2 ประการคือ
ประการแรก หลักสูตรการเรียนการสอนไม่มีการปรับให้เข้ากับการสอนนักเรียนว่า
จะทำอย่างไรที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ในศตวรรษที่ 21 หลักสูตรล้มเหลวในการสอดแทรกทักษะที่เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์
การทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในโลกแห่งการงานในปัจจุบัน
ประการที่สอง ระบบการศึกษาขาดการตรวจสอบความรับผิดชอบ
(Accountability) ในการผลิตการศึกษาที่มีคุณภาพตกต่ำ เมื่อนักเรียนมีผลการเรียนต่ำลงไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้
ความก้าวหน้าและเงินเดือนของครูไม่สอดคล้องกับคุณภาพนักเรียน
ปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณภาพของครู การฝึกอบรม
การพัฒนาหลักสูตรและการประเมินผลต้องนำมาพิจารณาด้วยเมื่อตัดสินใจว่าจะพัฒนาคุณภาพโรงเรียนอย่างไร
รายละเอียดของข้อเสนอเหล่านี้สามารถหาอ่านได้ในงานของ
Somkiat
Tangkitvanich หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่
27 มีนาคม 2013 ในหน้า Opinion และมีฉบับที่เป็นภาษาไทยหาอ่านได้ที่ www.tdri.or.th
ในท้ายสุด
ถ้าขนาดโรงเรียนทำให้มีผลต่อคุณภาพการศึกษา รัฐบาลควรระมัดระวังในเรื่องการสื่อสารและการลงมือปฏิบัติ
ตามแผนปฏิบัติการอันจะทำให้กระทบต่อความรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้องในเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
หรืออีกนัยหนึ่ง
ถ้าโรงเรียนขนาดเล็กได้รับการยกเว้นจากการควบรวม
รัฐบาลควรมีข้อเสนอแผนพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียนเหล่านี้ด้วย
การมีนโยบายที่เป็นจริง จะทำให้การประกาศสาระสำคัญที่เกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาและผู้จัดทำนโยบายได้คิดให้กว้างไกลออกไปถึงวิธีการปฏิรูปสถาบันทางการศึกษาของเราด้วย
สิ่งนี้จะเป็นการรับรองไม่ให้พวกเขาต้องตกหลุมพรางของความไร้ประสิทธิภาพและขาดมาตรฐานในอนาคต
หวังว่าในระยะยาวแล้ว เราจะได้ฟังเรื่องเหล่านี้น้อยลง
คัดจาก หนังสือพิมพ์ Bangkok
Post ฉบับวันที่ 22 พฤษภาคม 2013 คอลัมน์ POLICY FOCUS หน้า 11
No comments:
Post a Comment