Monday, November 29, 2010

John Marshall ตุลาการศาลสูงสหรัฐ (2)

John Marshall ตุลาการศาลสูงสหรัฐ

ประกอบ คุปรัตน์Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ศึกษาและเรียบเรียงจาก Wikipedia, the free encyclopedia

Keywords: History, politics, the United States, constitution, laws, ประวัติศาสตร์, การเมือง, สหรัฐอเมริกา, ตุลาการ, กฏหมาย, รัฐธรรมนูญ
ภาพ John Marshall ในปี ค.ศ. 1831 วาดโดย Henry Inman

ความนำ


สหรัฐอเมริกามีรัฐธรรมนูญมาพร้อมๆกับมีประเทศ และรัฐธรรมนูญนี้กำหนดให้มีอำนาจประชาธิปไตยผ่าน 3 เสาหลัก คือ (1) ฝ่ายบริหารอันมีประธานาธิบดี (President) เป็นผู้นำที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน (2) ฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภา ซึ่งอเมริกามีสองสภา คือสภาผู้แทนราษฎร และสภาสูง หรือ Senate และ (3) ฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย ในปัจจุบัน ศาลสูงมีคณะบุคคลที่แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี แต่ต้องได้รับการรับรองโดยวุฒิสภา ศาลสูงมีหน้าที่บริหารกระบวนการยุติธรรมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอันเป็นอำนาจสูงสุด

รัฐธรรมนูญสหรัฐนั้นมีบทที่เขียนเอาไว้ไม่มากนัก แต่ที่สำคัญคือการตีความ ซึ่งกระทำโดยศาลสูงของสหรัฐ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ และทำให้เกิดแนวทางในการใช้อำนาจหน้าที่ ตลอดจนสิทธิของประชาชนตามกรอบของรัฐธรรมนูญในยุคต่อๆมา

จอห์น มาร์แชล John Marshall

ประธานศาลสูงคนที่ 4 ของสหรัฐ
4th Chief Justice of the United States
อยู่ในตำแหน่ง (In office)
January 31, 1801[1] – July 6, 1835
31 มกราคม ค.ศ. 1801 – 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1835
เสนอเพื่อการแต่งตั้งโดย
Nominated by
จอห์น แอดัมส์
John Adams
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้า
Preceded by
ผู้ดำรงตำแหน่งต่อมา
Succeeded by

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (เทียบเคียง
4th United States Secretary of State
อยู่ในตำแหน่ง
In office
วันที่ 13 มิถุนายน 1800 – 13 มีนาคม 1801
June 13, 1800 – March 13, 1801
ประธานาธิบดี
President
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้า
Preceded by
ผู้สืบทอดตำแหน่ง
Succeeded by
สมาขิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
Member of the U.S. House of Representatives
from Virginia's 13th district
ดำรองตำแหน่ง (In office)
มีนาคม ค.ศ. 1799 - 7 มิถุนาย ค.ศ. 1800
March 4, 1799 – June 7, 1800
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้า
Preceded by
ผู้สืบตำแหน่งต่อมา
Succeeded by
เกิด
Born
September 24, 1755
GermantownColony of Virginia
เสียชีวิตเมื่อ
Died
July 6, 1835 (aged 79)
PhiladelphiaPennsylvaniaU.S.A.
สังกัดพรรคการเมือง
Political party
พรรคนิยมรัฐบาลกลาง
(
Federalist)
คู่ครอง
Spouse(s)
Mary Willis Ambler
การอาชีพ
Profession
กฎหมายและศาล
LawyerJudge
ศาสนา
Religion
การรับราชการทหาร
Military service
หน่วยงาน
Service/branch
ตำแหน่ง
Rank
การเข้าร่วมสงคราม
Battles/wars

John Marshall อ่านว่า จอห์น มาร์แชล เกิดเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1755 – 6กรกฎาคม ค.ศ. 1835 เป็นผู้พิพากษาและรัฐบุรุษชาวอเมริกัน ผู้ได้มีส่วนกำหนดทิศทางของกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา และทำให้ศาลสูง (Supreme Court) ได้เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์กลางอำนาจหนึ่งในสามของสหรัฐอเมริกา
Marshall ได้ทำหน้าที่เป็นประธานผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐ (Chief Justice of the United States) ทำหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1801 จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1835 เขาเคยทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในรัฐสภาสหรัฐ (United States House of Representatives) ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1799 ถึงวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1800 และทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในสหรัฐเรียกว่า Secretary of State โดยทำงานในสมัยประธานาธิบดี John Adams ซึ่งทำหน้าที่ในช่วงวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1800 – 4มีนาคม ค.ศ. 1801 หรือเพียงประมาณ 1 ปี

Marshall มาจากรัฐเวอร์จิเนียในสมัยที่ยังเป็นเมืองในปกครองของอังกฤษ และเป็นหนึ่งในผู้นำของพรรค Federalist Party

เขาเป็นประธานศาลสูงสหรัฐที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ นับเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษ นับว่ามีอายุการทำงานมากเสียกว่าอายุพรรคFederalist Party ที่เขามีส่วนร่วมสร้าง และได้ทำหน้าที่อันสำคัญในการวางรากฐานของระบบศาลของอเมริกา

หน้าที่อันสำคัญของเขาคือการทำหน้าที่ศาลของรัฐบาลกลาง ใช้อำนาจทางตุลาการ (judicial review) โดยตรวจสอบความชอบธรรมในการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารที่อาจก้าวข้ามอำนาจที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ มาร์แชลทำหน้าที่ของเขาอย่างเข้มแข็ง และทำให้ระบบศาลสูงของสหรัฐมีความเป็นอิสระและมีสถานะอันมั่นคงในฐานะอำนาจหนึ่งในสาม คือฝ่ายบริหารอ้นมาประธานาธิบดี ฝ่ายนิติบัญญัติ อ้นหมายถึงวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร และฝ่ายอำนาจตุลาการ หรือศาล

ศาลสูงภายใต้การนำของ Marshall ได้ให้การตัดสินที่สำคัญเกี่ยวกับอำนาจของรัฐบาลกลาง (federalism) ซึ่งเป็นดุลยภาพระหว่างอำนาจของรัฐบาลกลาง (federal government) และรัฐต่างๆที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐ และที่สำคัญเขาได้แสดงให้เห็นอำนาจสูงสุดของกฎหมายรัฐบาลกลาง (federal law) ที่ต้องอยู่เหนืออำนาจของกฎหมายรัฐ (State law) งานการตัดสินของเขา ได้กลายเป็นแนวทางการกำหนดบทบาทและอำนาจของหน่วยงานและองค์การต่างๆที่ทำให้เกิดความชัดเจนในการปกครองประเทศในยุคสมัยนั้น และสำหรับยุคต่อๆมา

มาร์แชลได้ทำหน้าที่หัวหน้าศาลสูง (Chief Justice) อยู่ในช่วงของประธานาธิบดีอันเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารถึง 6 คน อันได้แก่ John Adams ผู้แต่งตั้งเขาในช่วงปลายสมัย, Thomas Jefferson ประธานาธิบดีที่มาจากหัวหน้ากลุ่มที่เป็นพรรคดีโมแครต, ตามมาด้วย James Madison, James Monroe, John Quincy Adams ผู้เป็นบุตรชายของประธานาธิบดีคนที่สอง และ Andrew Jackson และความที่เขายืนยงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าศาลสูงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองในอเมริกา จึงเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการเมืองของประเทศ ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ ฝ่ายประธานาธิบดีหลายคนไม่พอใจการทำงานของมาร์แชล แต่เพราะมาร์แชลที่ทำหน้าที่อย่างกล้าหาญและยืนหยัดในหลักการของระบบศาล ในช่วงความขัดแย้งทางความคิดของสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือพวกยึดหลักประชาธิปัตย์ที่รัฐบาลที่ดีที่สุดคือรัฐบาลกลางที่เล็กที่สุด และอำนาจสำคัญอยู่ที่ประชาชน และรัฐ (States) ไม่ใช่รัฐบาลกลาง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง คือพวก Federalist เป็นพวกที่เห็นว่าสหรัฐจะก้าวหน้าได้ต้องมีรัฐบาลกลางที่แข็งแกร่ง ต้องมีระบบการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง มีระบบการเงิน ธนาคารที่ทำให้มีความเชื่อมั่นในการที่อเมริกาจะต้องทำการค้ากับทางยุโรป มาร์แชลต้องทำหน้าที่อย่างยุติธรรมและอย่างมีหลักการ จึงทำให้เขาทั้งอยู่ในหน้าที่ได้อย่างยืนยาว และเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทั้งระบบศาลและการเมืองของสหรัฐอเมริกา

ระหว่างที่เขาทำหน้าที่ ได้เขียนคำตัดสินกว่า 1,000 รายการ และเขียนเหตุผลของเขาเองถึง 519 รายการ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานของการตัดสินในระยะต่อๆมา และเป็นสิ่งที่นักกฏหมายต่างๆต้องนำไปศึกษา

ประธานาธิบดีจอห์น แอดัมส์ ผู้แต่งตั้งมาร์แชลสู่ตำแหน่งหัวหน้าศาลสูง ได้กล่าวคำชมเขาว่า “ของขวัญสำคัญที่ผมมอบให้กับประชาชนชาวสหรัฐคือจอห์น มาร์แชล ซึ่งผมมีความภูมิใจที่สุดในชีวิตของผม”

No comments:

Post a Comment