คนรุ่น Y (Generation Y) คนรุ่นใหม่ในสังคมไทยกำลังไปในทิศทางใด
Keywords: สังคม, วัฒนธรรม, การศึกษา, Generation
X, Generation Y, digital, internet, satellite TV, Digital TV,
ผู้เขียนเป็นคนรุ่นที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สองมาใหม่ๆ
หรือ ค.ศ. 1944 เป็นต้นมา เขาเรียกคนรุ่นนี้ว่า Babyboom
Generation หรือคนรุ่นทารกสะพรั่ง
ทั่วโลกมีอัตราการเกิดของประชากรใหม่อย่างมากทั่วไป นักวิชาการบางส่วนเรียกคนรุ่นนี้ว่า
Generation X หรือ Gen X เป็นพวกที่เกิดมาในยุคใหม่
ไม่มีสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว แต่กำลังมีสงครามเย็นใหม่เกิดขึ้น
คนรุ่นนี้ซึ่งเป็นคนรุ่นที่เกิดมามาก
และเป็นพวกที่คิดเห็นแตกต่างจากคนรุ่นพ่อแม่ของเขา
จนทำให้เกิดความขัดแย้งของคนต่างรุ่นขึ้นมา ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
ภาพ คนในรุ่น Generation X หรือ Baby boomer ในปัจจุบันก็จะมีรูปร่างน่าตาและช่วงวัยในระดับขนาดนี้แหละ เกษียณอายุแล้ว แต่ยังแข็งแรง และทำอะไรได้มากมาย และใช้ชีวิตท่องเที่ยวจากการสะสมเงินองมาตลอดชีวิต
ภาพ คนรุ่นต่อต้านสงครามเวียดนาม โดยเยาวชนคนหนุ่มสาวในอเมริกาและประเทศตะวันตก เมื่อราวทศวรรษ 1970s
คนรุ่น X นี้ในอเมริกา ไม่รู้จักสงครามโลกครั้งที่สองอย่างติดหูติดตาเหมือนพ่อแม่เขา
แต่ก็พบกับสงครามใหม่ในเกาหลี เวียดนาม ที่คนหนุ่มเป็นอันมากต้องถูกส่งไปรบ ไปตายหรือพิการกลับมาเป็นจำนวนมาก
คนรุ่นนี้เป็นอันมาก จะเป็นพวกต่อต้านสงคราม ต่อต้านวัตถุนิยม แสวงหาวิถีชีวิตใหม่ที่ไม่เหมือนกับคนรุ่นพ่อแม่
หรือปู่ย่าของเขา
ภาพ คนรุ่น Y หรือ Generation Y ดูโดยทั่วไปก็จะมีลักษณะเช่นนี้ในอเมริกา มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติผิวพรรณ เป็นพวกเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต มีวิธีการคิดและทำงานที่เปลี่ยนไป ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ อาจจะเรียกว่าพวก Yuppie หรือ Young Urban Professionals
คนรุ่น Y หรือ Generation
Y อันเป็นคนรุ่นต่อจาก รุ่น X หรือ Generation
X ซึ่ง Generation Y มีชื่อเรียกอื่นๆที่แตกต่างไป
เช่น Generation We, Generation Sell, Millennial Generation หรือ Millennials อันเป็นคนรุ่นกำลังเปลี่ยนผ่านพันปีที่สอง,
Generation Next หรือแปลได้ว่าคนรุ่นใหม่หรือรุ่นถัดมา, Net
Generation หรือคนรุ่นที่ได้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว, Echo
Boomers หรือคนรุ่นที่เป็นเสียงสะท้อนจากรุ่น Generation X หรือคนรุ่นก่อนๆ ที่เขาคิดไม่เหมือนกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเขา
ไม่มีการกำหนดชัดเจนว่าคนรุ่น Y นั้นเริ่มต้นเมื่อใด และจบลงเมื่อใด
แต่หากจะใช้ช่วงวันเกิดก็คงเป็นช่วงปลายๆทศวรรษที่ 1970s หรือต้นๆของทศวรรษ
1980s จนถึงกลางๆทศวรรษ 2000s
สมาชิกของคนรุ่น Y หรือ Echo
Boomers นั้น ตามชื่อ ก็คือเป็นคนรุ่นที่ได้มีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงทศวรรษที่
1980s จนถึง 1990s และคนรุ่นนี้เป็นรุ่นลูกของคนรุ่นทารกสะพรั่ง
แต่ในช่วงศตวรรษที่ 20 นั้นมีแนวโน้มการมีครอบครัวที่เล็กลงในประเทศพัฒนาแล้ว
ดังนั้นแม้จะมีการเกิดเพิ่มขึ้นดังเป็นเหมือนเสียงสะท้อน (Echo) ของคนรุ่นทารกสะพรั่ง แต่ก็ไม่มากและรุนแรงเท่า
คนในยุคศตวรรษที่ 20 ในประเทศพัฒนาแล้ว
มีแนวโน้มที่จะมีครอบครัวเล็กลง คนในรุ่นดังกล่าวมีการเกิดของประชากรน้อยกว่าในยุคคนรุ่นทารกสะพรั่ง
อันเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองใหม่ๆ สงครามสงบ ทหารกลับบ้านเมืองของตน
บรรยากาศของบ้านเมืองคือการมีครอบครัว สร้างอนาคต
และนั่นรวมถึงการมีลูกมีหลานเพื่อสืบทอดทดแทนช่วงที่ได้สูญเสียไปในช่วงของสงครามโลก
กล่าวโดยง่าย คนรุ่น Y สนใจการเมืองน้อยลง
ความหวาดกลัวต่อลัทธิคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยมลดลง แต่ก็เดินตามแนวทางทุนนิยมใหม่อย่างไม่ได้ติดยึดกับปรัชญาการเมือง
คนทั่วไปต้องการมีฐานะ อยู่ดีกินดี สนใจในปรัชญาชีวิตน้อยลง
สนใจหรือใส่ใจว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร มีชีวิตเพื่ออะไร เหล่านี้ลดลง หากในอเมริกา
เขาศึกษาโดยแยกคนส่วนที่เป็นพวกผิวขาวหรือฝรั่ง ซึ่งก็มีความคิดแตกต่างจากคนผิวดำ
ผิวสีอื่นๆ พวกเชื้อสายลาติน หรือเอเชีย แต่ขณะเดียวกัน การต่อสู้ทางด้านชนชั้นลดลง
ทัศนะการเหยียดผิวแบ่งแยกผิวก็ลดลง เพราะในยุคดังกล่าว
ได้ผ่านการต่อสู้และเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศมาพอสมควรแล้ว
คนรุ่น Y นี้มีลักษณะแตกต่างไปตามภูมิภาคของโลก
ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและสังคม แต่เป็นรุ่นที่มีระบบการสื่อสารแบบใหม่ เป็นยุค Digital
และมีการพัฒนาสื่อใหม่ๆมากมาย
ในวิธีการเลี้ยงดูเด็กอันเป็นผลทำให้คนรุ่นนี้เป็นพวกเสรีนิยมใหม่ (neoliberal) ทางการเมืองและเศรษฐกิจ เป็นรุ่นที่มีทัศนะต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของตนที่แตกต่างไป
ในยุโรปหลายประเทศ สังคมมีลักษณะโยกย้ายถิ่นมากขึ้น
จากประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจด้อยกว่าไปสู่ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าดังในยุโรปตะวันตก
ทำให้หลายประเทศที่พัฒนาแล้วมีคนว่างงานสูงขึ้น
และเมื่อมีคนต่างชาติเข้าไปทำมาหากินแข่งกับพวกคนระดับล่างภายในประเทศมากขึ้น
ก็เกิดความรู้สึกต่อต้านคนต่างชาติที่รู้สึกว่ามาแย่งทำงานและที่ทางทำมาหากินของตน
ในช่วงปี ค.ศ. 2007–2012 ได้เกิดสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจการเงินการคลังในยุโรป
คนรุ่นนี้จะประสบปัญหาการไม่มีงานทำเป็นจำนวนมาก และชัดเจนมากในยุโรป
และสหรัฐอเมริกา และมีคนทำนายว่าผลกระทบนี้จะมีต่อคนรุ่นนี้ที่แตกต่างกันออกไป
No comments:
Post a Comment