Monday, October 22, 2012

เป็นสาวที่ไม่ต้องกลัวขึ้นคาน


เป็นสาวที่ไม่ต้องกลัวขึ้นคาน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: มนุษยสัมพันธ์, human relations, wedding, family life planning, ชีวิตสมรส


ภาพ คำคมจากใน Facebook อันเกี่ยวกับความรัก

มนุษยสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญ แต่สตรีบางคนดูดีไปเสียทุกอย่าง ดูน่าจะสมบูรณ์แบบที่จะมีคู่ครอง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ได้แต่งงาน วันนี้จะขอพูดอย่างเปิดอกแก่สาวๆคนรุ่นหลานๆ ที่ยังกังวลเรื่องการจะมีคู่ครอง

ไม่ได้พูดกับบรรดาผู้ชายทั้งหลายที่ยังไม่ได้แต่งงาน เพราะผู้ชายโดยทางวัฒนธรรมเป็นกลุ่มที่หาคู่ได้ไม่ยาก หากไม่เลือกมาก จัดเป็นพวก Broad spectrum

วันนี้จะพูดกับผู้หญิงที่กำลังกังวลกับการมีคู่เท่านั้น ทำอย่างไรบรรดาสาวๆที่ดูน่าจะมีคู่ได้ไม่ยาก แต่ก็ยังไม่มีคู่เสียที หากใครมีเพื่อนๆ ญาติ ลูกหลาน หรือคนรู้จักกันที่อยู่ในข่ายนี้ ก็อ่านแล้วช่วยส่งความต่อไปด้วยครับ

ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำของผมต่อสตรีที่กำลังหาคู่

มีเพื่อนชายและหญิงได้มาก เปิดตัว เปิดใจ (Open-mindedness) เป็นการเปิดตัว เปิดใจ เข้าสังคม ไม่ปิดกั้นตัวเองจนเกินไป มีงานสังคม ทั้งเรื่องการงาน และเรื่องส่วนตัว ก็ให้ไปร่วมได้ตามที่ต้องการ หากอาชีพที่ทำอยู่เป็นอาชีพที่เก็บตัว ทั้งคืนทั้งวันนั่งอยู่หน้าเครื่องจักรในโรงงาน หรือห้องแลบ หรือคอมพิวเตอร์ ไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ก็ต้องหาโอกาสได้เข้าสังคมให้มากขึ้น ให้สนุกกับการได้พบปะผู้คน ได้เรียนรู้และอ่านนิสัยใจคอคน ทำชีวิตให้เป็นคนมีหลายมิติ หลากหลายในความสนใจ

มองคนในแง่ดี (Positive thinking) มองคนอย่างรอบด้าน ไม่ตัดสินคนอย่างรวดเร็ว มิใช่มองคนอย่างจับผิด ก่อนที่จะตัดสินลักษณะคน อย่าเพิ่งไปมองแบบเตรียมที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ จนกลายเป็นคนมองเห็นคนแต่ในแง่ลบหรือจุดอ่อนของเขาเพียงด้านเดียว คนประเภทนี้ก็จะมีแฟนยาก มีเพื่อนลำบาก บางคนยิ่งลำบากกว่านั้น คือตนเองไปติดกับยศและบรรดาศักดิ์ มองคนที่ฐานะการเงิน การศึกษา จะต้องหาคู่ที่ต้องดีกว่าและสูงกว่าเรา บางคนจะมีแฟน แต่ไปปล่อยให้พ่อแม่ ญาติพี่น้องมากำหนด ดังนี้ก็จะยิ่งยากขึ้นไปใหญ่

อย่าคาดหวังจากคนสูงมาก (No high expectation) สตรีที่ตั้งความคาดหวังไว้สูง ดังเช่น ต้องได้ผู้ชายที่ รูปร่างหน้าตาดี พ่อ/แม่รวย การศึกษาดี นิสัยดีไม่ตามใจตัวเอง ซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว คนในคุณสมบัติดังกล่าวมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก แต่หากมองคนที่จะเป็นคู่อย่างเปิดกว้าง เรียนรู้ที่จะเข้าใจคนเสียก่อน มองเห็นศักยภาพของเขา มากกว่าสิ่งที่เขาเป็น หรือสิ่งที่เขามีอย่างพร้อมสรรพแล้ว คนทุกคนมีสิทธิพัฒนาได้ เติบโตได้

ผู้ชายบางคนมีอายุน้อยกว่าเราบ้างก็ไม่เป็นไร ผู้หญิงจริงๆอายุยืนยาวกว่าชายอยู่แล้ว ยังไม่มีความพร้อมด้านการศึกษา แต่เขาก็เรียนรู้เพิ่มเติมได้ ผู้ชายบางคนที่ดูหยาบกระด้าง แต่เขาก็ยังเปลี่ยนได้ หากเขาไม่มีความพร้อมด้านฐานะ หากเป็นแฟนกันแต่งงานกัน ก็ช่วยกันทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวได้ หากจะชอบเขา มองเขาในวันนี้ยังมองไม่เห็นสิ่งดีๆ ก็ให้มองเผื่ออนาคต อีก 20-30 ปีต่อไป เขาจะเป็นคนรักเดียวใจเดียวไหม เขาจะยังเป็นคนที่รักจริงต่อเราหรือไม่ เขาเป็นคนดีทั้งภายนอกและภายในหรือไม่ ซึ่งเราจะยังไม่เห็นในปัจจุบัน แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่พัฒนาร่วมกันไปได้

อย่ากลัวปัญหาที่จะเกิดขึ้น (Problem solving) หากมีปัญหาความไม่เข้าใจกันในอนาคต ก็ให้มีทักษะและทัศนคติที่จะเรียนรู้แก้ไข การมีคู่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดังนวนิยายฝรั่ง เจ้าชายและเจ้าหญิงแต่งงานกัน แล้วทั้งคู่ก็มีความสุขร่วมกันตลอดไป เรียกว่า forever after ในชีวิตการแต่งงาน หลายๆสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น แต่ความสำคัญอยู่ที่เรามีขีดความสามารถในการแก้ปัญหาในอนาคตได้หรือไม่ ในอนาคต หากแต่ละฝ่ายที่การทำผิดพลาด ก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยต่อกัน ยอมรับปัญหา แก้ไขปัญหา ให้มีทั้งปัญญา สติ และความอดทนที่จะแก้ปัญหา

ไม่ต้องทำตัวเป็นคนฉลาดหรือเก่งไปเสียในทุกเรื่อง (Inter-dependence) ไม่ใช่หวังพึ่งพาผู้ชายแต่เพียงอย่างเดียวอย่างที่เรียกว่า Dependence เพราะหากขาดเขา แล้วเราจะอยู่อย่างไร เราก็ต้องพร้อมที่จะดำรงอยู่ได้ตามลำพัง เมื่อจำเป็น หรือทำตนเป็นคนอิสระแบบเย่อหยิ่ง หรือพึ่งตนเองได้เสียทุกอย่าง ทำตัวเหมือนกับเป็นคอมพิวเตอร์แบบ Stand alone หรือเป็นคนที่ได้แต่งไปกับงานเสียแล้ว ไม่มีชีวิตส่วนตัวหรือส่วนของการมีความสัมพันธ์กับผู้คนอีกต่อไป ดังนี้ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะหาคู่

ขอให้เรามีทัศนคติแบบ ให้ขอความช่วยเหลือคนในบางเรื่อง และเต็มใจยื่นมือที่จะช่วยเหลือได้ในบางเรื่อง ในหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ต้องไม่คิดในเรื่องช้างเท้าหน้า หรือช้างเท้าหลัง จริงๆแล้วชีวิตสมรสเป็นเรื่องของความเท่าเทียมกัน หากจะมีชีวิตสมรสในอนาคต ก็พึงมองเหมือนกีฬาเทนนิสหรือแบดมินตันคู่ผสม ที่ทั้งสองฝ่ายต้องพึ่งพาต่อกัน ทำตัวเป็นทีมที่จะทำงาน ใช้ชีวิตเพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับตนเองและครอบครัว หากได้แต่งงานมีลูกหลานที่จะตามมา ก็ให้มีความสนุกเหมือนได้เล่นกีฬาทีมบาสเก็ตบอล หรือฟุตบอล ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างทำงานเป็นทีม ทุกคนเติบโตต่อมาเพื่อช่วยเหลือร่วมกันแบ่งปันความสุขให้แก่กัน อย่างมองอนาคตอย่างมีแต่ความกังวล

อย่ามองเวลาเป็นดังประตูสวรรค์ (Time urgency) เช่น ไปตั้งเป้าว่าต้องได้แต่งงานก่อนอายุ 30 หรือ 40 ปี หากเลยเวลานั้นเวลานี้ไปแล้ว ประตูสวรรค์จะปิด แล้วเราจะไม่ได้มีโอกาสมีคู่อีกต่อไป ผู้เขียนมีเพื่อนและคนรู้จัก ที่แต่งงานเมื่อสูงวัยมาก ก็มีให้เห็น แต่งงานแล้ว หย่าร้าง แล้วก็เรียนรู้บทเรียน แล้วกลับมามีคู่ใหม่ แล้วเป็นชีวิตคู่ที่มีความสุขก็มีให้เห็น ในต่างจังหวัด ในหมู่บ้านลึกเข้าไปชายป่าหลายคน มีหญิงหม้ายลูกติด เขาก็ยังมีแฟนใหม่ เป็นฝรั่งจากที่ไกลออกไปอีกซีกโลก พูดกันไม่รู้เรื่อง ไม่ได้รู้จักอะไรกันมากนัก แต่ท้ายสุดเขาก็ยังแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข

การแต่งงานหรือไม่ ก็อย่าไปถือการตั้งเป้าให้เกิดความเครียดหรือผิดหวัง เราทำตัวอย่างสบายๆ เปิดใจ แล้วคนดีๆอย่างที่เราพอใจก็จะเดินผ่านมาในชีวิตของเรา และเมื่อนั้นจะเป็นเวลาใด ในสถานะใดก็อย่าไปเป็นกังวล

การมีคู่ครองเป็นสิ่งที่มีก็ดี แต่หากไม่มีก็มิได้หมายความว่าชีวิตเราจะมีอะไรขาดหายไป เรายังมีอีกหลายๆมิติของชีวิตที่จะดำเนินต่อไป เรายังมีเพื่อนอีกมากมายที่จะคบหากันไป ขอให้เรามีความสุขความพอใจกับชีวิตของเราก็แล้วกัน

No comments:

Post a Comment