Saturday, October 13, 2012

การเรียนรู้ด้วยการแสวงหา (Enquiry Learning)


การเรียนรู้ด้วยการแสวงหา (Enquiry Learning)

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

Keywords: Inquiry, enquiry, learning, การศึกษา, การเรียนรู้, การฝึกอบรม, การเมือง, การปกครอง, เศรษฐกิจ, สังคมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี

Inquiry หรือ Enquiry = การสืบสวนสอบสวน,
Enquiry learning = การเรียนรู้ด้วยการสืบสวนสอบสวน, การเรียนรู้ด้วยการแสวงหา

Enquiry learning คือ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหา (Thinking and problem solving skills) นับเป็นวัตถุประสงค์อันจำเป็นของการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable development) เป็นความจำเป็นที่จะทำให้เด็กๆและเยาวชนของเรามีความสามารถที่จะเผชิญกับความรีบด่วนต่างๆของปัญหาที่รุมเร้าโลกในปัจจุบันนี้ ทักษะเหล่านี้จะสร้างขึ้นได้ ด้วยวิธีการสอนแบบ Enquiry learning - UNESCO

สำหรับผม ไม่อยากแปล Enquiry learning ว่าเป็นการเรียนรู้ด้วย “การสืบสวนสอบสวน” เพราะฟังดูเหมือนกิจกรรมของพนักงานสอบสวน หรือตำรวจ หรือเรื่องอาชญากรรม แต่อยากใช้คำว่า “การเรียนรู้ด้วยการแสวงหา” เพราะในการเรียนแบบนี้ ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องจำกัดตนเองในฐานะผู้ได้รับโจทย์ แล้วเขาไปหาคำตอบ แต่อยากให้เปิดกว้างเพื่อการแสวงหา ผู้เรียนได้มีความเป็นอิสระ ที่จะเรียนรู้ในโลกของความเป็นจริง เขาสามารถตั้งคำถามกับตัวเขาเอง กับชุมชน และสังคมกว้างในสรรพสิ่งที่เขาได้เห็นแล้วไม่เข้าใจ และคำตอบนั้นอาจจำเป็นสำหรับสังคมโลกในยุคของเขา

ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายกำหนดกรอบ หรือวางหลักสูตรการเรียนให้เขาเสมอไป

Enquiry learning เป็นสิ่งที่ต้องเน้นที่ตัวผู้เรียน (Learner-centered approach) เน้นทักษะการคิดในระดับที่สูงขึ้นไป อาจจะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ (Analysis) การแก้ปัญหา (Problem-solving) กิจกรรมที่เกี่ยวกับการค้นหา ค้นพบ (Discovery) และการสร้างสรรค์ (Creativity) ทั้งในชั้นเรียน ในชุมชน และสังคมใหญ่ สำคัญที่สุด การเรียนรู้ด้วยการแสวงหานี้ ผู้เรียนจะต้องรับผิดชอบต่อกระบวนการเกี่ยวกับข้อมูลด้วยตนเอง และเขาจะทำงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และสรุปผลได้ด้วยตนเอง

Enquiry learning เป็นระบบการเรียนรู้ที่ไม่จำกัดเฉพาะสายวิชา (Disciplinary) ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จากสรรพสิ่งรอบตนเอง และคำตอบอาจมาจากศาสตร์หลายๆด้าน ทั้ง วิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ฯลฯ เรียนรู้เพียงคนเดียวตามลำพังไม่ได้ ก็ให้เรียนรู้แบบเป็นกิจกรรมกลุ่ม สามารถกระทำกันได้แบบข้ามสายวิชาการ สหวิทยาการ (Inter-disciplinary approach) บทบาทของครูจะเน้นไปที่การเป็นที่ปรึกษา การให้การสนับสนุน (Facilitators) หากบทบาทของครูไม่เพียงพอ ผู้เรียนก็สามารถไปแสวงหาความรู้ได้จากแหล่งความรู้ ผู้รู้ ผู้เชียวชาญได้จากนอกโรงเรียน


ภาพ มาร์โค โปโล (Marco Polo) เป็นพ่อค้าชาวเวนิส (Venetian) ผู้ท่องเที่ยวและเดินทางไกล เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1254 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1324 เพราะการท่องเที่ยวและเดินทางไกลมายังตะวันออก และบันทึกที่กลายเป็นงานเขียนหนังสือชื่อ Il Milione  จึงทำให้ชาวยุโรปได้รู้จักเอเชียกลาง และจีน


ภาพ เส้นทางการเดินทางของมาร์โค โปโล มายังตะวันออก มายังจีน และตะวันออกไกล


เพราะการเดินทางมายังตะวันออกของมาร์โค โปโลป จึงดลใจให้นักผจญภัยสำรวจโลก อย่าง คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และคนอื่นๆ ได้สำรวจแสวงหาเส้นทางเดินทางมายังโลกใหม่ทางตะวันออก ตลอดจนเปิดทวีปอเมริกา ออสเตรเลีย และอีกหลายๆที่ในโลกที่จะตามมา


ภาพ แผนที่ระหว่างปี ค.ศ. 1492-1503 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ได้เดินทางข้ามทวีป ระหว่างสเปนกับอเมริกา 4 ครั้ง โดยการสนับสนุนของเจ้าครองนครคาสตีล (the Crown of Castile) ในยุคกลางขณะนั้น

เพราะโลกและอนาคตเป็นของเด็กและเยาวชนในวันนี้ เราจะยังไม่รู้หรอกว่าอะไรสำคัญสำหรับเขาในวันข้างหน้า หากเราไม่จัดระบบการศึกษา เพื่อเปิดทางให้เขาได้กำหนดอนาคต และเส้นทางเดินของเขาเองไปพร้อมๆกันด้วย

No comments:

Post a Comment