Sunday, July 31, 2011

วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1961 เป็นวันกำเนิดสวนสนุก Six Flags

วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1961 เป็นวันกำเนิดสวนสนุก Six Flags

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

August 1, 1961: Texans head for the thrills at Six Flags

วันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1961 เป็นวันกำเนิดสวนสนุกสำหรับผู้แสวงหาความตื่นเต้นที่ชื่อว่า Six Flags Over Texas หรือจะเรียกเป็นไทยได้ยาวหน่อยว่า “สวนสนุก 6 ธงเหนือเทกซัส” นับเป็นสวนสนุกแรกของกลุ่มสวนสนุก Six Flags chain ตั้งอยู่บนพื้นที่ 212 เอเคอร์ในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเทกซัส (Arlington, Texas)

สวนสนุกนี้เป็นที่สำหรับพวกชอบตื่นเต้น (Head for the Thrills) โดยมีของเล่นที่ได้แก่ทางน้ำล่องซุง (Flume) รถไฟวิ่งผ่านเหมืองลึกลับ รถไฟเหาะตีลังกาที่เรียกว่า Roller coaster การโดดร่ม การล่องน้ำตก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการจำลองสิ่งที่เสี่ยงภัยมาอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยควบคุมได้ คือตื่นเต้นแต่ไม่เสี่ยงตาย ในขณะนั้นค่าตั๋วเข้างานเป็นแบบเหมารวม (All-inclusive admission price) และมีแบบเลือกเข้าเฉพาะบางกิจกรรม ในช่วงปีแรกที่มีการเปิดดำเนินการ ค่าตั๋วสำหรับผู้ใหญ่คนละ USD2.75 และ USD2.25 สำหรับเด็ก ส่วนแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นละ 50 เซนต์ และค่าเครื่องดื่มอยู่ที่ 10 เซนต์ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพง ทำให้คนจำนวนมากสามารถมาเที่ยวได้

แผนที่ภาพ สวนสนุก Six Flags ที่ Arlington, Texas

สวนสนุก Six Flags ลงทุนค่าก่อสร้าง USD 10 ล้าน โดมีนักพัฒนาที่ดินและธุรกิจน้ำมัน ชื่อ Angus Wynne Jr. เมื่อเริ่มลงทุน เขาคิดเพียงการทำธุรกิจที่เป็นช่วงสั้น เพื่อทำเงินในช่วงฤดูร้อนในขณะที่เตรียมจะพัฒนาที่ดินเป็นนิคมอุตสาหกรรม แต่หลังจากลงทุนและเปิดดำเนินการในช่วง 18 เดือนแรก เขาได้เงินคืนมา USD3.5 ล้าน ทำให้เขาเปลี่ยนใจ จากที่คิดจะทำแบบเป็นชั่วคราวเป็นทำกิจการสวนสนุกแบบระยะยาว ในช่วง 10 ปีแรกของการดำเนินการ สวนสนุกของเขาดึงดูดคนมาเที่ยวทั้งจากภายในรัฐและจากที่อื่นๆ 17.5 ล้านคน ในทุกวันนี้แต่ละปีมีคนมาเที่ยวที่สวนสนุกปีละ 3 ล้านคน

ภาพ Roller Coaster หรือรถไฟเหาะตีลังกา ที่ Six Flags, ในรัฐเทกซัส

คำว่า Six Flags นั้นหมายถึงรัฐเทกซัสที่เคยอยู่ภายใต้ธงต่างๆมาแล้ว 6 ธง อันได้แก่ ฝรั่งเศส (France), สเปน (Spain), เมกซิโก (Mexico), ฝ่ายใต้ในสงครามกลางเมือง (Confederacy), รัฐเทกซัส (Texas) และรวมถึงธงของสหรัฐอเมริกา (The United States)

ที่สวนสนุกนี้มีแนวคิดการสร้างแบ่งออกเป็น 6 เขตที่สะท้อนสภาพวัฒนธรรมอันเกี่ยวกับทั้ง 6 ชาติและท้องที่นี้ นอกจากนี้ยังมีการแสดงของคาวบอยอันเป็นสัญลักษณ์ของเทกซัส สาวชาวใต้อย่างที่เขาเรียกว่า Southern belles และกิจกรรมที่พวกเด็กๆชอบคือโจรสลัด (Pirates) ในระยะแรกใช้ชื่อ Six Flags Over Texas แต่ในระยะต่อมา คำว่า Texas ได้ถูกตัดออกไป ส่วนสวนสนุกเองก็ขยายไปยังที่อื่นๆ

ในปี ค.ศ. 1969 Angus Wynne ได้ขายกิจการของ Six Flag ไป และในปีต่อมาก็มีการขายกิจการต่อไปอีก ในปัจจุบัน Six Flags เป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุด มี Themes ที่นำเสนอรวม 30 รายการ ทั้งเกี่ยวกับน้ำ และสวนสัตว์ (Zoological parks) ในอเมริกาเหนือ ในปี ค.ศ. 2005 มีคนมาเที่ยวสวนสนุก Six Flags 34 ล้านคน ใช้เวลาเฉลี่ยต่อคนประมาณ 7.35 ชั่วโมง

Saturday, July 30, 2011

อย่าปัดแมลงวันบนหัวเพื่อนของท่านด้วยขวาน

อย่าปัดแมลงวันบนหัวเพื่อนของท่านด้วยขวาน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

มีสุภาษิตในภาษาอังกฤษหนึ่งว่า “Don't remove a fly from your friend's head with a hatchet.” แปลเป็นไทยได้ว่า “อย่าปัดแมลงวันบนหัวเพื่อนของท่านด้วยขวานคือการจะทำอะไรด้วยความปรารถนาดี มีความตั้งใจที่จะทำให้เสร็จบรรลุผล แต่แล้วเพราะความไม่ระมัดระวัง ขาดความแม่นยำ ไม่มีการฝึกปฏิบัติ ผลที่ออกมาอาจเป็นความเสียหายเสียมากกว่าที่จะเป็นผลดี

ภาพ ขวาน หรือ Hatchet ที่มีใช้กันทั่วไป

ภาพ ขวนของอินเดียนแดง หรือ Tomahawk ใช้ทั้งฟันและขว้างเพื่อทำร้ายได้

Hatchet = ขวาน มีความหมายใกล้เคียงกับ Axe

ตัวอย่างของความหวังดี แต่กลายเป็นผลเสียในแบบนี้มีอยู่มากมาย ดังเช่น

การช่วยคนที่คนเสียสติจากยาบ้า ท้ายสุดตัวประกันเสียชีวิตไปเพราะ ผู้เสียสติทำร้ายตัวประกันจนถึงแก่ชีวิต หรือการช่วยนั้นเสี่ยงเกินไป จนทำให้มีอุบัติเหตุทำให้ตัวประกันเสียชีวิตไปในระหว่างปฏิบัติการ

การช่วยตัวประกันจากผู้ก่อการร้าย หวังว่าจะช่วยตัวประกันที่เคราะห์ร้าย แต่ท้ายที่สุดการไม่ประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปราม เลยเป็นผลทำให้เกิดการระดมยิงไปยังผู้ก่อการร้าย จนในที่สุด ตัวประกันทั้งหลายต้องเสียชีวิตตามไปด้วย หรือบางที่ผู้ก่อการร้ายตกใจหรือเครียดจัด เลยฆ่าตัวประกันไปเสียก่อน ด้วยคิดว่าอย่างไรตัวเองก็ต้องถูกวิสามัญฆาตกรรมไปด้วยอยู่แล้ว

ในทางการทหาร เขามีศัพท์ตัวหนึ่งเรียกว่า “Friendly fire” คือการเสียชีวิตอันเป็นผลมาจากฝ่ายเดียวกันยิง หรือเพราะเข้าใจผิดว่าพวกเดียวกันนั้น เป็นฝ่ายตรงกันข้าม บางครั้งเกิดจากการใช้อาวุธหนัก เช่นการใช้เครื่องบินยิงถล่มด้วยจรวดรบร้ายแรง แต่เป้าหมายอยู่ย่านชุมชน หากพลาดไป ระเบิดอาจมีผลทำลายพลเรือนที่ไม่รูเรื่องรู้ราวด้วย

ดังนั้นเมื่อจะต้องกระทำการใดๆ ที่ต้องมีการตัดสินใจที่เฉียบขาด ก็ต้องระลึกอยู่เสมอว่า “อย่าปัดแมลงวันบนหัวเพื่อนของท่านด้วยขวาน” อย่ากระทำการใดที่คิดว่าเป็นความหวังดี แต่ไม่มีการเตรียมการที่ดี ไม่มีการฝึกฝน ขาดการประสานงานกัน ผลข้างเคียงอาจร้ายแรงที่ทำให้เราต้องเสียใจ

เมื่อให้ดอกไม้แก่ใคร กลิ่นหอมนั้นก็ยังกรุ่นอยู่ที่มือเรา

เมื่อให้ดอกไม้แก่ใคร กลิ่นหอมนั้นก็ยังกรุ่นอยู่ที่มือเรา

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

A bit of fragrance clings to the hand that gives flowers. ~ Chinese Proverb,

มีสุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวว่า “A bit of fragrance clings to the hand that gives flowers.” แปลเป็นไทยได้ว่า “เมื่อให้ดอกไม้แก่ใคร กลิ่นหอมนั้นก็ยังกรุ่นอยู่ที่มือเรา”

การทำจิตใจให้แจ่มใส เห็นใครได้ดี ก็ให้ยินดีกับเขาด้วย ดังเมื่อเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเด็กๆเขาจะทำอะไร เขาต้องการกำลังใจ และการอวยชัยให้พร เราก็ส่งความปรารถนาดี การแนะนำแม้เล็กๆน้อยๆ แต่ที่สำคัญ การให้กำลังใจแก่คนที่เขาต้องการมัน ได้เชื่อมั่นในสิ่งที่เขาทำในสิ่งที่ดี เราให้พรเขา ก็เท่ากับเป็นการเสริมความมั่นใจที่จำเป็น เป็นพลังที่เขาจะได้เดินหน้าต่อไปในชีวิต

ในทางตรงกันข้าม คนที่เห็นใครได้ดี ก็อิจฉาริษยา โชคของคนอื่นๆ กลายเป็นความทุกข์ของตน คนที่มีลักษณะดังกล่าวนี้นับว่าเป็นผู้มีทุกข์ในตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ต้องอมทุกข์ทั้งๆที่ไม่น่าจะต้องมีทุกข์ ลองเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามบ้าง เห็นใครเขาเจริญขึ้น ประสบความสำเร็จ ก็ให้ยินดีกับเขาด้วย เปลี่ยนจากอารมณ์เกรี้ยวกราด เป็นหันมามองคนในแง่ดี มองโลกให้สดใส

สำหรับผู้มีฐานะแล้ว เมื่อมีเงินทองพอที่จะบริจาคให้แก่คนที่เขายังด้อยโอกาส ก็ให้พึงกระทำ ทำแล้วก็ได้ประโยชน์สองทาง คนที่เขาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เมื่อเขาได้รับการแก้ไขบรรเทาทุกข์ไป ก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตเขา สำหรับคนที่ให้นั้น ก็จะมีจิตใจที่เบิกบาน อย่างที่เขาเรียกว่า “อิ่มบุญ” เพราะคนบางคนอิ่มอาหารมากๆไม่ได้แล้ว ต้องกินอยู่อย่างเจียม แต่การได้ใช้เงินและทรัพย์สินที่เป็นส่วนเกินของเรา เพื่อช่วยคนอื่นๆ เราก็จะมีความสุขตามไปด้วย และความสุขใจจากการได้ทำในสิ่งดีๆนั้น เป็นยาวิเศษยิ่งที่จะทำให้เราอายุยืนยาว ห่างไกลจากโรคต่างๆมากขึ้น

เป็นขอทานเลือกไม่ได้

เป็นขอทานเลือกไม่ได้

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

Keywords: proverbs, idioms, สุภาษิต, สำนวน

มีสุภาษิตในภาษาอังกฤษหนึ่งกล่าวว่า 'Beggars can't be choosers' หรือ “ขอทานไม่มีสิทธิเลือก” เป็นสำนวน (Idiom) ที่ใช้กันในภาษาอังกฤษโดยทั่วไป

คำว่า “ขอทาน” หรือ beggar ในภาษาอังกฤษมีความหมายเหมือนกันกับในภาษาไทย คือ เป็นคนที่น่าสงสาร ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ต้องอดมื้อกินมื้อ แล้วการจะขอเงินเขา คนเขาจะให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ ดังนั้นหากเขาให้อะไรมา ขอทานก็ต้องรับไว้ ไม่มีสิทธิเลือก ไม่มีสิทธิบ่น หรือแสดงความไม่พอใจ นี่ก็เป็นสำนวนเตือนใจคนว่า หากไม่จำเป็นอะไร ก็จงอย่าไปขอคนอื่นๆเขา แล้วคาดหวังว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้

ในอีกด้านหนึ่ง คำแปลที่อยากจะให้เป็นวัฒนธรรมใหม่ก็คือ “ถ้าหากไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นขอทาน ก็ต้องขวนขวานลงมือทำ” อย่าไปรอฟ้าดิน รอความเมตตาจากคนอื่น ทำตนให้เป็นคนมีทางเลือกในชีวิตอยู่เสมอ เพราะเมื่อใดที่เราไปขอความเมตตาจากคนอื่นๆ เราจะไม่ได้อย่างที่เราอยากได้ และถ้าหากเราอยากได้อย่างที่เราต้องการ ก็ต้องใช้การเจรจา รู้เขารู้เรา มีข้อเสนอให้ฝ่ายที่เราไปขอได้ประโยชน์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และทำให้ฝ่ายที่เราไปขอนั้นเขามั่นใจว่า เราจะทำอย่างที่ได้พูด และเขาก็จะได้ประโยชน์ร่วมไปกับเรา อาจจะเป็นในรูปตัวเงิน ผลประโยชน์ ความพึงพอใจ หรือสิ่งที่นับไม่ได้ในทางการเงิน

การไปขอกู้เงินจากธนาคาร ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่ไปขอเงินเขาเปล่าๆ แต่เราต้องรับภาระดอกเบี้ย และต้องจ่ายเงินกู้คือเขา ต้องมีหล้กทรัพย์คำประกัน ซึ่งถือเป็นการสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ธนาคารใดที่หากให้ผลประโยชน์ เงื่อนไข หรือบริการที่ไม่ดีพอ เราก็ไปเลือกแหล่งเงินทุนอื่นๆที่ดีกว่า นี่ก็เป็นวิธีการทำให้มีทางเลือกอย่างไม่งอมืองอเท้า

ในต่างประเทศ ดังการเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐบาลและเอกชนของประเทศพัฒนาแล้วในตะวันตก เป็นงานที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่หน้าที่หนึ่งคือการหาเงินมาสนับสนุนการศึกษา การวิจัย และการบริการทางวิชาการแก่ชุมชน เขามีคำเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า “Hat in hand” คือมีบทบาทไปหงายหมวกในมือ เพื่อขอเงินบริจาคนั้นมาสนับสนุนสิ่งที่เราทำ แต่ในการทำบทบาทหน้าที่นี้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีเกียรติ สังคมตะวันตกเขามีระบบภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive tax) คนมีรายได้มาก มีเงินเก็บมาก ก็ต้องเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล เสียภาษีมรดก ก็ต้องเสียภาษีมากขึ้นเป็นอัตราส่วน การได้บริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับสาธารณประโยชน์ ย่อมเป็นทางเลือกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะใครๆก็รู้ว่า เมื่อคนเราจะตายไปนั้น ไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้ การจะเก็บเงินสะสม มีทรัพย์สินมากมาย แต่ในที่สุดลูกหลานจะสืบทอดความมั่งคั่ง และกิจการของครอบครัวไปได้ ก็ไม่เกิน 2-3 ชั่วอายุคน

แต่การไปขอเงินบริจาคในแบบนี้ เขาเรียกว่า “มีบุญมาบอก” มีสิ่งดีๆมาเสนอให้ทำ เป็นงานที่มีเกียรติ คนบริจาคเงินสร้างมหาวิทยาลัย แล้วได้ชื่อเป็นชื่อมหาวิทยาลัย ได้บริจาคเพื่อสร้างอาคารเรียน ก็ได้ชื่อจารึกเป็นอาคารเรียนนั้นๆ สิ่งก่อสร้างก็จะอยู่ต่อไปอีกเป็นร้อยๆปี บางทีมีสมบัติมากมายให้ลูกหลาน เขาก็ใช้กันหมดภายในชั่วอายุคนเดียวก็มี

ดังนั้น เมื่อใช้คำว่า “เป็นขอทานไม่มีสิทธิเลือก” นั้น ก็ให้พึงเข้าใจว่า อย่าทำตนเป็นคนไม่มีทางเลือกทางออกสำหรับปัญหาและวิกฤติของตนเอง เพราะหากเราขวนขวาย เรายังมีทางเลือกและทางออกอยู่เสมอ

รถยนต์ Mazda3 แบบ Hatchback

รถยนต์ Mazda3 แบบ Hatchback

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

คนที่ชอบรถสไตล์แบบรถสปอร์ต แต่ราคาไม่แพงนัก แต่ก็ไม่ใช่เป็นรถตลาดอย่าง Toyota รถ Mazda3 เป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง

ภาพ Mazda3 Hatchback 5 ประตู

รถยนต์นั่ง Mazda3 ในประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า Mazda Axela เป็นรถยนต์ขนาดกลางในประเทศไทย แต่เป็นขนาดเล็กที่เขาเรียกกันว่า compact car เป็นรถยนต์ของญี่ปุ่น ผลิตโดยบริษัท Mazda Motor Corporation เป็นรถที่นำเสนอสู่ตลาดในรุ่นแรกเมื่อปี ค.ศ. 2004 เพื่อแทนรถ Mazda Familia หรือที่เรียกกันว่า Mazda 323 และในอเมริกาเหนือใช้เครื่องยนต์แรงขึ้น เรียกว่า Mazdaspeed3 และในยุโรปเรียกว่า Mazda3 MPS

ภาพ Mazda3 มองจากด้านหลัง 5 ประตู

Mazda3 หรือ Mazda Axela มีพื้นฐานการออกแบบในแนวของ ford ที่เรียกว่า Ford global C1 platform จึงทำให้ Mazda3 มีแนวคิดและรูปทรงเหมือนกับ Ford Focus และ Volvo S40 เป็นแนวคิดรถสปอร์ตนิดๆ ขนาดเล็ก เรียกว่า MX-Sportif concept car รถมีให้เลือกสองแบบ คือแบบรถนั่ง 4 ประตู (Sedan) และแบบ 5 ประตู เป็นแบบ hatchback ในแคนาดา ญี่ปุ่น และสหรัฐจะเรียกว่าเป็นรถสปอร์ต นักออกแบบที่คิดสไตล์นี้คือ Moray Callum

สำหรับเครื่องยนต์มีให้เลือก

1.4 L MZR I4
1.5 L MZR I4

ในประเทศไทยมี 2 ขนาด คือ

1.6 L MZR I4
2.0 L MZR I4

ในประเทศไทยเป็นเครื่องที่ใช้กับน้ำมันเบนซิน หรือ Gasohol

ในยุโรปและอเมริกาเหนือมีอีก 3 แบบ คือ

2.3 L MZR I4 เป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะแก่การวิ่งทางหลวงแบบ Interstate
1.6 L MZ-CD I4 เป็นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันดีเซล ขายในยุโรป
2.0 L MZR-CD I4 เป็นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันดีเซลขนาดใหญ่ขึ้น.

รถยนต์สปอร์ต Ford Mustang รุ่นที่ 5

รถยนต์สปอร์ต Ford Mustang รุ่นที่ 5

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

Ford Mustang เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดยบริษัท Ford Motor Company แนะนำสู่ตลาดเมื่อวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1964 ในปี ค.ศ. 1965 Mustang ได้เป็นรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตั้งแต่สร้างรถรุ่น Model A เพราะเป็นรถสปอร์ตขนาดไม่ใหญ่ เครื่องยนต์ไม่ใหญ่นักทำให้ไม่กินน้ำมัน ราคาไม่แพง เพราะเจตนาให้เป็นรถที่เด็กหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยสามารถหาซื้อได้ จากปี ค.ศ. 1964 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการผลิตรถ Mustang เป็นรุ่นที่ 5 แล้ว

ภาพ รถ Mustang รุ่นแรก 1964

Mustang จัดเป็นรถยนต์อยู่ในประเภท pony car คือไม่โตเมื่อเทียบกับรถยนต์อเมริกันทั่วไป เป็นรถสปอร์ตเรียกว่าแบบ coupes ทรงหน้าหม้อยาว มีกระโปรงหลังสั้น มีที่นั่งเหมาะแก่การนั่งสองคน แต่มีที่นั่งหลังขนาดแคบ เรียกกันว่า Dog seat หรือที่นั่งหมา สำหรับเด็กเล็กๆนั่งได้สองคน แต่หากเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องนั่งแบบตะแคงตัว

Mustang เป็นรถขวัญใจของเด็กหนุ่มในยุค Babyboom หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นแรงกระตุ้นในตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาในยุค 1964-1965 นั้น ให้บริษัทอื่นๆต้องผลิตตาม ดังเช่น ค่าย GM มี Chevrolet Camaro, บริษัท AMC ผลิตรถ Javelin, บริษัท Chrysler ผลิตรถรุ่น Plymouth Barracuda, รถในสไตล์ coupé ที่ในระยะแรกเป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศ ก็มี Toyota Celica จากประเทศญี่ปุ่น และ Ford Capri จากยุโรป

ภาพ รถ Mustang Generation V นับเป็นรุ่นที่ 5 ที่ยังคงแนวคิดและตลาดแบบเดิม

ในปัจจุบัน รถสปอร์ต Mustang มีให้เลือกทั้งที่เป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 เกียร์ และแบบอัตโนมัติ 6 เกียร์ ระบบพวงมาลัยแบบพลังไฟฟ้า (Electric power steering) ใช้เครื่องยนต์รุ่นพื้นฐาน ขนาด 3.7 ลิตร ตัวเครื่องเป็นอลูมินัม เบาและระบายความร้อนได้เร็ว เป็นแบบ V6 มี 6 สูบ น้ำหนักตัวเครื่องลดไปจากเดิม 18 กิโลกรัม มีวาว 24 ตัวเพิ่มประสิทธิภาพการจุดระเบิดและการเผาไหม้ ให้พลังได้ 305 แรงม้า

สำหรับรุ่นเครื่อง 3.7 ลิตร วิ่งในเมืองได้ 19 ไมล์/แกลลอน, วิ่งบนทางหลวงได้ 31 ไมล์/แกลลอน นับว่ามีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันอยู่ในระดับรถขนาดกลางทั่วไป

SSC Ultimate Aero รถยนต์เร็วที่สุดในโลกของอเมริกัน

SSC Ultimate Aero รถยนต์เร็วที่สุดในโลกของอเมริกัน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

257 mph, 0-60 in 2.7 secs. Twin-Turbo V8 Engine with 1183 hp, base price is $654,400. Tested in March 2007 by Guinness World Records, The SSC Ultimate Aero was the fastest car in the world from March 2007 to July 2010. On March 2011, the Koenigsegg Agera R also surpassed it, forcing this American made car to the #3 spot.

รถที่เร็วที่สุดในโลกอีกคันหนึ่ง คือ SSC Ultimate Aero เป็นรถอเมริกันที่เป็นแบบวางเครื่องกลางตัวรถ

ความเร็ว 257 ไมล์ต่อชั่วโมง, ความเร็วเร่ง 0-60 ไมล์ภายใน 2.7 วินาที เครื่องเป็นแบบ Twin-Turbo V8 ให้พลังที่ 1,183 แรงม้า, ราคาพื้นฐานที่ USD654,400 จากการทดสอบที่บันทึกโดย Guinness World Records สามารถทำความเร็วสูงสุดในโลกที่ 257 ไมล์ต่อชั่วโมง และคงสถิตินี้ในช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 จนถึงกรกฎาคม ค.ศ. 2010 ที่ถูกทำลายสถิติโดย รถ Koenigsegg Agera R อันเป็นรถผลิตในสวีเดน จึงทำให้รถอเมริกันคันนี้ลดลงไปอยู่ที่รถเร็วที่สุดในโลกอันดับที่ 3


รถยนต์ Koenigsegg Agera R ราคา 48 ล้านบาท

รถยนต์ Koenigsegg Agera R ราคา 48 ล้านบาท

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: Pracob@sb4af.org

Koenigsegg Agera R เป็นรถยนต์ที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง รองเพียงจาก Bugatti

260 mph, 0-60 in 2.8 secs. 5.0-liter V8 Engine with twin turbo’s, housing 1099 hp. Base price is $1,600,000. If you're into snow sports, the Agera R can be fitted with a Ski Box as well as winter tires, not that I would take one on a ski trip or anything like that. While the Agera R has a massive theoretical top speed, the current tested top speed is 260 mph. Expect this snow car to be the Bugatti's arch enemy for the next 5 years.

ความเร็วสูงสุด 260 ไมล์ต่อชั่วโมง, ส่วนความเร็วสูงสุดในทางทฤษฎีคือ 270 ไมล์ต่อชั่วโมง, อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ในเวลา 2.8 วินาที, เครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร เครื่องแบบ V8 Twin turbo’ มีกำลัง 1,099 แรงม้า ราคาขั้นพื้นฐาน USD1,600,000 ความเร็วที่ทดสอบได้ 260 ไมล์ต่อชั่วโมง นับเป็นคู่แข่งกับ Bugatti ในช่วงอีก 5 ปีต่อไปนี้

รถ Koenigsegg Agera R ผลิต (Assembly) ที่ Ängelholm, ในประเทศสวีเดน (Sweden)

Friday, July 29, 2011

Dodge Viper รถยนต์ระดับ Super Car ของอเมริกัน

Dodge Viper รถยนต์ระดับ Super Car ของอเมริกัน

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail:
pracob@sb4af.org

ผมเหมือนผู้ชายหลายคนที่ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีความเร็วสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถหรูราคาแพงที่ประดิษฐในอิตาลี หรือเยอรมัน แต่รถคันที่จะเล่าให้ฟังนี้คือ Dodge Viper ซึ่งเป็นของบริษัทไครสเลอร์ (Chrysler)

ภาพ Dodge Viper รุ่น 2010

Dodge Viper เป็นรถยนต์สปอร์ตพลังสูง ใช้เครื่องยนต์ 10 สูบวางเครื่องแบบตัว V ผลิตโดยบริษัท Dodge ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทรถยนต์ Chrysler รถยนต์สปอร์ตหรูในตระกูล Super Car นี้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง เริ่มผลิตที่ New Mack Assembly ในปี ค.ศ. 1991 แล้วย้ายมาผลิตที่โรงงานในปัจจุบัน คือที่ Conner Avenue Assembly ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1995

ภาพ รถสปอร์ตหรู่ Dodge Viper แบบเปิดประทุน

รถ Viper ปรับเป็นได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ขนาด 10 สูบความจุ 8,000 cc ขึ้นไป ผลิตเพื่อขายทั่วโลกเหมือนกัน Viper ได้ปรากฏตัวบ่อยครั้งทางทีวี วิดิโอเกมส์ ภาพยนตร์ และวิดิโอดนตรี ปัจจุบันได้ผลิตออกมาโดยพัฒนาเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว โดยมีพื้นฐานที่พัฒนาร่วมกับMercedes-Benz SLS AMG ไครส์เลอร์ได้คิดที่จะหยุดการผลิตรถดังกล่าวเพราะปัญหาทางด้านการเงิน แต่ Sergio Marchionne ผู้บริหารใหญ่ได้ประกาศที่งานแสดงรถยนต์ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2010

รถ Viper รุ่นที่ 4 ผลิตในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 เป็นรถสปอร์ตสองประตู สามารถใช้ขับขี่บนท้องถนนได้ เป็นรถใช้เครื่องยนต์ขนาด 8.4 ลิตร มี 10 สูบวางเป็นรูปตัว V

มีพลัง 600 bhp (450 kW) ที่ความเร็ว 6,000 รอบ (rpm)
มีแรงบิดที่ 560 lb·ft (760 N·m) @ 5600 rpm

มีระบบเกียร์ (Transmission) แบบ TR6060 6-speed เป็นแบบเกียร์มือ (manual)

มีฐานล้อ (Wheelbase) กว้าง 98.8 in (2,510 mm) ความยาว (Length) 175.6 in (4,460 mm) ใกล้เคียงกับรถบ้านทั่วไป

มีความกว้างของลำตัว (Width) 75.7 in (1,920 mm) มีความสูง (Height) 47.6 in (1,210 mm) (coupe) มีลักษณะเตี้ยอย่างรถสปอร์ต

· 48.6 in (1,230 mm) (SRT-10)

· 48.6 in (1,230 mm) (convertible)

มีน้ำหนักตัวรถ (Curb weight) 3,460 lb หรือประมาณ 1,570 kg (base)
3,408 lb (1,546 kg) (ACR)

รถ Dodge Viper รุ่นที่สี่ (fourth generation, phase II) ระยะที่สองมีสมรรถนะดังนี้

  • ความเร็วเร่งที่ 0–60 mph (0–97 km/h): 3.4 sec [15]
  • ความเร็วเร่งที่ 0–100 mph (0–160 km/h): 7.6 sec [15]
  • วิ่งทำความเร็วสูงสุดในช่วงทางวิ่ง ¼ ไมล์ (quickest quarter mile) 10.92 sec @ 127.79 mph (205.66 km/h) [16]
  • วิ่ง ¼ ไมล์ได้ด้วยความเร็วสถิติที่ (average quarter mile) 11.6 to 11.9 sec.
  • ความเร็วสูงสุด (top speed) ที่ 202 mph (325 km/h)
  • วิ่งแบบเข้าโค้ง (slalom) 74.2 mph (119 km/h)+
  • skidpad average acceleration: 1.06 g (10.4 m/s²)
  • 100–0 mph (160–0 km/h): 270 ft (82 m)

ในโลกที่น้ำมันเหลือน้อยและราคาแพงขึ้น ประกอบกับคนต้องมีความตระหนักในการประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมนี้ Dodge Viper จะเป็นรถที่มีเก็บไว้เพียงในโรงรถของคนมีเงิน และคนที่ชอบความเร็วสูง และมีเพื่อเก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ มีไว้โชว์มากกว่ามีไว้ขับเพื่อการเดินทางจริง

30 กรกฎาคม 1965 จอห์นสันลงนามในกฎหมายประกันสุขภาพผู้สูงอายุ

30 กรกฎาคม 1965 จอห์นสันลงนามในกฎหมายประกันสุขภาพผู้สูงอายุ

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

เรียบเรียงจาก “July 30, 1965: Johnson signs Medicare into law.” ใน History.com

ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 ประธานาธิบดีลินดอน เบน จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) ได้ลงนามในกฎหมายที่มีผลทำให้เกิด Medicare เป็นโปรแกรมให้ประกันสุขภาพแก่ประชาชนอเมริกันผู้สูงอายุ ในขณะที่ลงนามได้เลือกไปลงนามที่ห้องสมุดชื่อ Truman Library ในเมืองIndependence, ในรัฐมิสซูรี (Missouri) โดยมีอดีตประธานาธิบดี Harry S. Truman เป็นผู้รับประโยชน์จากกฏหมายดังกล่าว โดยได้รับบัตรเมดิแคร์เป็นคนแรก ประธานาธิบดีจอห์นสันต้องการให้เกียรติและบันทึกไว้ว่าประธานาธิบดีทรูแมนในปี ค.ศ. 1945 ได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เสนอให้มีการประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ แต่ในยุคนั้นได้รับการปฏิเสธโดยวุฒิสภาของสหรัฐ และกฎหมายดังกล่าวได้ตกไป

โปรแกรม Medicare ทำให้มีโรงพยาบาลและระบบประกันสุขภาพสำหรับคนอเมริกันอายุ 65 ปีหรือสูงกว่า ได้รับประโยชน์จากการปรับแก้กฎหมายประกันสังคม (Social Security Act) ที่ได้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1935 กฎหมาย Medicare ทำให้ประชากรสูงอายุวัยตั้งแต่ 65 ขึ้นไป ได้รับการรักษาพยาบาล ซึ่งในขณะนั้นรวมถึงบริการสำหรับผู้ป่วยไตวายที่ต้องมีการล้างไต อันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปสำหรับคนทั่วไปในขณะนั้น ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2003 ประธานาธิบดี George W. Bush ได้ลงนามในการปรับแก้กฎหมายให้ทันสมัยเพิ่มเติม เรียกว่า Medicare Modernization Act (MMA) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยนอกได้รับประโยชน์จากค่ายาและใบสั่งของแพทย์ แทนที่จะเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเมื่อเข้าโรงพยาบาล

มารู้จักมหาเศรษฐีแบบ Dale Vince

มารู้จักมหาเศรษฐีแบบ Dale Vince

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของผม พบชื่อคนๆหนึ่ง เป็นมหาเศรษฐีที่น่าสนใจ ชื่อ เดล วินซ์ (Dale Vince) เป็นมังสวิรัติ (Vegan) เป็นอดีตนักท่องเที่ยวยุคใหม่ หรือ Hippy เป็นนักอุตสาหกรรม และเป็นเจ้าของบริษัท Ecotricity พัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว เขาทำอะไรและอย่างไร ติดตามหาอ่านเองได้ ผมจะเริ่มจากแปลการแนะนำบริษัทของเขา Ecotricity ในประเทศอังกฤษ แปลแบบตรงๆตัวเลยนะครับ แล้วไปหาข้อมูลมาศึกษา และเรียนรู้แลกเปลี่ยนกัน

ภาพ Dale Vince ผู้ก่อตั้ง Ecotricity บริษัทลงทุนกับการผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีทางเลือกที่สะอาด อย่างพลังลม (Wind Eneergy) ในสหราชอาณาจักร

เกี่ยวกับ Ecotricity

Ecotricity เป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าที่แตกต่าง เราทุ่มเทให้กับวิธีการได้มาซึ่งไฟฟ้า เรารับเงินจากลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้า แล้วนำกลับไปพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างไฟฟ้าที่ได้จากกังหันลม (Wind Energy) นอกจากนี้เราเป็นบริษัทไฟฟ้าสีเขียวเดียวที่เริ่มต้นผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานใหม่ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนไป 50 ล้านปอนต์เพื่อพลังงานจากลม

เราได้ลงทุนกับการสร้างกังหันลมและขายไฟฟ้าไปทั่วประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 เราป้อนพลังงานให้คนที่ Lush ธนาคาสหกรณ์ (Co-operative Bank) และภูมิใจที่ได้รับคำแนะนำจาก Soil Association และ Oxfam

มีหลายคนยังไม่ได้ตระหนักว่าเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะใช้ไฟฟ้าจากแหล่งใด และได้มาด้วยวิธีการใด หรือเราต้องการจะอยู่ในส่วนไหนของประเทศ ท่านสามารถเลือกได้ว่าบ้านของท่าน ธุรกิจของท่านจะใช้พลังงานที่สะอาด สิ่งที่ตลกคือการเปลี่ยนแปลงนี้อาจใช้เวลาเพียง 5 นาที แต่มันจะเป็นก้าวแรกที่ท่านสามารถลดการเผาไหม้และป้องกันสิ่งแวดล้อมของเรา

ผมหวังว่าท่านจะร่วมกับเรา

Dale Vince OBE, ผู้ก่อตั้ง Ecotricity

ภาพ รถยนต์ไฟฟ้าแบบหรูโครงสร้างของ Lotus พัฒนาโดย Ecotricity ในประเทศอังกฤษ

ผมเป็นนักท่องเที่ยวที่ยังต้องค้นหาตัวเองอยู่

ผมเป็นนักท่องเที่ยวที่ยังต้องค้นหาตัวเองอยู่

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org

ผมเป็นคนเคยรับราชการ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทำงานสอนหนังสือ ได้ทำงานกับความคิดอย่างที่ผมชอบ ผมได้ออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ แล้วเลือกทำงานเป็นที่ปรึกษา (Consultant) ที่ต้องใช้วิชาการที่หลากหลาย ไม่ต้องทำอะไรที่ซ้ำซากเหมือนเดิมอยู่ตลอดเวลา มาบัดนี้ผมได้ขอเลิกทำงานสอนที่ต้องเดินทาง ผมยังชอบสอน ชอบบรรยาย แต่ไม่ชอบใช้เวลาเดินทางไปท่ามกลางการจราจรติดขัดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่ผมเกิดและอาศัยอยู่ ผมเลือกที่จะมีเสรีภาพที่ไม่ต้องเครียดกับเวลาที่กลายเป็นเจ้านายเรา

ผมหันมาเป็นนักศึกษาที่จริงจัง (Serious student) สนใจอะไร อยากรู้อะไร และอยากเรียนอะไร ก็จะทุ่มเทศึกษาทำความเข้าใจกับสิ่งนั้น และพบว่าสิ่งที่เราสนใจนั้น มันกว้างขวางมากมาย เพราะผมเป็นนักท่องเที่ยวออนไลน์ที่แสวงหาความคิดและความรู้ใหม่ๆไปเรื่อย แต่ไม่ใช่นักปฏิบัติที่จะทุ่มเทให้กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้นานในชีวิต แต่ผมชอบที่จะไปหาฝัน แล้วนำฝันนั้นมาขาย นำความคิดดีๆที่ได้พบ มาแจ้งให้กับคนทั่วไป

ผมชอบอ่าน อ่านแล้วนำมาเขียนเพื่อแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ แต่ผมขี้เกียจนำไปตีพิมพ์ด้วยตนเอง เมื่ออ่านอะไรได้ จับความได้ในเกือบจะทุกวัน แล้วผมใช้เวลาออกกำลังสมอง (Brain Exercise) นำความรู้ที่ได้มาเรียบเรียงเขียนในลักษณะที่เข้าใจได้ ใครเข้าใจแล้วสนใจศึกษาต่อ ก็สามารถไปศึกษาจากแหล่งต้นตอได้ด้วยตนเองโดยง่าย เพราะสไตล์ที่ผมเขียนจะเป็นแบบสองภาษา (Bilingual) ทิ้งคำศัพท์และคำหลัก (Keywords) ไว้เพื่อให้ศึกษาต่อได้ ท่านติดตามงานเขียนของผมได้ที่ http://pracob.blogspot.com/

ผมชอบท่องเที่ยว ทั้งนั่งรถประจำทาง ขับรถเอง ไปกับรถที่จัดขึ้น เดินทางทั้งในต่างประเทศและในประเทศ โลกกว้างเหลือเกิน ท่องเที่ยวเดินทางไปอย่างไรก็จะพบว่ายังไม่มีที่สิ้นสุด หากท่านมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรที่ไหนที่มีความคิดอะไรดีๆที่ควรจะเห็นและได้เรียนรู้ โปรดแนะนำผม ขอช่วยบอกมานะครับ ผมจะหาทางไป แล้วนำความคิดเหล่านั้นมาเล่าสู่กันฟัง

อย่าลืมนะครับ หากมีอะไรอยากแนะนำให้ผมได้ไปเรียนรู้ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกัน แจ้งให้ผมทราบได้สั้นๆ ผ่าน www.twitter.com ถึงผมที่ได้ที่ @pracob นะครับ

-------------------------