การคิดแบบติดกลุ่ม (Groupthink) เหตุของการตัดสินใจที่ผิดพลาด
Keywords: การเมือง, politics, การปกครอง, governance, การตัดสินใจ, decision making, การคิดแบบติดกลุ่ม, groupthink
ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่
มีเรื่องการตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายครั้งที่เขาต้องกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ว่าได้เกิดอะไรขึ้น
ดังเช่น
·
ทำไม สหรัฐในช่วงก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง
จึงไม่เฉลียวใจเลยว่าญี่ปุ่นกำลังใช้กองทัพเรือพร้อมเรือบรรทุกเครื่องบินเพื่อบุกโจมตีอ่าวเพิร์ล
(Pearl Harbor) ในหมู่เกาะฮาวาย
· ทำไมสหรัฐในช่วงเมษายน ค.ศ. 1961
จึงหลงส่งทหาร เฉพาะกิจ 1500 นายเข้าไปรบเพื่อหวังโค่นล้มฟิเดล
คัสโตร (Fidel Castro) และการปฏิวัติสังคมนิยมของเขาได้
ซึ่งท้ายสุด 5 กองพันที่ส่งเข้าไปต้องยอมแพ้
บางส่วนเสียชีวิต บางส่วนบาดเจ็บ และที่เหลือถูกจับตัวเป็นเชลยหมด
ภาพ ทหารเฉพาะกิจสหรัฐที่ส่งเข้าไปบุกคิวบาที่ Bay of Pig ในเดือนเมษายน 1961 แล้วต้องแพ้และถูกจับตัวหมดภายในเวลา 3 วัน
·
ทำไมคนเสื้อแดงผู้สนับสนุนทักษิณ
ชินวัตรนับเป็นพันๆคน ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์การเผาห้างสรรพสินค้า Central
World ศาลากลางจังหวัดอีกหลายแห่ง จึงมองไม่เห็นคนเผา
บางคนบอกว่าเป็นพวกทหารฝ่ายรัฐบาล ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าไม่มีใครรู้เรื่องเลย
ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้
เราต้องกลับมาศึกษาว่าอะไรเป็นสาเหตุของความผิดพลาดครั้งใหญ่เหล่านี้
ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นอีก ในปรากฏการณ์เช่นนี้ เราลองหันมาศึกษาเรื่อง
“ความคิดแบบติดกลุ่ม” แล้วเราอาจได้ความกระจ่างบางประการ
ทำไมกลุ่มคนจึงคิดและตัดสินใจอย่างผิดพลาด
ความคิดแบบติดกลุ่ม (Groupthink) เป็นลักษณะของการที่บุคคลในกลุ่มยอมจำนนต่อความคิดของผู้นำและสมาชิกในกลุ่มให้อยู่เหนือสิ่งต่างๆ จนกระทั่งไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคิดแบบติดกลุ่มนั้นมีธรรมชาติอันก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้หลายประการ
ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- การหลงคิดว่าจะไม่ผิดพลาด (An Illusion of
Invulnerability) เป็นความเชื่อว่าทำแล้วต้องไม่พลาด ดังเช่นคิดว่า
มันไม่เกิดหรอก เป็นไปไม่ได้ ผู้ใหญ่กว่าเราเขาคงศึกษามาดีแล้ว หรือ
·
การคิดนโยบายพรรคเพื่อไทยในช่วงการหาเสียง
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
- การเชื่อว่าตนเองและพวกเป็น "ฝ่ายเทพ" (A belief in the inherent morality of the group) และกำลังยืนอยู่ในฝ่ายที่ถูกต้อง
ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรานั้นเป็นพวกที่ไม่หวังดีต่อกลุ่ม ต่อองค์การ หรือต่อประเทศชาติ
ในทางการเมือง ทั้งฝ่ายทักษิณและฝ่ายต่อต้าน
ต่างก็มีความเชื่อว่าฝ่ายตนเป็นฝ่ายถูกต้อง เพียงแต่ฝ่ายคนเสื้อแดงทำเพื่อทักษิณ
และฝ่ายตรงข้ามคือไม่เอาทักษิณ ซึ่งเป็นภัยต่อบ้านเมือง
ความถูกผิดมักเป็นรองเรื่องของความเชื่อ (Beliefs)
- การคิดหาเหตุผลเข้าข้างพวกตนแบบกลุ่ม (Collective
rationalizations) เมื่อคิดแบบติดยึดภายในกลุ่ม
บางครั้งก็ตัดสินใจไปตามค่านิยมภายในของกลุ่ม
และจึงค่อยหาเหตุผลชี้แจงแบบเข้าข้างตัวเอง หรือพวกพ้อง เช่น การเล่นพรรคเล่นพวก
การใช้อภิสิทธิ์ในการฝากเด็กเข้าสถานศึกษา การพิจารณาขึ้นเงินเดือนหรือหาผลประโยชน์ให้ตนเอง
และในที่ลับนั้น บางทีสามารถตัดสินใจแล้วค่อยหาเหตุผลในภายหลังได้
- การมองกลุ่มอื่นๆเป็นพวกแปลกประหลาด (Stereotypes
of out-groups) มีการตั้งฉายาให้ต่างๆนานา
มีการมองคนและให้ค่าแก่เขาตามลักษณะของเขา โดยที่ไม่ได้พิจารณาในเนื้อแท้ของเขาเป็นกรณีไปตามข้อเท็จจริง
เช่น เขาเป็นพวกนายทุน เป็นทหาร เป็นพวกฝ่ายซ้าย หรือฝ่ายขวาจัด
แล้วแต่จะให้ฉายากันไป
- การปิดปากตนเอง (Self-censorship)
การยอมสงบนิ่งทั้งๆที่อาจมีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง
ด้วยเกรงจะเป็นการกวนน้ำให้ขุ่น เป็นการชักใบให้เรือเสีย หรือไม่ก็เกรงใจกัน
แม้จะมีความแคลงใจ แต่ก็ปล่อยให้ผ่านเลยไป เช่น คนที่มีความคิดต่างจากทักษิณ
ชินวัตรนั้นมีอยู่มากในพรรคเพื่อไทย ในคนเสื้อแดง
แต่เขาเหล่านี้ไม่กล้าพูดออกมาอย่างเปิดเผยแพร่
- ภาพลวงของการเห็นพ้องต้องกัน (Illusion of unanimity) ความเชื่อว่า ยิ่งคนเป็นอันมากในกลุ่มได้เห็นพ้องต้องกัน ก็แสดงว่ามันถูกต้อง
แทนที่จะใช้เหตุผลในการพิจารณา
ทั้งๆที่บางทีการได้ความเห็นชอบแบบเป็นเอกฉันท์นั้นแท้จริงเป็นผลมาจากการปล่อยให้มีการชี้นำจากคนเพียงบางคน
ยังไม่ได้มองกันในแง่มุมที่ละเอียดพอ และเมื่อคนส่วนใหญ่เห็นเป็นเช่นนั้น
คนกลุ่มน้อยก็ไม่กล้าไปขัด
- แรงกดดันต่อคนที่เห็นแปลกแยก (Direct pressure on dissenters) บรรยากาศภายในกลุ่มไม่เอื้อให้คนกล้าพูด
การมองด้วยสายตาไม่ยอมรับ การตัดบท การทำให้เสียหน้า และอื่นๆอีกมาก
ซึ่งท้ายสุดนำไปสู่การไม่มีใครกล้าพูด
- การปกป้องไม่รับความคิดเห็นอื่น (Self-appointed mind-guards) บางทีปล่อยให้พูด
แต่ในจได้มีการตกลง หรือคิดทางออกอย่างตายตัวเอาไว้แล้ว
การมาพูดหรือปรึกษาหารือกันในที่ประชุมนั้นจึงกลายเป็นพิธีการ
มากว่าจะใช้ประโยชน์จากการประชุมอย่างแท้จริง
ศึกษาและเขียนใหม่ จาก Irving L.
Janis Groupthink: Psychological studies of policy decisions and fiascoes.
Boston: Houghton Mifflin, 1982, pp.174-175.
No comments:
Post a Comment