ฟังคนที่รวยที่สุดในโลก วอร์เรน บัฟเฟต (Warren
Buffett) เขาสอนให้ฟัง
Keywords: เศรษฐกิจทุนนิยม, free
market economy, นักธุรกิจแนวหน้า, business
magnate, นักลงทุน, investor, ผู้มีกุศลจิต,
philanthropist, วอร์เรน เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟต, Warren
Edward Buffett
ภาพ วอร์เรน บัฟเฟต (Warren Buffett)
ผมอยากให้คนที่มั่งคั่งในประเทศไทย
ได้อ่านและติดตามประวัติชีวิตของคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เขาคิด
และเขาประพฤติปฏิบัติกันอย่างไร
อยากให้นักการเมืองที่หลงในอำนาจที่นำมาซึ่งเงินทอง ได้มีโอกาสสำรวจชีวิตของคนเอง
ว่าอยากรวยไปเพื่ออะไร ในเมื่อความมั่งมีนั้น ประวัติศาสตร์บอกว่า
ท่านไม่สามารถรักษามันได้ เมื่อท่านเสียชีวิตลงแล้ว และแม้แต่ทายาทที่รับสมบัติมหาศาลนั้นไป
เขาทั้งหลายก็มักจะไม่สามารถรักษามันได้เกิน 3 ชั่วอายุคน
วอร์เรน เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟต (Warren Edward Buffett) ผู้เกิดในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1930 นักธุรกิจชาวอเมริกัน นักลงทุน และผู้ให้การบริจาค (Philanthropist)
เขาได้รับการยอมรับในฐานะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในศตวรรษที่
20 บัฟเฟตเป็นประธานและผู้บริหารสูงสุด
และผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire
Hathaway)
เขาได้รับการจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดอย่างต่อเนื่อง
เขาได้รับการจัดอันดับเป็นคนรวยที่สุดในโลกในปี ค.ศ. 2008 และรวยอันดับสามในปี ค.ศ. 2011
ในปี ค.ศ. 2012 นิตยสาร Time ของอเมริกันให้ฉายาเขาว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก
ในปี ค.ศ. 1988 บัฟเฟตกล่าวถึงทัศนะที่มีต่อทรัพย์สินเงินทอง
และชีวิตของเขาดังนี้
ผมไม่มีปัญหารู้สึกผิดเกี่ยวกับความมั่งมี
ผมมองเห็นเงินของผมเป็นเหมือนเช็คเรียกเก็บเงินจากสังคมจำนวนมหาศาล
มันอาจเปลี่ยนเป็นการใช้จ่าย (Consumption) ที่ผมจะทำอะไรก็ได้
หากผมต้องการใช้มัน ผมสามารถจ้างคนสัก 10,000 คนให้มาวาดภาพผมทุกวันไปตลอดชีวิตของผม
แล้วอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ (GD) ก็จะสูงขึ้น แต่ผลิตผลจากการใช้จ่ายนั้นก็ไม่มีค่า
แต่หากผมใช้คนทั้ง 10,000 คน ให้ทำวิจัยเรื่องโรคเอดส์ (AIDS)
หรือไปสอนหนังสือ หรือทำงานพยาบาล มันจะมีคุณค่ากว่ามาก ผมไม่ได้ใช้เช็คเรียกเก็บเงินเหล่านั้นเพื่อตัวเองมากนัก
และผมจะให้เช็คเหล่านี้แก่สาธารณกุศลเมื่อผมและภรรยาเสียชีวิต (Lowe
1997:165–166)
กับนิตยสาร NY Times ในบทความเรื่อง “ผมไม่เชื่อในความมั่งคั่งดังเป็นราชวงศ์”
บัฟเฟตเรียกคนที่มั่งคั่งในสภาพความมั่งมีดังนั่งอยู่บนกองเงินกองทองที่พ่อแม่และวงศ์ตระกูลสะสมให้
เรียกคนเหล่านี้ว่า “สมาชิกสโมสรสเปิร์มโชคดี” (members of the lucky sperm
club) บัฟเฟตได้เขียนหลายๆครั้งถึงความเชื่อของเขาในระบบตลาดเสรีว่า
คนรวยสามารถหารางวัลได้มากมายเกินกว่าความสามารถของเขา
พี่น้องทั้งหลาย ในสังคมไทยเราทุกวันนี้
เรามีปัญหากันอย่างมาก ด้วยความอยากได้ที่ในที่สุด หรือความโลภในลาภ ยศ สรรเสริญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง หากเรามีปัญญา มีเงิน
มีอำนาจ ก็พึงใช้มันเพื่อยังประโยชน์แก่คนอื่นๆที่เขายังขาดโอกาสอยู่เถิด
No comments:
Post a Comment