ทัศนะ: เมื่อกรีกต้องออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป
Keywords: เศรษฐกิจ, การเมือง, กรีก, Euro,
EU, Europe
เก็บความจาก “Viewpoints: What if Greece
exits euro?” BBC News, Business, 14
May 2012 Last updated at 10:42 GMT
ภาพ ธงชาติกรีก (Greece Flag)
ทัศนะ: เมื่อกรีกต้องออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป (European
Union) และจากการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International
Monetary Fund - IMF) อะไรจะเกิดขึ้น?
ภาพ การประท้วงที่เกิดขึ้นในกรีก ด้วยปัญหาเศรษฐกิจ คนตกงาน ประเทศเป็นหนี้ และขาดขีดความสามารถในการแข่งขัน สินค้าและบริการทุกอย่างราคาแพง
ความจริงเป็นคำถามที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้
เหมือนกับเมื่อเราเป็นบุคคล ไปยืมเงินคนหรือสถาบันการเงินมา
แล้วบอกว่าผมจะไม่ใช้เงินคุณ เราก็ต้องถูกบังคับใช้หนี้ตามกฎหมายด้วยกระบวนการฟ้องร้อง
หากยังมีทรัพย์สินใดๆที่จะใช้หนี้ ก็จะถูกกฎหมายบังคับให้ใช้หนี้คืนจนหมด
หากไม่มีเงินหรือทรัพย์สินเหลือพอ ก็ต้องถูกจัดให้อยู่ในสถานะบุคคลผู้ล้มละลาย (Bankruptcy)
หากกรีกออกจากยูโร
เงินเฟ้อและการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น
นักการเมืองจากพรรคต่างๆของกรีกในวันนี้กำลังต้องกลับไปหาเสียง
โดยจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2012
โดยทุกพรรคการเมืองจะต้องไปบอกกับประชาชนอีกครั้งว่า
ตนและพรรคของตนมีนโยบายจะทำอะไรเมื่อได้เป็นรัฐบาล
แต่สิ่งที่เขาจะบอกแก่ประชาชนนั้น คือสิ่งที่ประชาชนอยากได้ยิน
แต่มันอาจไม่ใช่ภาพความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น
ในประเทศกรีกเอง
มีหลายส่วนที่ไม่ต้องการมาตรการรัดเข็มขัด (Austerity) ที่บังคับใช้จากผู้ให้เงินกู้แก่กรีกทั้งหลาย
หากกรีกไม่สามารถสร้างความพอใจตามข้อเรียกร้องของสหภาพยุโรปและ IMF กรีกก็จะถูกตัดออกจากส่วนของเครดิตที่ยังเหลืออยู่ และหากกรีกต้องออกจากยูโร
กรีกจะหมดเครดิตความเชื่อถือ และไม่มีความสามารถที่จะจ่ายหนี้
และต้องออกจากกลุ่มยูโรไปทั้งหมด
ต่อไปนี้เป็นทัศนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่มีต่อกรีก
โดยสมมุติว่า หากกรีกออกจากยูโร แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
Carsten Brzeski, นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส, ING
Belgium ให้ทัศนะว่า
ความสับสน
ธนาคารของกรีกจะระเบิด (Go bust) คือเจ๊ง บริษัทของกรีกกจะล้มละลาย
อัตราคนว่างงานจะสูงขึ้น เงินตระกูลกรีกเก่า คือ Drachma จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่
แต่จะเสียอัตราแลกเปลี่ยนไปมากมาย
ราคาอาหารและพลังงานจะสูงขึ้นจนติดเพดาน
มันจะเป็นเหมือนระเบิดเมื่อเปิดจุกขวดแชมเปญ
มันจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ความสับสนที่จะให้น้ำหนักไปที่การต้องเติบโต
ภาพโดยรวมของเขต Eurozone จะเลวร้ายยิ่งขึ้น
Michael Arghyrou, ผู้บรรยายเศรษฐศาสตร์อาวุโส,
Cardiff Business School ได้ให้ทัศนะต่อการที่กรีกอาจต้องออกจากยูโรว่า
เงิน Drachma ของกรีกจะมีการลดค่าลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ทำให้เกิดสภาพเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวสำหรับการจำนอง
หรือกู้ยืมทางธุรกิจ และการกู้ยืมใดๆจะมีราคาแพงขึ้นอย่างมาก
จะไม่มีเครดิตเหลือสำหรับธนาคารของกรีก
หรือรัฐกรีก
อาจหมายถึงการขาดแคลนสินค้าบริโภคพื้นฐานต่างๆ
ทั้งน้ำมัน ยารักษาโรค หรือแม้แต่อาหารการกิน
บริษัทธุรกิจของกรีกส่วนใหญ่พึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
ซึ่งบริษัทต่างประเทศเหล่านั้นจะตัดลูกค้าจากกรีก
บริษัทของกรีกเองก็จะถูกทำให้ต้องเลิกกิจการ
กรีกจะสูญเสียความมั่นคงสิ่งเดียวที่มีอยู่
ซึ่งหมายถึงสถานภาพของการเป็นสมาชิกใน EU หรือ European
Union
ประเทศกรีกจะตกในสถานะของความสับสน
ทุกสถาบันของกรีกเองจะอ่อนแอ
ภาพฉายที่แย่ที่สุดคือความล้มเหลวทางสังคมและเศรษฐกิจ
อันอาจนำไปสู่ระบอบเผด็จการ
ซึ่งครั้งหนึ่งประเทศกรีกหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็เคยอยู่ในสภาพเช่นนั้น
ซึ่งคือเมื่อไม่นานมานี้
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นภาพฉาย สำหรับผู้อ่านชาวไทยเรา
คงพอนึกภาพเมื่อเกิดภาวะวิกฤติทางการเงินในเอเชียยุคต้มยำกุ้ง ค.ศ. 1997 คือเมื่อ ประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาพใกล้ล้มละลาย
แล้วเราต้องขอเงินกู้ฉุกเฉินจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
และถูกเขาบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัด (Austerity) มาก่อน ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดยาวนาน
ต้องใช้เวลานานนับเป็นสิบปี กว่าจะกลับฟื้นคืนมาได้เป็นปกติ
สภาพที่เกิดกับไทยอย่างไร
ก็จะเกิดกับกรีกในลักษณะเดียวกัน แต่รุนแรงกว่า เพราะสำหรับเขาแล้ว
มันจะเป็นการล้มละลายของประเทศจริงๆ และผลกระทบต่อประเทศอื่นๆในยุโรป
เริ่มกับประเทศที่ใช้ค่าเงินยูโร และประเทศยุโรปอื่นๆ
และเชื่อว่าผลกระทบจะส่งผลไปทั่วโลก แม้อาจจะไม่รุนแรงดังยุคต้มยำกุ้ง
ที่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองไปในหลายประเทศในเอเซีย
วิกฤติการเงินในเอเซียปี ค.ศ. 1997 (1997
Asian financial crisis)
ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด 3
ประเทศได้แก่ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไทย
ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงตามมาแต่ไม่มากเท่า คือ ฮ่องกง มาเลเซีย ลาว
และฟิลิปปินส์ ตามมาด้วย จีน ปากีสถาน อินเดีย ไต้หวัน สิงค์โปร์ บรูไน
และเวียดนาม ได้รับผลกระทบด้วยแต่ไม่รุนแรง แต่โดยรวม ผลกระทบมีไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย
No comments:
Post a Comment