เมือง Los Angeles ในแคลิฟอร์เนียพยายามเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้า
Keywords: USA, Los Angeles, transportation, ถรยนต์ไฟฟ้า, vehicle, EV,
electric car, สหรัฐอเมริกา, การคมนาคม, ยานพาหนะ, รถยนต์ไฟฟ้า,
เมืองลอสแองเจลิส, พลังงาน, energy,สิ่งแวดล้อม, environment, มลพิษทางอากาศ, air pollution,
ศึกษาและเรียบเรียง จากบทความ
“Los Angeles Tries a Car Conversion” โดย GARY ANDREW
POOLE – time.com, Friday, Apr. 22, 2011
ในสหรัฐอเมริกา รถยนต์ไฟฟ้าจะยังมีราคาแพงอยู่
แม้จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางคันละ US$7,500 ดังเช่นรถยนต์
Chevy Volt ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าลูกประสมราคาคันละ $43,000
หลังได้รับส่วนลดจากเงินสนับสนุนโดยรัฐบาลกลางแล้ว ก็จะยังมีราคา $35,500
ซึ่งยังแพงเกินไป รถ Chevrolet Cruze ซึ่งเป็นรถยนต์แบบ SUV
ราคาคันละ $16,525 เป็นรถยนต์ใช้น้ำมันที่ 40 ไมล์ต่อแกลลอน
ความแตกต่างกันคือ ราคาตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าเท่าตัว
รถยนต์ไฟฟ้าจึงอาจต้องใช้เวลาอีกประมาณ 8-10 ปีกว่าที่จะเป็นที่ยอมรับในตลาด
ภาพ การจราจรของเมือง Los Angeles ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่่งคนส่วนใหญ่อาศัยการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันด้วยรถยนต์ส่วนตัว จึงทำให้มีปัญหาด้านมลพิษทางอากาศจากควันไอเสียรถยนต์
แต่กระนั้น เมือง Los Angeles (LA) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิษทางอากาศ
เพราะมีรถจำนวนมหาศาลที่วิ่งบนถนนที่แออัด ก็ไม่รอช้าที่จะผลักดันนโยบายให้เมืองเป็นเมืองรถยนต์ไฟฟ้า
ทางเมือง LA จึงพยายามทำให้เมืองนี้กลายเป็น “เมืองหลวงของรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศ”
(EV capital of the country) โดยจะเน้นไปที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
โดยมุ่งให้ในปี ค.ศ. 2013 เมือง LA จะเป็นเมืองที่มีสถานีชาร์ตไฟรถไฟฟ้าสาธารณะ
ที่เป็นเครือข่ายครอบคลุมกว้างขวางที่สุดมากกว่าเมืองใดๆในประเทศสหรัฐอเมริกา
เมือง LA จะเริ่มให้ส่วนลดแก่บ้านที่ติดตั้งที่ชาร์ตไฟรถไฟฟ้า
(Charging stations) หลังละ $2,000 และให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านใช้รถยนต์ไฟฟ้า
จนทำให้ค่าชาร์ตไฟฟ้ารถอย่าง Chevy Volt เป็นเพียง $0.95 ต่อครั้ง
ในขณะที่เมืองอื่นๆในประเทศจะมีราคาเฉลี่ยครั้งละ $1.50 ที่ทำเช่นนี้
เพื่อเป็นการจูงใจคนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแม้ขณะนี้จะยังมีค่าตัวรถ
หรือค่าแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูงอยู่
แต่เพราะความที่มีเครือข่ายสถานีชาร์ตไฟที่กว้างขวาง
ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่เกินและมีต้นทุนที่สูงเกิน
และค่าชาร์ตไฟรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน โดยทั่วไป ก็จะยังทำให้มีราคาถูกเป็นพิเศษ
เมือง LA มีประชากรเมือง 3,792,621
คน จัดเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของสหรัฐอเมริกา
หากนับประชากรเมืองและปริมณฑล (Metropolitan Area) จะมีประชากร
12,828,837 คน และหากนับรวมเมืองบริวารขนาดเล็ก (Micropolitan)
ซึ่งมีเศรษฐกิจและวิถีชีวิตร่วมกับเมืองก็จะเท่ากับ 17,786,419
คน
ประชาชนของเมืองใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันเป็นส่วนใหญ่
จากสถิติปี ค.ศ. 2005 มีประชากรเพียงร้อยละ 10 ที่ใช้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างใดอย่างหนึ่ง
No comments:
Post a Comment