Friday, May 7, 2010

หน่วยที่ 12 สหรัฐกับโลกที่แบ่งแยก

หน่วยที่ 12 สหรัฐกับโลกที่แบ่งแยก

ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
Pracob@sb4af.org

Keywords: CW105, ประวัติศาสตร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจ การเมือง

แปลและเรียบเรียง

(The United States in a Divided World)

จากช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สู่ยุคเข้าสู่สงครามเย็น ระหว่างสหรัฐและโลกทุนนิยม และเสรีนิยมฝ่ายหนึ่ง กับฝ่ายที่เป็นสังคมนิยม และเผด็จการคอมมิวนิสต์ที่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในยุโรป และในเอเซีย สหรัฐได้เข้าสู่ความขัดแย้งใหม่ในยุคที่เรียกว่า สงครามเย็น (Cold War) คือไม่มีการรบกันระหว่างฝ่ายขัดแย้งหลัก แต่มีสงครามตัวแทนเกิดขึ้นในหลายๆ ที่ และสหรัฐก็ได้เข้าสู่สงครามเหล่านั้น ที่สำคัญคือ สงครามเกาหลี และสงครามเวียตนาม

ในช่วงสงครามเย็นนี้อยู่ในยุคของประธานาธิบดี 4 คน

Harry S. Truman,

1945 - 1953

Dwight David Eisenhower

1953 - 1961

John Fitzgerald Kennedy,

1961 - 1963

Lyndon Baines Johnson,

1963 - 1969

ในช่วงสงครามโลกได้สงบลง สหรัฐได้เข้าสู้ยุคสันติและมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น มีการสนับสนุนให้จัดตั้งองค์กรสหประชาชาติ บ่งบอกถึงความต้องการสันติภาพและสัมพันธภาพระหว่างประเทศที่ราบรื่นขึ้น อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับโซเวียตรัสเซียได้เข้าสู่สภาพย่ำแย่ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นอกจากนั้นยังเกิดปัญหาด้านความอยู่รอดของมนุษย์ในช่วงหลังสงครามที่ผู้คนอดอยากในยุโรปหลังจากที่ต้องอยู่ในสภาพสงครามหลายปีติดต่อกัน ข้อเสนอของ Truman คือการพยายามหยุดยั้งการขยายตัวของอิทธิพลของโซเวียตในยุโรป การให้เงินช่วยเหลือในรูปกู้ยืมจำนวนมากในแผนฟื้นฟูที่เรียกว่า Marshall Plan เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุโรปและเพื่อลดบทบาทการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์

สงครามเย็น

ในช่วงนั้นจัดได้ว่าเป็นช่วงสงครามเย็น (Cold War) สหรัฐได้เข้าแทรกแซงการปิดล้อมเมืองเบอร์ลินโดยสหภาพโซเวียต และทำให้เกิดการรวมตัวของชาติยุโรปตะวันตกที่ยังไม่ได้อยู่ในอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ โดยจัดตั้งเป็นองค์กรที่ชื่อว่า The North Atlantic Treaty Organization หรือเรียกย่อๆ ว่า NATO ในช่วงดังกล่าวได้เกิดสงครามในเอเซียที่เรียกว่าสงครามเกาหลี (Korean War) โดยกองทัพของสหรัฐเป็นหลักในการเข้าต้านการบุกของเกาหลีเหนือที่หวังยึดครองเกาหลีส่วนใต้ที่เป็นภายใต้การคุ้มครองของฝ่ายสหรัฐ ซึ่งเป็นการเลิกนโยบายไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศและการเข้ามีบทบาทสำคัญในกิจกรรมของโลก

นโยบายระหว่างประเทศของสหรัฐมีผลต่อกิจการภายในประเทศด้วย เกิดมีความหวาดกลัวต่อลัทธิคอมมิวนิสต์กันไปทั่ว ในช่วงนั้นมีการนำเชลยสงครามขึ้นศาล ดังเช่นการพิจารณาคดีของ Alger Hiss และการประหารชีวิต Julius และ Ethel Rosenberg ความหวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ขยายตัวไปทั่ว มีการตรวจสอบความสวามิภักดิ์ต่อประเทศ และการจัดการกับคอมมิวนิสต์ด้วยกฏหมายชื่อ Amith Act .ที่ลูกจ้างในหลายๆ สายถูกเลิกจ้างถ้าถูกสงสัยในการเข้าร่วมในลัทธิการเมืองที่ไม่ปรารถนา ในช่วงดังกล่าว วุฒิสมาชิกชื่อ Josepth McCarthy เป็นนักล่าคอมมิวนิสต์ตัวสำคัญ และวิธีการของ McCarthy ได้รับรู้ในภายหลังว่าเป็นการคุกคามต่อเสรีภาพในการพูดและในวิถีประชาธิปไตยอย่างยิ่ง

การกลับมาของพรรครีพับลิกัน

พรรค Democrat ได้ครอบครองทำเนียบขาวและคุมฝ่ายบริหารเป็นเวลายาวนานในช่วงประธานาธิบดี Roosevelt และต่อด้วยประธานาธิบดี Truman รวมเป็น 5 สมัย เป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี

ได้ยุติลงในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 1952 และ Dwight D. Eisenhower ได้รับเสียงอย่างท่วมท้นในการชนะผู้สมัครจากพรรค Democrat ชื่อ , Adlai E. Stevenson พรรค Republican ไม่ได้พยายามลดทอนกฏหมายด้านสังคมที่ได้เริ่มในยุคของพรรค Democrat รัฐบาลของ Eisenhower ใช้นโยบายกิจการภายในแบบผ่อนปรน ในราวทศวรรษที่ 1950 สหรัฐถึงยุคที่เติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุด ราคาหุ้นในตลาดพุ่งสูง ในกิจการระหว่างประเทศ Eisenhower ซึ่งเป็นแม่ทัพในยุโรปในสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้วมีภาพของความเป็นสากล แต่มีการต่อต้านคอมมิวนิสต์แลขู่จะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการรุกรานของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในโลก และทัศนะเช่นนี้ได้รับการวิพากษ์จากประเทศโลกที่สามที่เป็นกลางในเอเชียและอัฟริกา ส่วนหนึ่งเพราะสหรัฐมีความใกล้ชิดกับประเทศล่าอาณานิคม อีกส่วนหนึ่งเพราะนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐที่มีทุนช่วยเหลือระหว่างประเทศ แต่กลับไปช่วยเผด็จการที่ไม่เป็นที่ชอบหน้าของประเทศนั้นๆ

ในการแข่งขันด้านอวกาศและความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี สหรัฐได้ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ที่เรียกว่า Hydrogen Bomb เป็นครั้งแรก และก็ตามมาด้วยการทดลองส่งดาวเทียม ขึ้นไปทดสอบโคจรรอบโลกได้สำเร็จโดยฝ่ายโซเวียตในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1958 มีการทดลองอาวุธนำวิถีทางไกลข้ามทวีป และสหรัฐได้หันกลับมาพัฒนากิจการด้านอวกาศ ในส่วนภายในประเทศ ได้มีการปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชน ในปี ค.ศ. 1959 รัฐ Alaska และ Hawaii ได้กลายเป็นรัฐที่ 49 และ 50 ของสหรัฐอเมริกา ในด้านสันติภาพ แม้มีความพยายามเจรจากับโซเวียตเพื่อลดกำลังอาวุธหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลว และการปิดล้อมกรุงเบอร์ลินของฝ่ายโซเวียตเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งที่สำคัญ

ยุคเคนเนดี

ในปี ค.ศ. 1961 ยุคของประธานาธิบดีสูงอายุได้เปิดสู่ยุคประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุด เป็นการต่อสู้กันระหว่าง John F. Kennedy แห่งพรรค Democrat ผู้ซึ่งได้ชัยชนะเหนือตัวแทนจากพรรค Republican ที่เป็นรองประธานาธิบดีในสมัยของ Eisenhower ที่ชื่อ Richard M. Nixon ประธานาธิบดีเคเนดี้ได้เริ่มยุคใหม่ของสหรัฐที่เรียกว่า New Frontiers ของอเมริกา แต่ก็ประสบการต่อต้านจากรัฐสภาในประเด็นกิจการภายใน ดังเช่นเรื่อง การลดปัญหาการแบ่งแยกผิว การปฏิรูปกฎหมาย การมีบริการการแพทย์แก่ผู้สูงอายุ ในกิจการระหว่างประเทศเคเนดี้ได้ประสมประสานนวตกรรมด้านมนุษยธรรมอย่างโครงการอาสาสมัครเพื่อสันติภาพอย่าง Peace Corps และ Alliance for Progress ให้เข้ากับแนวทางการต่อต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์อย่างแข็งกร้าว

กรณีวิกฤติคิวบา

ในช่วงปี ค.ศ. 1961 หลังจากการยกเลิกสัมพันธภาพกับคิวบาภายใต้การนำของ Fidel Castro ซึ่งเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างชัดแจ้ง สหรัฐได้สนับสนุนแผนการบุกยึดคิวบาที่ล้มเหลว ในปี ค.ศ. 1962 สงครามเย็นได้เข้าสู่ยุคตึงเครียดที่สุดเมื่อเรือบันทุกจรวดติดหัวรบนิวเคลียร์ของโซเวียตได้เข้ามาหวังติดตั้งฐานการปล่อยจรวดในคิวบา สหรัฐได้ใช้กำลังทางเรือเข้าปิดล้อมและกดดันให้โซเวียตต้องถอนกำลังกลับไป

ในช่วงแห่งความตึงเครียดและใกล้จะเกิดสงครามอีกครั้งนั้น โซเวียตได้ตัดสินใจถอนกำลังกลับไป และในช่วงดังกล่าว กิจการอวกาศก็เริ่มไล่ทันโซเวียต โดยได้มีการปล่อยยานอวกาศที่เป็นดาวเทียมนำคนขึ้นไปโคจรรอบโลกและกลับมาได้อย่างสวัสดิภาพ Col John H. Glenn ได้เป็นมนุษย์อวกาศคนแรกที่ไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จ ความตึงเครียดของสงครามได้ลดลงเมื่อโซเวียตและสหรัฐได้บรรลุข้อยุติในการลดกำลังอาวุธนิวเคลียร์และการจำกัดการทดลองระเบิดนิวเคลียร์นั้น

No comments:

Post a Comment