ในยุคที่การเมืองเริ่มเข้มแข็งขึ้นด้วยการมีระบบเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1828 โดยมีประธานาธิบดี Andrew Jackson เป็นประธานาธิบดี เขาเป็นคนนำเสนอแนวคิดของการทำให้การเมืองตอบสนองต่อคนทั่วไป ไม่ใช่คนร่ำรวยหรือคนกลุ่มผลประโยชน์ เขาปรับระบบการเมืองภายใต้การนำของเขาให้ตอบสนองต่อประชาชน โดยตัวเขาเองแล้ว เขาสนับสนุนนโยบายการต่างประเทศที่เข้มแข็ง การขยายประเทศไปในทิศตะวันตก ในทางเศรษฐกิจ เขายืนหยัดในวิถีชีวิตแบบเอกตบุคคล เขาโจมตีพวกใช้เงินและผลประโยชน์ที่เข้าไปเกาะกุมธนาคารกลางของประเทศ แต่เขาก็สนับสนุนการรวมกันเป็นสหรัฐ แต่กระนั้นฝ่ายใต้ก็เริ่มขัดเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ และในระยะนั้น John C Calhoun ได้กลายเป็นกระบอกเสียงให้กับฝ่ายใต้โดยแนวคิด “การยึดถือสิทธิของรัฐ”(States’ Rights Doctrine)
ฝ่ายปฏิปักษ์นโยบายของ Jacskson รวมทั้งพวกอนุรักษ์ทั้งทางเหนือและใต้ กลุ่มเจ้าของที่ดิน ได้รวมตัวกันตั้งพรรคที่เรียกว่า Whiq Party ซึ่ง Henry Clay และ Daniel Webster ได้เป็นบุคคลสำคัญ
Martin Van Buren,
1837 – 1841
William Henry Harrison,
1841 -
John Tyler,
1841 - 1845
James Knox Polk,
1845 - 1849
ส่วนประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Martin Van Buren ได้ใช้นโยบายเดินตาม Jacksonแต่ความนิยมของ Buren ได้ตกลงอย่างมากในช่วงความตื่นตระหนกในปี ค.ศ. 1837 ฝ่ายพรรค Whiq ได้ใช้นโยบายยึดแนวทางของพรรค Democratic Party ด้วยการรณรงค์หาเสียงแล้วเลือก William Henry Harrison เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ในช่วงนั้น การเคลื่อนไปสู่ตะวันตกได้รับความสนใจอย่างมาก ในปีทศวรรษ1840 การขยายตัวไปจรดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และนั้นกลายเป็นจุดหมายปลายทางของประเทศสหรัฐอเมริกา
การเกิดรัฐเทกซัส
ในขณะนั้นสาธารณรัฐเทกซัส (The Republic of Texas) ได้ชนะและเป็นอิสระจากประเทศเมกซิโก แต่การรับรัฐนี้เข้าร่วมก็ชะลอด้วยความขัดแย้งเรื่องสถานะของทาส การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐมาสำเร็จในสมัย John Tyler เป็นประธานาธิบดี และสนธิสัญญาสำเร็จเพียง 3 วันก่อนเขาหมดวาระในตำแหน่ง และเพราะการกระทำของเขาทำให้ James K Polk แห่งพรรค Democrat ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ที่ใช้นโยบายเข้ายึดครอง Oregonและการผนวกรัฐเทกซัสเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐ
No comments:
Post a Comment