ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat
E-mail: pracob@sb4af.org
Keywords: cw022, ยุทธศาสตร์, การรบ, ความเป็นผู้นำ
ประชาธิปไตย (Democracy) ยึดหลัก “ความเสมอภาค ภราดรภาพ และเสรีภาพ” แต่ประชาธิปไตยนั้นไม่ได้ดำรงอยู่ได้ด้วยสันติวิธี แต่ด้วยต้องมีกำลังที่เข้มแข็งที่จะปกป้องระบบการปกครองนั้นๆไว้ และการจะปกป้องอธิปไตยของประเทศไว้ได้ ก็ต้องมีกำลังทะหาร ซึ่งกำลังนั้น ต้องถือว่า “คนทุกคนเป็นทหาร”
คำกล่าวโดยโธมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) นักคิดด้านประชาธิปไตยในยุคใหม่ และผู้ร่วมต่อสู้ในสงครามประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 1776) กล่าวว่า “ประชาชนทุกคนควรเป็นทหาร ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นในกรีกและโรมัน และเป็นความจำเป็นสำหรับทุกรัฐอิสระ”
Every citizen should be a soldier. This was the case with the Greeks and Romans, and must be that of every free state. Thomas Jefferson
ในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการสร้างและรักษา
คำอธิบายนี้เห็นได้ชัดจากการเริ่มต่อต้านการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และคนที่อาศัยอยู่ในแดนอาณานิคมเห็นว่าไม่ยุติธรรมที่ชาวอาณานิคมต้องเสียภาษี แต่กลับไม่ได้รับสิทธิและเสียงที่จะเป็นตัวแทนในรัฐสภาของอังกฤษ และเงินภาษีที่จ่ายไปนั้น ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สุขของชาวอาณานิคม และเมื่อเกิดสงครามประกาศอิสรภาพ (American Revolutionary War) ขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1775-1783 ชาวอาณานิคมตัดสินใจที่จะขัดขืนและประกาศอิสรภาพ ก็ต้องพร้อมที่จะสู้ และเมื่อสู้ก็ต้องสู้อย่างเข้มแข็ง มีกองทัพที่จัดตั้งขึ้นเอง แม้จะยังไม่มีความพร้อมด้านการฝึกฝนและประสบการณ์ในสนามรบ ไม่มียุทโธปกรณ์เพียงพอ แต่ก็ต้องสั่งสมและเรียนรู้เอาระหว่างนั้น แม้เข้าสู่สนามรบอย่างไม่พร้อม มีแพ้หลายๆครั้ง ทหารบาดเจ็บล้มตายไปเป็นอันมาก แต่ก็ต้องต่อสู้ยืนหยัดในหลายครั้งและเรียนรู้ไปในระหว่างนั้น
เจฟเฟอร์สันกล่าวว่า “คนทุกคนควรเป็นทหาร “ คำกล่าวนี้ มีความหมายคือ หากครอบครัวใดมีลูกชายในวัยหนุ่มฉกรรจ์ ก็ต้องส่งลูกเข้าร่วมในสงคราม ในสมัยนั้นเป็นไปโดยอิสระ หากใครไม่มีบุตรเหลือพอที่จะส่งไปรบ ก็ต้องมีผู้ชายช่วยครอบครัวทำการเกษตร และเป็นฝ่ายส่งกำลังบำรุง และนี่รวมถึงสตรีและผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ไปร่วมรบ ก็ต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายส่งกำลังบำรุง ส่งเงิน อาหาร และผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปใช้ในสงคราม
ในการต่อสู้และจัดตั้งกองทัพแห่งทวีป (Continental Army) แม้อังกฤษจะมีกำลังทัพที่เหนือกว่าด้านกองเรือ สามารถยึดครองเมืองชายฝั่ง เมืองท่าได้ แต่เมื่อต้องมีการรบลึกเข้าไปในแผ่นดิน ซึ่งคนกว่าร้อยละ 90 อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว อังกฤษก็ประสบปัญหากำลังที่จะต้องกระจายตัวเองออกไป เมื่อต้องใช้กำลังทหารเกณฑ์จากฝ่ายชาวอาณานิคมที่ยังสวามิภักดิ์ต่ออังกฤษ (Royalists) ก็ไม่ไว้ใจ ต้องมีนายทหารอังกฤษกำกับกองกำลังเหล่านั้น การรบในลักษณะดังกล่าวนี้ ในที่สุด อังกฤษก็อ่อนกำลังลง พ่ายแพ้มากขึ้น และในที่สุด ก็ต้องเจรจาสงบศึก และยอมรับในความเป็นประเทศเอกราชของสหรัฐอเมริกา
ในการดำรงอยู่อย่างเป็นประเทศ และรวมถึงการรักษาความสงบในประเทศ จึงยังต้องมีกำลังคน ทหาร หน่วยรักษาความมั่นคงภายใน และทหารพราน หรือทหารอาสา และในยามที่เมื่อชาติต้องการ ทุกคนในประเทศนั่นแหละคือทหาร ทุกคนต้องมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายของประเทศ และต้องมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาอธิปไตย ความสงบสุขของประเทศ
No comments:
Post a Comment